สองพี่น้องสกุลหลวนที่ทั่วร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีหน้าซีดขาว นักพรตหนุ่มพูดปากสั่น “ไม่รู้ว่าภูตผีปีศาจพวกนั้นใช้วิธีชั่วร้ายอะไร ถึงเผาผลาญปราณวิญญาณที่อยู่ในสิงโตหินสองตนจนหมดสิ้นไปนานแล้ว”
ผู้เฒ่าหันหน้าไปมองทะเลเมฆทางสนามฝึกยุทธ์ ขุนเขาลดตัวลงต่ำ พายุหมัดพัดตะลุยรับศัตรู เหนือทะเลเมฆยิ่งมีปราณกระบี่ตัดสลับวนเวียน
ผู้เฒ่าพลันบังเกิดความหวังอันเลือนรางเสี้ยวหนึ่ง ดิ้นรนลุกขึ้นยืน พูดกับหนุ่มสาวทั้งสี่คนว่า “พวกเจ้าสี่คนรีบออกไปจากป้อมอินทรีบินซะ ก่อนหน้านี้เป็นพวกเจ้าที่ช่วยคุ้มกันข้ามาตลอดทาง ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะช่วยคุ้มกันพวกเจ้าไปส่งบ้างแล้ว พวกเจ้าจงคิดซะว่านี่เป็นการจากไปเพื่อเหลือสายเลือดของป้อมอินทรีบินเอาไว้ ไม่ต้องลังเลแล้ว รีบไปจากที่นี่ ไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี วันหน้าก็ไม่ต้องคิดจะแก้แค้น!”
เถาเสียหยางไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นยืน เขาเงยหน้ามองสตรีสกุลหลวนที่ตัวเองปักใจรักมาเนิ่นนาน พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “หลวนซู เจ้าไปกับหลวนฉางเถอะ ข้าจะอยู่ที่นี่ ขึ้นเหนือล่องใต้ท่องไปทั่วยุทธภพมานานหลายปี รู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ วันนี้ข้าไม่ไปไหนแล้วล่ะ”
นักพรตหนุ่มกำลังจะเปิดปากพูด เถาเสียหยางกลับส่ายหน้าให้เขา “หวงซ่าง ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมข้าหรอก ข้าตัดสินใจดีแล้ว!”
นักพรตเฒ่าถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วพาลูกศิษย์กับสองพี่น้องสกุลหลวนบุกฆ่าไปตลอดทาง มุ่งหน้าสู่ประตูทิศเหนือของป้อมอินทรีบิน
เถาเสียหยางนั่งขัดสมาธิ หันหน้าเข้าหาประตูใหญ่ของศาลบรรพชน เริ่มใช้ชายแขนเสื้อเช็ดดาบยาว
หวงซ่างวิ่งตะบึงไปเบื้องหน้าพร้อมกับพวกอาจารย์ สายตาของเขาพร่าเลือน ไม่กล้าหันหลังกลับไปมองผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มคนนั้นแม้แต่ครั้งเดียว
หลวนซูพลันหันหน้ากลับไปมองแผ่นหลังที่สิ้นหวังของบุรุษที่ตัวเองคุ้นเคยดี ในใจเกิดความเวทนาสงสาร คำพูดนับพันนับหมื่นขึ้นมารออยู่ที่ปาก แต่สุดท้ายกลับสลายไปดั่งหมอกควัน
ระหว่างความเป็นความตาย นิสัยแท้จริงของคนมักจะเปิดเผยให้เห็นได้ดีที่สุด
หญิงสาวถูกพี่ชายกระชากให้วิ่งไปด้วยกัน ไม่มัวหยุดยืนเฉยอยู่อีก
เถาเสียหยางก้มหน้าลงจ้องมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนจากคมมีดแวววาว แล้วกระตุกมุมปาก ก็ยังไม่ชอบอยู่ดีสินะ
……
วินาทีที่ทารกผีถูกพัดไม้ไผ่ของลู่ไถแทงทะลุหัวใจตาย เสียงร้องโหยหวนก็ดังออกไปจากห้องโถงหลัก เหนือทะเลเมฆสีดำนอกหอเรือน ผู้เฒ่ากวานสูงไม่มัวมาสนใจการบินโจมตีฉวัดเฉวียนอย่างกำเริบเสิบสานจากกระบี่บินสองเล่มอีกต่อไป เขาเผยตัวอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามองถึงขีดสุด โมโหจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง แม้แต่กวานสูงเหนือศีรษะก็ยังสั่นคลอนตามไปด้วย ทะเลเมฆที่เกือบจะกลบทับหลังคาสูงก็ยิ่งซัดตลบอบอวลเหมือนน้ำเดือดพล่าน
ผู้เฒ่าหันไปคำรามใส่หอหลักอย่างเดือดดาล “เศษสวะ เศษสวะ! จะเก็บเจ้าไว้ทำซากอะไร?!”
