กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 292

บทที่ 292.2 บนภูเขาล่างภูเขา
โดย
ProjectZyphon
เฉินผิงอันจำได้ว่าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา อาวุธวิเศษและสมบัติอาคมไม่กี่ชิ้นที่ขายด้วยราคาสูงสุดบนเรือคุนของภูเขาต่าเจี้ยวจากอุตรกุรุทวีปนั้นก็แค่ประมาณหนึ่งถึงสองหมื่นเหรียญเงินเกล็ดหิมะ

สำหรับคู่พี่น้องสองคนนั้นแล้ว ก็เหมือนกับตอนที่เฉินผิงอันยังเป็นลูกศิษย์ในเตาเผามังกร แล้วได้ยินหลิวเสี้ยนหยางพูดอย่างลับๆ ล่อๆ ว่าราคาของบ้านหลังใหญ่บนถนนฝูลวี่นั้นมีราคาหลายพันตำลึง

ตอนนั้นขนาดเศษเงินเม็ด เฉินผิงอันยังเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

เพียงแต่ไม่รู้ว่าหลังจากครั้งนั้น จำนวนครั้งที่ชุนสุ่ยกับชิวสือได้เห็นเงินฝนธัญพืชมีมากน้อยแค่ไหน

ลู่ไถง่วนกับการอาศัยปราณวิญญาณที่มีอยู่ในจินหลี่มารักษาอาการบาดเจ็บ จึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าหม่นหมองของเฉินผิงอัน เขาแค่นเสียงเย็นพูดว่า “ทุ่มชีวิตเข่นฆ่ากับหม่าว่านฝ่า เชือกห้าสีเส้นนั้นของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง สมบัติคุ้มกันกายอีกชิ้นหนึ่งก็ถูกทำลายจนย่อยยับไปแล้ว ไม่พูดถึงราคาซ่อมเชือกห้าสี เจ้ารู้หรือไม่ว่าสมบัติคุ้มกันกายชิ้นที่ข้าพูดถึงนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่?”

ลู่ไถกะพริบตาปริบๆ “หากเอาสมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ในวัตถุฟางชุ่นมอบให้ข้า บวกกับธงค่ายกลที่กระจัดกระจายพวกนั้นก็ถือว่าข้าไม่ขาดทุนอย่างถูไถ พอจะได้กำไรมาบ้าง”

เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าลืมนับ ‘ยันต์ปลาผ้า’ ที่สามารถเอาไปเก็บไว้ในชั้นหนังสือของตระกูลเล่มนั้น”

ลู่ไถทำท่า ‘กระจ่างแจ้งในฉับพลัน’ “ฮ่าๆ ข้าลืมไปเลย”

เฉินผิงอันชี้ไปยังวัตถุฟางชุ่นที่อยู่ในมือเขา “ยังมีหยกแผ่นนี้อีก ถอยไปพูดหนึ่งก้าว หากเจ้ากับข้าแบ่งกันคนละครึ่งจริงๆ หยกชิ้นนี้มีมูลค่าเท่าไหร่? วัตถุฟางชุ่นชิ้นหนึ่ง ถึงอย่างไรก็คงไม่ใช่ถูกๆ หรอกกระมัง?”

ลู่ไถพูดอย่างขุ่นเคือง “เฉินผิงอัน! ข้าบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เจ้าจะไม่เห็นใจกันบ้างเลยรึ?”

เฉินผิงอันพูดอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ “ข้าก็บอกแล้วว่านอกจากกระบี่เล่มนี้ ของทุกชิ้นล้วนเป็นของเจ้า เจ้ายังจะพูดวกไปวนมาไม่หยุด ต้องการอะไรกันแน่?”

ลู่ไถถอนหายใจ “ก็เพราะข้ารู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบเจ้าเกินไป ดูไม่มีคุณธรรมไงล่ะ ถึงได้พยายามคิดหาวิธีที่ทั้งทำให้ตัวเองได้กำไรก้อนใหญ่ แล้วก็ทั้งสบายใจด้วย”

เฉินผิงอันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้าไม่เบื่อบ้างหรือไง?”

