กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 313

บทที่ 313 อุบัติภัย
ProjectZyphon
โจวเฝยขยี้สองนิ้ว วิญญาณของหญิงสาวที่อยู่ตรงปลายนิ้วเขาก็รวมตัวกันกลายเป็นไข่มุกสีขาวหิมะเม็ดหนึ่งที่ถูกเขาเก็บไว้ในชายแขนเสื้อเบาๆ เงยหน้ามองภิกษุเฒ่าแห่งวัดจินกังอีกครั้งก็ไม่เหลือความผ่อนคลายเบาสบายเฉกเช่นก่อนหน้านี้ เขาพูดเข้าประเด็นโดยตรง “กลับมาพูดเรื่องอาภรณ์ตัวนั้น ข้ารู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับเจ้า ด้วยเรื่องนี้จ้งชิวยังตั้งใจมาที่วัดนี้เพื่อพบเจ้าโดยเฉพาะ”

ทว่าภิกษุเฒ่ากลับยังไม่เต็มใจจะพูดเรื่องเป็นการเป็นงาน สายตาที่เต็มไปด้วยแววหวนระลึกความทรงจำมองไปยังผืนป่าเขียวชอุ่มนอกกระท่อม “อาตมามีศิษย์น้องคนหนึ่ง ตอนยังหนุ่มเคยฝึกพระธรรมด้วยกัน เขาบอกว่าทนเห็นเรื่องราวที่น่าเศร้าบนโลกใบนี้ไม่ได้มากที่สุด หากได้เห็น เขาก็อดคิดไม่ได้ทุกทีว่า เดิมทีโลกมนุษย์ก็มีศาสนาพุทธ แต่โลกมนุษย์กลับยังเป็นเช่นนี้ ต่อให้เขากลายเป็นอรหันต์ได้จริง แล้วจะอย่างไร? ภายหลังข้าออกจากวัดเล็กที่บ้านเกิดแห่งนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ศิษย์น้อง…”

“ได้กลายเป็นอรหันต์แล้วหรือยัง?”

โจวเฝยข่มกลั้นโทสะในใจ ส่ายหน้าเบาๆ พลางเอ่ยเย้ยหยันว่า “สถานที่เล็กๆ เช่นนั้นจะกลายเป็นอรหันต์ที่แท้จริงได้อย่างไร ไต้ซือเฒ่า เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”

ภิกษุชราส่ายหน้า “ข้าแค่อยากรู้ว่าศิษย์น้องยังมีชีวิตอยู่บนโลกหรือไม่ ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ ข้าคิดถึงโจ๊กที่ศิษย์น้องทำอย่างมาก”

โจวเฝยเตรียมจะลุกขึ้นยืน “ข้าไม่อยากเสียเวลาพูดจาวกไปวนมากับเจ้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปเอง ลงไปถามศิษย์น้องที่อยู่ด้านล่างด้วยตัวเองเถอะว่ายังทำโจ๊กเป็นหรือไม่”

ภิกษุชราสีหน้าเฉยเมย ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “หากข้าช่วยเอาร่างอรหันต์ทองคำในวังหลวงมาให้เจ้าโจวเฝยได้ เจ้าจะช่วยรับปากข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”

โจวเฝยกลับลงไปนั่งอีกครั้ง รู้สึกสนใจไม่น้อย “ ‘ข้า’?”

ภิกษุชรายื่นมือมาลูบศีรษะที่โล้นเตียน กล่าวอย่างปลงอนิจจัง “ข้าไม่อยากเป็นพระสงฆ์แล้ว ตั้งแต่เด็กก็ถูกเอามาทิ้งไว้หน้าประตูวัด อาจารย์มีเมตตาจึงรับมาเลี้ยง ตอนนั้นอยู่กับศิษย์น้องสองคน วันๆ ก็คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่เรื่องที่คิดบ่อยที่สุดแท้จริงแล้วคืออยากลองหวีผมกับเขาบ้าง”

โจวเฝยกุมท้องหัวเราะก๊าก

ภิกษุชราปลดจีวรตัวนอกออก พับอย่างเป็นระเบียบแล้ววางไว้ด้านข้าง เอ่ยเบาๆ ว่า “ขอเจ้าโปรดช่วยนางหาวิธีที่จะทำให้หลุดพ้น อย่าให้ถูกกักอยู่ใน ‘สถานที่เล็กๆ’ แห่งนี้อีกเลย”

ชุดกระโปรงสีเขียวที่ชายแขนเสื้อกว้างสะบัดพลิ้วไหวตัวหนึ่งปรากฏกายอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง

สาวงามทั้งหลายที่อยู่นอกกระท่อมปรนนิบัติโจวเฝยมานานหลายปี ความรู้จึงกว้างขวาง แต่พอได้เห็นชุดกระโปรงล่องลอยอยู่กลางอากาศกับตาตัวเองก็ยังอดรู้สึกตื่นตะลึงไม่ได้

