กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 302

สรุปบท บทที่ 302.1 เสียใจ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 302.1 เสียใจ – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 302.1 เสียใจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 302.1 เสียใจ
ProjectZyphon
แนวโน้มของสถานการณ์ใหญ่ในใต้หล้า แท้จริงแล้วส่วนใหญ่บนภูเขามักจะเป็นผู้ตัดสิน

บนท้องฟ้าที่ห่างไกลไปจากป้อมอินทรีบิน

ทั้งสองฝ่ายกำลังคุมเชิงกัน

ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของพวกเขาคล้ายจะเป็นตัวตัดสินว่าป้อมอินทรีบินจะดำรงอยู่หรือล่มสลาย

กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสามเล่มบวกกับคนหนุ่มอีกสองคน ซ้ำร้ายยังมีเชือกพันธนาการปีศาจและเข็มขัดห้าสีรัดพันกาย

เรียกได้ว่าผู้เฒ่ากวานสูงตกอยู่ในวงล้อมที่แน่นหนาของศัตรู หาใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามมีกองกำลังมาก แค่เพราะอีกฝ่ายมีสมบัติอาคมให้ใช้ไม่หมดหมดสิ้น

เผชิญหน้ากับตัวประหลาดที่อายุยังน้อยสองคนตรงหน้า ราวกับรู้ว่าตัวเองต้องตาย ผู้เฒ่าจึงมีสีหน้าหดหู่ เต็มไปด้วยความจนใจ เขาเอ่ยเนิบช้าว่า “หากไม่เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ตอนที่เด็กหนุ่มชุดทองแทงข้าหนึ่งกระบี่ ข้าย่อมระเบิดโอสถทองของตัวเองไปแล้ว จากนั้นค่อยใช้จิตหยินที่หลงเหลืออยู่ระเบิดร่างเจ้าให้ตายตกไปตามกัน ถึงอย่างไรในยุคสมัยที่ข้าผู้อาวุโสรุ่งเรืองก็เคยเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตโอสถทองที่ได้สัมผัสธรณีของขอบเขตก่อกำเนิดมาก่อน ต่อให้เจ้าหลบพ้นก็ไม่มีทางดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ ไม่แน่ว่าเปลือกนอกที่งดงามนี้ก็อาจจะไม่เหลือแล้วก็ได้”

ลู่ไถพยักหน้ารับ ไม่ได้ปฏิเสธ

แต่หางตากลับแอบจับจ้องแขนทั้งสองข้างของผู้เฒ่าผู้กวานสูงตลอดเวลา นั่นต่างหากถึงจะเป็นไม้ตายที่แท้จริงของผู้เฒ่า

ผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์และฉลาดถึงเพียงนั้น จึงก้มหน้าลงมองตามสายตาของเขาไป จุ๊ปากพูด “ล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั้น”

ผู้เฒ่ากวาดตามองรอบด้านด้วยความรู้สึกหงอยเหงาเล็กน้อย “ตอนนั้นหากไม่เป็นเพราะลูกศิษย์คนสำคัญของบุรพาจารย์ท่านหนึ่งแห่งภูเขาไท่ผิงปรารถนาอยากได้กวานห้าขุนเขาของข้า แต่ข้าไม่ยอมมอบให้เขา ต่อให้ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้ก็ตาม เขาที่ไม่ได้สมใจจึงแอบไปติดต่อกับผู้ฝึกตนอิสระอย่างลับๆ ออกเงินให้พวกเขาเปิดฉากสังหาร สังหารเพื่อนสนิทของข้าจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ผู้เฒ่าก็หัวเราะหึหึ “ข้าผู้อาวุโสก็ไม่ได้กินหญ้า จึงหาโอกาสปลิดชีพผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรของพวกเขาสองคน พวกเขาต่างก็เป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แทบไม่ต่างจากพวกเจ้าเลย หากโชคดีก็มีหวังว่าจะเลื่อนขอบเขตสู่ก่อกำเนิด ขอบเขตโอสถทองก็ยิ่งเป็นเรื่องที่แน่นอน ดังนั้นภูเขาไท่ผิงจึงโมโหเจียนคลั่ง ไม่คิดจะรักษามาดอะไรอีกทั้งนั้น ภายนอกป่าวประกาศว่าเป็นโอสถทองหนุ่มคนหนึ่งที่ประมือกับข้า สุดท้ายเล่นงานจนขอบเขตของข้าถดถอย แต่ความจริงล่ะเป็นเช่นไร? ฮ่าๆ ภูเขาไท่ผิงตัวดี เบื้องหลังโอสถทองหนุ่มคนนั้นมีเซียนดินก่อกำเนิดคนหนึ่งคอยช่วยหนุนหลังต่างหาก เพื่อให้ข้าฝึกปรือฝีมือของโอสถทองหนุ่ม พร้อมกับสร้างชื่อเสียงให้โอสถทองหนุ่มว่าสังหารขอบเขตโอสถทองแก่ๆ คนหนึ่งได้ แถมยังมีประโยชน์ทำให้ขอบเขตของเขามั่นคงยิ่งกว่าเดิม ได้ทั้งสร้างชื่อเสียงที่ดีงาม ได้ทั้งมอบผลประโยชน์ให้แก่เขา พวกเจ้าว่าสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ร้ายกาจหรือไม่ล่ะ?”