เฉินผิงอันดึงกระบี่ยาวที่อยู่ข้างกายออกมายื่นส่งให้ลู่ไถ บอกให้เขารู้ถึงความผิดปกติหลังจากกระบี่เล่มนี้แทงทะลุหัวใจอย่างคร่าวๆ ลู่ไถโบกมือไม่รับกระบี่ ‘ชือซิน’ ของโต้วจื่อจือเล่มนี้มา พูดเข้าประเด็นโดยตรงว่า “ไม่จำเป็นต้องให้ข้าใช้มือชั่งน้ำหนักด้วยตัวเองก็รู้แล้วว่านี่เป็นวิธีของพวกนอกรีตนอกรอย”

เฉินผิงอันอึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ชายฉกรรจ์คนนั้นพูดว่า ‘เคยแล้ว’ หมายความว่ายังไง?”

ลู่ไถยิ้มตาหยี “วันหน้าเจ้าก็หัดเข้าหอโคมเขียวบ่อยๆ ดื่มเหล้าเคล้านารีเยอะๆ เดี๋ยวก็ได้รู้เอง”

เฉินผิงอันไม่สนใจคำสัพยอกของเขา วางกระบี่พาดขวางไว้ด้านหน้า ชักกระบี่ออกจากฝักช้าๆ ประกายน้ำฤดูใบไม้ร่วงที่ทำให้คนหนาวเย็นคล้ายมารวมกันบนตัวกระบี่เล่มนี้

ลู่ไถอธิบาย “รู้แค่ว่ามันขายได้ราคาไม่ต่ำแน่นอน”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ไม่ได้กังขาในเรื่องนี้

หลานชายของซ่งอวี่เซาอริยะกระบี่แคว้นซูสุ่ยเคยตั้งใจไปเยือนท่าเรือตระกูลเซียนที่ตั้งอยู่ตรงเขตเชื่อมต่อระหว่างสองแคว้นเพื่อจ่ายเก้าร้อยเหรียญเงินเกล็ดหิมะซื้อกระบี่สั้นเล่มหนึ่งที่หลอมมาจากบนภูเขา ผลาญสมบัติของหมู่บ้านบนภูเขาไปไม่น้อย

ขอบเขตวิถีวรยุทธ์ของผู้อาวุโสซ่งพอๆ กับของโต้วจื่อจือ

แต่คนทั้งสองที่เป็นมือกระบี่ชั้นสูงในยุทธภพกลับมีรากฐานในการยืนหยัดและสัจธรรมแห่งเวทกระบี่ที่แตกต่างกันมาก

ซ่งอวี่เซาที่เป็นปรมาจารย์วิถีกระบี่ซึ่งชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วยุทธภพไร้ที่พึ่ง มีแค่กระบี่เล่มเดียว

สำหรับในข้อนี้ โต้วจื่อจือก็เป็นแบบเดียวกัน เพียงแต่ในด้านของกระบี่พกติดกาย เขากลับให้ความสำคัญอย่างเต็มที่

เมื่อเทียบกับผู้ฝึกลมปราณที่มีสมบัติอาคมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีแล้ว เรียกได้ว่าแตกต่างราวฟ้ากับเหวจริงๆ

ส่วนผู้ฝึกกระบี่ที่ไม่อยู่ในยุทธภพ แต่อยู่บนฟ้าก็ยิ่งตรงไปตรงมา แสวงหาในข้อที่ว่าหนึ่งกระบี่ฝ่าทลายหมื่นอาคม

เฉินผิงอันถามถึงอาคมสับเปลี่ยนหลังจากที่อาจารย์คุมทัพผู้นั้นตบยันต์ให้แตก ลู่ไถเองก็เพิ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก แต่ไม่ได้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ลูกหลานสกุลลู่ที่มีความรู้กว้างขวางผู้นี้พูดจ้อไม่หยุด และถือโอกาสพูดให้เฉินผิงอันฟังถึงการร่วมมือกันระหว่างยันต์และค่ายกล เฉินผิงอันถึงได้รู้ว่าที่แท้การใช้ยันต์ย่อพื้นที่สองแผ่น ‘ทับซ้อนกัน’ สามารถสำแดงประสิทธิผลอย่างที่คาดไม่ถึงได้

เวทอภินิหารบนภูเขาเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์นับร้อยนับพันรูปแบบอย่างแท้จริง

“พอสมควรแล้ว สยบอาการบาดเจ็บเอาไว้ได้แล้ว หลังจากนี้แค่สงบใจพักฟื้นก็พอ”