ผู้เฒ่ายื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกไปแล้วพลันบีบแน่น
บุรุษถือแส้ที่กำลังรับมือกับกระบี่บินสองเล่มอย่างยากลำบากอยู่ในห้องโถงใหญ่ ช่วงแรกเริ่มที่ฝากตัวเป็นศิษย์ เขาก็ถูกผู้เฒ่าใช้เวทลับของสำนักควบคุมไว้แล้ว เวลานี้อยู่ดีๆ หัวใจของบุรุษก็ระเบิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นจิตวิญญาณของเขาก็แหลกสลายในเสี้ยววินาที กระดูกและเนื้อแยกออกจากกัน เลือดสดก็ยิ่งถูกดูดดึงไปจนเกลี้ยง กลายมาเป็นลูกกลมสีแดงสดขนาดใหญ่ลูกหนึ่งที่พุ่งชนไปรอบด้านโดยไม่สนใจสิ่งใด การระเบิดแตกของมหาสมุทรลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทรคนหนึ่งทำให้ยันต์ของลู่ไถที่เข้ายึดครองพื้นที่ระเบิดแตก สั่นสะเทือนราวกับจะร่วงกราวลงมา รอจนเลือดสดพุ่งออกไปด้านนอกก็เหมือนสกุณากลับคืนรังที่พยายามจะบินไปหาผู้เฒ่าบนทะเลเมฆด้านนอก
ลู่ไถขมวดคิ้ว เก็บเจินเจียนและม่ายกวางกลับมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เปรอะเปื้อนเลือดที่สกปรกเหล่านั้น เพราะหากโดนพวกมันขึ้นมา ถึงเวลานั้นย่อมไม่ได้ง่ายดายแค่เผาผลาญวัตถุดิบวิเศษอย่างเดียวเท่านั้น เขาไม่กรอกปราณวิญญาณใส่ยันต์เหล่านั้นอีก ดังนั้นเลือดสดจึงเหมือนแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลยาวจากห้องโถงใหญ่ไปยังผู้เฒ่ากวานสูงที่อยู่บนทะเลเมฆ ไหลกรูกันเข้าหาฝ่ามือของผู้เฒ่า
ผู้เฒ่าเหมือนคนหิวกระหายที่กินอิ่มหนำไปหนึ่งมื้อ ดวงตาทั้งคู่สาดประกายสีเลือด สะบัดชายแขนเสื้อสองข้าง ลมปราณสีแดงฉานสองขุมก็พรั่งพรูออกจากชายแขนเสื้อใหญ่ ทันใดนั้นลมพายุก็พัดกระพือฮือโหมจนชูอีสืออู่สองกระบี่บินปลิวล่องลอยอยู่ในทะเลเมฆ
ผู้เฒ่ากวานสูงสีหน้าดุร้าย ก้มหน้าลงมองขุนเขากลางที่ยังไม่สัมผัสพื้นแล้วคำรามกร้าวอย่างเดือดดาล “ดิ้นรนก่อนตาย! เดิมทีนึกว่าเมื่อผีร้ายเพิ่งถือกำเนิด ย่อมไม่มีความอยากอาหาร จึงคิดจะใช้ขุนเขากดทับร่างเจ้า ค่อยๆ คั้นแก่นเลือดออกมาทีละนิด ในเมื่อตอนนี้เจ้าทำให้การใหญ่ของข้าผู้อาวุโสพังพินาศไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าผู้อาวุโสก็จะไม่มัวพิถีพิถันอยู่อีก! ไปตายซะ!”