สายตาของลู่ไถมองผ่านเบาะรองนั่งของผู้เฒ่าไปยังเฉินผิงอันที่อยู่ห่างออกไป

เขาสามารถพูดในทะเลสาบหัวใจกับเฉินผิงอันได้โดยที่แน่ใจว่าจะไม่ถูกผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางทุกคนลอบฟัง แต่เฉินผิงอันดันตอบกลับมาไม่ได้ วิธีการรวมเสียงให้เป็นเส้นของผู้ฝึกยุทธ์ในยุทธภพ พวกชาวบ้านอาจจะรู้สึกว่ามหัศจรรย์ แต่ในสายตาของผู้ฝึกตนบนภูเขา นี่กลับเป็นวิธีแย่ๆ ที่มีระดับขั้นต่ำมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ลู่ไถที่อยากรู้การตัดสินใจของเฉินผิงอันจึงได้แต่แลกเปลี่ยนความคิดกันทางสายตาเท่านั้น

ทั้งๆ ที่เห็นอยู่คาตาว่าคนหนุ่มสองคน ‘เล่นหูเล่นตา’ กันไปมา ทว่าผู้เฒ่ากวานสูงที่กำลังจะเดินไปพบจุดจบของชีวิตกลับไม่ได้สนใจ เขายกแขนขึ้นอย่างยากลำบาก ยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาดีดปลายกระบี่แหลมคมที่แทงทะลุหัวใจออกเบาๆ ท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยมาดของวีรบุรุษนี้ทำให้ผู้เฒ่ากระอักเลือดไม่หยุด เพียงแต่ว่าสีหน้าของผู้เฒ่ายังคงเป็นปกติเหมือนไม่รู้สึกรู้สา “หากจำไม่ผิด นี่น่าจะเป็นกระบี่ประจำกายของมือกระบี่อันดับหนึ่งแคว้นเฉินเซียงที่ทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อมาจากสำนักฝูจีกระมัง เดิมทีก็ถือว่าเป็นสมบัติอาคมกึ่งเซียนบนภูเขาอยู่แล้ว พอกินเลือดหัวใจของข้าผู้อาวุโสเข้าไป ในที่สุดก็มีพัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น ได้นั่งตำแหน่งของสมบัติอาคมอย่างมั่นคงแล้ว”

ผู้เฒ่ากวานสูงหัวเราะฮ่าๆ หันหน้าไปมองเด็กหนุ่มชุดทองที่ยืนเหยียบอยู่บนกระบี่ ยื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว “ไอ้หนู เจ้านี่มันมีเงินจริงๆ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าถึงไม่ชักกระบี่ยาวที่สะพายอยู่ด้านหลังออกจากฝัก แต่มันคงไม่ได้เป็นสมบัติอาคมเหมือนกันหรอกกระมัง?”

เฉินผิงอันนิ่งเฉย ไม่ตอบโต้สักคำ

ผู้เฒ่าดึงสายตากลับมามองท้องฟ้า สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ลมบนนภาพัดแรงจนชายแขนเสื้อสองข้างของผู้เฒ่าที่สภาพสะบักสะบอมพัดดังพึ่บพั่บ

“สมบัติที่มีอยู่ติดกายของข้า เด็กเปรตสองคนอย่างพวกเจ้าที่ทำลายมหามรรคาของข้า อย่าได้หวังว่าจะได้พวกมันไปครอง!”

ทันใดนั้นผู้เฒ่าก็แผดเสียงหัวเราะดังลั่น “การตายของข้าในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว กระบี่ยาวตรงหัวใจ เข็มขัดหลากสีและเชือกพันธนาการปีศาจบนแขนสองข้าง บวกกับกวานห้าขุนเขาบนศีรษะ เบาะรองนั่งใต้ก้นก็พอจะถือว่าเป็นสมบัติได้หนึ่งชิ้น มีสมบัติอาคมห้าชิ้นถูกฝังไปพร้อมกันด้วย แทบไม่ต่างอะไรจากเซียนดินก่อกำเนิด! หากบวกกับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตอีกสามเล่ม เซียนบนยอดเขาของห้าขอบเขตบนก็เท่านี้เองมิใช่หรือ?”