ลู่ไถลุกขึ้นยืน ใช้ปลายนิ้ว ‘จับ’ ชุดคลุมอาคมสีทองออกมา โยนไปให้เฉินผิงอัน เฉินผิงอันแค่กางสองแขนออกกว้างจินหลี่ก็สวมลงบนร่างเขาด้วยตัวเองเหมือนมีสาวใช้ปรนนิบัติสวมใส่ให้

ลู่ไถเก็บหยกสีเขียวเข้มแผ่นนั้นเข้าไปไว้ในชายแขนเสื้อ พูดยิ้มๆ ว่า “นั่งลงแบ่งของโจร กลัวเรื่องอะไรมากที่สุด”

ลู่ไถถามเองตอบเอง “แบ่งของได้ไม่เท่ากันแล้วขัดแย้งกันเอง ดังนั้นข้าลองคำนวณดูแล้ว ตอนนี้ข้าติดค้างเจ้าเฉินผิงอันเป็นราคาครึ่งหนึ่งของแผ่นหยก หากคิดเป็นเงินเกล็ดหิมะล่ะก็…”

ลู่ไถร้องโอ้ยหนึ่งที ยกมือกุมหัวใจ ขมวดคิ้วมุ่น “พอพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็เจ็บหัวใจขึ้นมาทันทีเลย”

เฉินผิงอันตบหัวลู่ไถหนึ่งป้าบ ด่ายิ้มๆ “เกเร”

ตอนอยู่บนภูเขาลั่วพั่ว เว่ยป้อมักจะทำแบบนี้กับเด็กชายชุดเขียวบ่อยๆ

ลู่ไถอึ้งตะลึง แต่แล้วก็ไม่ได้ถือสาเฉินผิงอัน

“ข้าจะไปดูความเคลื่อนไหวรอบด้านสักหน่อย ยังไม่ต้องรีบร้อนไปไหน”

เฉินผิงอันพูดจบก็กระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้สูง ทอดสายตามองไปรอบด้าน

ลู่ไถเงยหน้ามองตาม ลังเลอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็ปลุกความกล้าให้ตัวเองขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้ เพียงแต่ยังไม่ลืมใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งยันกับลำต้น ถึงจะพอวางใจลงได้บ้าง

เฉินผิงอันมือหนึ่งถือกระบี่ชือซิน อีกมือหนึ่งปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าอย่างที่หาได้ยาก “ลู่ไถ อันที่จริงข้ารู้ว่า หากไม่สังหารหม่าว่านฝ่า ย่อมทิ้งภัยร้ายไว้เบื้องหลังไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากนี้จะต้องเจอกับปัญหาความวุ่นวายไปตลอดทาง ผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะกัดไม่ปล่อย ข้าเองก็เคยเจอมาก่อนที่แคว้นซูสุ่ย ดังนั้นข้ามีแค่กระบี่เล่มนี้ก็พอแล้ว เจ้าไม่ต้องให้เงินเกล็ดหิมะข้าเพิ่มหรอก”

ลู่ไถกำลังจะอ้าปากพูด

แต่เฉินผิงอันกลับหันหน้ามาส่งยิ้มบางๆ ให้เสียก่อน “แต่พอได้รู้จักกับเจ้า ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรใช้เหตุผลของตัวเองฝ่ายเดียว ทุกเรื่องล้วนกลัวความสุดโต่งมากที่สุด หากเจ้าไม่สบายใจจริงๆ ข้าจะรับเงินไว้ด้วยก็ได้”

ลู่ไถไม่ได้พูดอะไร เขาถือโอกาสเอนตัวพิงลำต้น คลี่ยิ้มหยิบกระจกออกมาส่องซ้ายส่องขวา เริ่มจัดผมข้างจอนหูของตัวเองอย่างประณีตพลางคลอเพลงในลำคอไปด้วย

ม้าไม่กินหญ้าตอนค่ำไม่อ้วน คนไม่มีโชคลาภก็ไม่รวย

เฉินผิงอันทนเห็นภาพนี้ไม่ไหวจึงไม่มองเขาอีก แต่แล้วจู่ๆ ก็พลันขมวดคิ้ว “มีคนกำลังมาทางนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!