ลู่ไถมายืนอยู่บนดาดฟ้าของหอหลักป้อมอินทรีบินแล้ว เขาควบคุมกระบี่บินสองเล่มให้พุ่งเข้าหาผู้เฒ่าที่อยู่บนทะเลเมฆ หัวเราะเสียงดังอย่าสาสมใจ “เจ้าโจรเฒ่า! ภูเขาไท่ผิง (*ขออนุญาตเปลี่ยนจากไท่ผิงซานเป็นภูเขาไท่ผิง) ของข้ารอวันนี้มานานมากแล้ว!”
สีหน้าของผู้เฒ่าแข็งค้าง แต่แล้วก็หัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง “ต่อให้วันนี้ข้าผู้อาวุโสต้องมาตายอยู่ที่นี่ ก็จะต้องให้ผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์ของภูเขาไท่ผิงอย่างพวกเจ้าสองคนตายตกไปตามกันให้จงได้!”
มือข้างหนึ่งของผู้เฒ่าโบกชายแขนเสื้อไม่หยุด พยายามขัดขวางการลอบสังหารจากกระบี่บินสี่เล่มอย่างชูอีสืออู่ ส่วนอีกมือหนึ่งกำเป็นหมัดต่อยลงไปด้านล่างสุดแรง “ไอ้เด็กเปรต จะตายหรือไม่ตาย?!”
สีหน้าของลู่ไถเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดในใจหนึ่งคำว่า “ไป” เข็มขัดหลากสีเส้นหนึ่งบินจากดาดฟ้า ร่วมมือกับเชือกพันธนาการปีศาจที่เป็นดั่งเจียวหลงสีทองรัดพันภูเขา พากันกระชากขุนเขากลางขึ้นไป จะปล่อยให้มันรวมกับขุนเขาอีกสี่ลูกที่ลงหลักปักฐานอยู่บนพื้นดินแล้วไม่ได้เด็ดขาด ถึงเวลานั้นหากห้าขุนเขารวมกันเป็นค่ายกลใหญ่ อย่าว่าแต่เฉินผิงอันคือผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสี่เลย ต่อให้เป็นร่างกายและจิตวิญญาณของขอบเขตหก เกรงว่าก็คงถูกบดขยี้กลายเป็นก้อนเนื้อเละๆ ทั้งเป็นเช่นกัน
ลู่ไถตวาดกร้าวอย่างเดือดดาล “จงขึ้นให้ข้า!”
ภูเขาเริ่มขยับขึ้นไปหลายฉื่อ
“ใครบ้างที่สู้สุดชีวิตไม่เป็น?!” ผู้เฒ่ากวานสูงคนนั้นไม่เสียแรงที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระที่มีชื่อเสียงความดุร้ายเลื่องลือ เขาลุกขึ้นยืนพลางหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน หลังเก็บเบาะนั่งใบนั้นไปแล้ว ร่างกายครึ่งร่างก็แห้งเหี่ยวเหมือนไม้เฉาทันที อีกทั้งยังกลายเป็นเถ้าธุลีที่ลอยกระจายหายไปอย่างต่อเนื่อง ผู้เฒ่ายังคงไม่สนใจใยดี เขาพุ่งตัวไปยังขุนเขากลาง พอสองเท้าสัมผัสกับยอดเขาก็กระแทกร่างกดทับลงไป ทำให้ยอดเขาที่ถูกเข็มขัดห้าสีและเชือกพันธนาการปีศาจรั้งตัวไว้สัมผัสกับพื้นได้สำเร็จ!
เมื่อขุนเขากลางร่วงลงบนพื้น ตลอดทั้งป้อมอินทรีบินก็สั่นสะเทือนไม่หยุด เป็นเหตุให้เทือกเขานอกป้อมเริ่มแตกร้าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!