ชุดกระโปรงลอยมาหยุดอย่างข้างภิกษุชรา ชายกระโปรงค่อยๆ ลดตัวสัมผัสพื้น สุดท้ายพอจะมองเห็นได้ว่าอยู่ในท่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม

หลังจากที่ภิกษุชราถอดจีวรออกก็ไม่พิถีพิถันกับถ้อยคำที่ใช้อีกต่อไป “หลายปีมานี้รับผิดชอบหน้าที่เป็นพระผู้ต่อดวงประทีปและพระผู้อธิบายพระสูตร ผ่านมาปีแล้วปีเล่า บรรยายพระธรรมและถ้อยคำในพระไตรปิฎกนับพันนับหมื่นประโยคให้พวกเขาฟัง บุคคลหลากหลายรูปแบบ สามลัทธิเก้าสาขา พวกเขาฟังแล้วก็แค่ฟัง บนสนามรบยังคงมีสงคราม การฆ่าล้างแค้นในยุทธภพยังคงอยู่ หรือจะให้พระสงฆ์อย่างข้ายกมีดกำจัดความโหดร้ายเพื่อแลกมาด้วยความสงบสุข ใช้การฆ่าหยุดยั้งการฆ่าอย่างนั้นหรือ? จะให้เอามีดจ่อคอ บีบบังคับให้พวกเขาหันหน้าเข้าหาศาสนาพุทธ หันมากระทำความดี?”

ชุดกระโปรงยกแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้นมาปิดเหนือคอเสื้อ ทำท่าเหมือนคนกำลังปิดปากหัวเราะ

ภิกษุชราจ้องมองโจวเฝย “ทำได้หรือไม่?”

โจวเฝยไม่ได้รีบให้คำตอบ ภิกษุชราแห่งวัดจินกังที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้คืออริยะแห่งศาสนาพุทธของฟ้าดินแห่งนี้ เชี่ยวชาญการเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ ตัวอักษรดุจวัชระ พลังอำนาจเปี่ยมล้น

โจวเฝยถอนหายใจ “คนซื้อขายต้องมีความจริงใจให้กัน ภิกษุชราอย่างเจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าเมื่อได้โชควาสนาที่ถูกกำหนดมาประเภทนี้แล้วก็จะไปจากสถานที่แห่งนี้ได้?”

ภิกษุชราหันหน้าไปมองกระโปรงสีเขียว กล่าวอย่างจนใจ “แต่นางไม่เหมือนกันนี่นา”

แม้ว่าโจวเฝยจะเป็นเจ๋อเซียนที่สติปัญญาเปิดกว้างมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าตัวเองรู้กฎเกณฑ์ทุกอย่าง เพราะถึงอย่างไรก่อนที่จะลงมายังโลกมนุษย์ก็ต้องเจอเวทลับตระกูลเซียนบางอย่างที่พันธนาการจิตวิญญาณอย่างแท้จริงมาไม่น้อย

หอจิ้งซิน วัดจินกัง หอจิ้งหย่าง

ผู้นำของสามสถานที่นี้ เมื่อผ่านเคราะห์กรรมและการตกตะกอนมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะรู้น้อยกว่าเขา

ภิกษุชราคลี่ยิ้ม “ประสกโจวถามคำถามเช่นนี้ได้ ข้าก็วางใจได้อย่างเต็มที่แล้ว”

โจวเฝยพูดพึมพำกับตัวเอง “สำหรับข้าแล้ว สถานการณ์ที่ดีที่สุด แน่นอนว่าคือการพาโจวซื่อจากไปด้วยกัน แต่หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นล่ะ อย่างเช่นสถานการณ์ในตอนนี้ โจวซื่อถูกคนทำร้ายบาดเจ็บสาหัส แทบจะไม่มีโอกาสจับปลาน้ำขุ่นแอบแทรกเข้าไปในสิบอันดับได้แล้ว ข้าก็จำเป็นต้องแน่ใจว่าเมื่อตัวเองจากไปแล้ว อีกหกสิบปีให้หลัง โจวซื่อจะมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น โจวซื่อ ยาเอ๋อร์ ฝานกว่านเอ่อร์ คนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อไปเยือนฟ้าดินที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่า ขอแค่มีคนยินดีดูแลพวกเขา พวกเขาย่อมสามารถปลดปล่อยประกายเจิดจ้า สร้างความรุ่งโรจน์ได้อย่างแน่นอน”

กล่าวมาถึงตรงนี้ โจวเฝยก็แสดงความแค้นเคืองอย่างยากจะปิดบัง “ลู่ฝ่างเจ้าคนโง่เง่า ทั้งๆ ที่มองออกแล้ว แต่กลับไม่เคยใคร่ครวญให้กระจ่างอย่างแท้จริง ข้าผู้อาวุโสจะไปหาอาจารย์แม่ ศิษย์พี่หญิง ศิษย์น้องหญิงอะไรให้เขาจากไหนได้อีก! ปีนั้นยังมีหน้าเอากระบี่มาทิ่มข้าได้ลงคอ…”