ร่างของผู้เฒ่าเริ่มเน่าเปื่อย เถ้าธุลีเป็นกลุ่มร่วงเผลาะๆ ลงมา แต่ตรงจุดตันเถียนกลับส่องประกายแสงจ้าแสบตาที่สาดยิงออกไปสี่ด้านแปดทิศ

แทบจะเวลาเดียวกันนั้น ชูอีสืออู่และม่ายกวางล้วนพากันถอยกรูดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ออกห่างจากผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรที่กำลังจะระเบิดจุดตันเถียนของตัวเองผู้นี้

รวมไปถึงชือซินกระบี่ยาวที่ดื่มเลือดผู้เฒ่าจนอิ่มก็ถูกเฉินผิงอันใช้เวทบังคับกระบี่ของอาจารย์กระบี่ดึงออกมาจากหัวใจเขาเช่นกัน เพียงแต่ว่าก่อนจะดึงออกมายังไม่ลืมคว้านหนักๆ อีกที ปั่นขยี้หัวใจของผู้เฒ่าจนเละ เห็นได้ชัดว่าต่อให้จะเสี่ยงที่กระบี่ยาวต้องระเบิดไปด้วย แต่เฉินผิงอันก็ต้องการทำให้แน่ใจว่าผู้เฒ่าต้องตายอย่างแน่นอน

โดยไม่ทันรู้ตัวลู่ไถก็มองเฉินผิงอันเป็นคนบนเส้นทางเดียวกันไปแล้ว ในสถานการณ์คับขันบางครั้งที่ต้องตัดสินใจเลือก เขาก็ยินดีที่จะเชื่อหรืออาจถึงขั้นพึ่งพาเฉินผิงอันในระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

สำหรับผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาที่แสวงหาความเป็นอมตะ สำหรับลูกรักแห่งสวรรค์ที่มีหวังว่าจะพิสูจน์มหามรรคาแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

ผู้เฒ่ากวานสูงไม่กล้าวาดหวังถึงความดีงามพร้อมสรรพ แม้จะสัมผัสได้อย่างเฉียบคมว่ามีกระบี่บินหลบซ่อนอยู่หลายจุด แต่ก็อาศัยเสี้ยววินาทีที่ห้องโอสถระเบิดทำให้แสงเจิดจ้า แสงแสบตาพุ่งทะยานสู่ชั้นฟ้า เล็งหาช่องว่างเหมาะๆ แล้วพาแก่นของจิตหยินกลุ่มหนึ่งเผ่นหนีไปไกลอย่างเด็ดเดี่ยว

แม้ว่าบนจิตหยินจะมีด้ายสีทองเส้นหนึ่งรัดพันแน่นอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางแรงสะเทือนเลือนลั่นที่แม้แต่ผีและเทพยังหลั่งน้ำตานี้ย่อมมองข้ามไปได้โดยสิ้นเชิง

คิดไม่ถึงว่าถึงแม้เด็กหนุ่มชุดทองจะไม่หลงกล ไม่ได้ยื่นมือไปรับกวานห้าขุนเขามา แต่ปล่อยให้มันร่วงลงสู่พื้นดิน แต่จิตหยินของผู้เฒ่ากวานสูงมั่นใจมากว่าเด็กหนุ่มชุดทองที่เหยียบอยู่บนกระบี่บินไม่มีทางตามตนได้ทัน เว้นเสียจากเขาจะขี่กระบี่พลางใช้ยันต์ย่อพื้นที่ไปด้วย อีกทั้งก่อนหน้านั้นต้องรู้ทิศทางที่แน่ชัดที่ตนหนีไป ทั้งสามอย่างนี้จะขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาศที่ว่านี้ยังมีแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียว เพราะเพียงไม่นานจิตหยินก็จะสลัดเชือกพันธนาการปีศาจหลุด ก่อนหน้านี้ตอนที่ห้องโอสถและมหาสมุทรลมปราณระเบิดพร้อมกัน ปราณวิญญาณบนเชือกพันธนาการปีศาจแทบไม่เหลืออยู่แล้ว จึงยากที่จะพันธนาการจิตหยินไว้ได้อีก

หาไม่แล้วเหตุใดผู้ฝึกตนบนภูเขาถึงกลัวคำว่า ‘เหตุไม่คาดฝัน’ มากที่สุด?

บนท้องฟ้า เฉินผิงอันที่สวมชุดคลุมสีทองใช้ยันต์ย่อพื้นที่สองครั้งติด ครั้งแรกคือออกไปจากกระบี่บินเจินเจียน ครั้งที่สองก็คือหลังจากที่แก่นจิตหยินกลุ่มนั้นโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า เฉินผิงอันชัก ‘ปราณยาว’ ที่ยืมมาจากผู้ฝึกกระบี่ใหญ่ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ออกจากฝักเป็นครั้งแรกด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นไม่วอกแวก ในสมองมีแต่ภาพในวัดร้างที่อาจารย์ฉีปล่อยหนึ่งกระบี่ใส่หลิ่วชื่อเฉิงบุรุษชุดเต๋าสีชมพู

หนึ่งกระบี่ฟันฉับลงไป!

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!