ภิกษุชราเงยหน้ามองมา

โจวเฝยพลันยกมือข้างหนึ่งขึ้น ระหว่างร่องนิ้วก็มีจดหมายฉบับหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

ก้มหน้าลงอ่านเนื้อหาภายในแล้วโจวเฝยก็หัวเราะเสียงดังก้อง “สวรรค์ช่วยข้าแท้ๆ”

เขาหันหน้าไปมองโฉมสะคราญที่มีความงามแตกต่างกันออกไปแล้วในใจก็ทอดถอนใจไม่หยุด รู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง ไม่พูดถึงถงชิงชิงคนบนเส้นทางเดียวกันที่ไม่ต้องคาดหวังให้เปลืองแรง พูดถึงแค่โจวซูเจินฮองเฮาแคว้นหนันเยวี่ยน ฝานกว่านเอ่อร์แห่งหอจิ้งซินและยาเอ๋อร์แห่งลัทธิมาร แค่สามคนนี้ ต่อให้พรสวรรค์ด้านการฝึกยุทธ์ของหญิงสาวทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้าจะดีแค่ไหน ก็ยังห่างชั้นกับพวกนางไกลโขนัก

……

เว่ยเหยี่ยนรัชทายาทแคว้นหนันเยวี่ยนที่สวมชุดลำลองพาคนสองคนเดินลอดผ่านระเบียงของตำหนักองค์รัชทายาทไปด้วยกัน คนหนึ่งในนั้นคืออาจารย์ผู้มีพระคุณของเขา ผู้เฒ่ามีร่างเล็กเตี้ยเหมือนลิงผอมแห้ง ทว่าเขากลับเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีชื่อเสียงของใต้หล้าในปัจจุบัน

อีกคนหนึ่งก็คือฝานกว่านเอ่อร์เทพีผู้ได้รับความเลื่อมใสจากเหล่าชาวยุทธ์แคว้นหนันเยวี่ยน เทพธิดาที่มาจาหอจิ้งซินอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของยุทธภพ

สีหน้าของเว่ยเหยี่ยนแปลกประหลาด ค่อนข้างจะกระอักกระอ่วน แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็นความรู้สึกโชคดี เพียงแต่ว่ามีอาจารย์อยู่ด้วย เขาจึงไม่กล้าแสดงออกชัดเจนนัก

ผู้เฒ่าที่เป็นผู้ถ่ายทอดวรยุทธ์อันเลิศล้ำให้แก่เว่ยเหยี่ยนกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เจ้าตัวดี หลบอยู่ใต้เปลือกตาของข้ามานานหลายปีโดยที่ข้าไม่เคยสังเกตเห็น ไหนๆ ก็จะเจอหน้ากันแล้ว ข้าก็อยากจะขอดูความสามารถแท้จริงของสิบผู้ยิ่งใหญ่แห่งใต้หล้าดูสักหน่อย ราชครูจ้งคือวีรบุรุษที่หาได้ยากในโลก ข้านับถือมาโดยตลอด แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพ่อครัวที่ก่อไฟทำกับข้าวคนหนึ่งจะร้ายกาจได้สักแค่ไหน!”

ผู้เฒ่าสบถด่าเสียงดังโฉงเฉง

ที่แท้รายชื่อสิบผู้ยิ่งใหญ่แห่งใต้หล้าฉบับใหม่ล่าสุดที่ออกโดยหอจิ้งหย่างได้ระบุชื่อแซ่ ที่อยู่ ระดับความสูงต่ำของวรยุทธไว้ด้วยคร่าวๆ พวกติงอิง อวี๋เจินอี้ล้วนเป็นคนหน้าเก่าแล้ว ทว่าคนหนึ่งในนั้นเหมือนโผล่ออกมากะทันหัน อีกทั้งยังเก็บซ่อนตัวตนอย่างมิดชิด เขาอยู่ในตำหนักองค์รัชทายาทแคว้นหนันเยวี่ยน สถานะคือพ่อครัวคนหนึ่ง

ผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นควัน กลิ่นเกลือ กลิ่นน้ำมันกำลังแอบอู้งาน เขานั่งอยู่ด้านนอกห้องครัวที่เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้านไม่มีฝุ่นเกาะสักเม็ด ในมือถือถั่วเหลืองคั่วสีทองอร่ามหนึ่งกำมือใหญ่ โยนเข้าปากทีละเม็ด ด้านในพวกลูกศิษย์หลานศิษย์ที่เขาอบรมสั่งสอนมาเองกับมือกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมมื้อกลางวันของวันนี้

พ่อครัวเฒ่าเห็นเงาร่างของรัชทายาทเว่ยเหยี่ยนแล้วก็ถอนหายใจ ใบหน้าแก่ชรายับยู่ อยากจะหาความสงบบ้างไม่ได้เลยจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!