จากนั้นลู่ฝ่างที่ตอนแรกเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ถูกหมัดแล้วหมัดเล่าต่อยกลับไปบนถนนเส้นนี้ หมัดสุดท้ายก็ยิ่งต่อยให้ลู่ฝ่างจมเข้าไปในกำแพง
สุดท้ายก็เป็นจ้งชิวราชครูของแคว้นหนันเยวี่ยนที่มาปิดท้าย
จ้งชิวที่ถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าต่อยหมัดเดียวก็ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นถอยออกไป ช่วยชีวิตลู่ฝ่างที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงเอาคืนไว้ได้
เฝิงชิงป๋ายอาศัยโอกาสนี้ชิงกระบี่ของตัวเองกลับคืนมา ไม่เพียงเท่านี้ เขายังพยายามหาโอกาสเอาต้าชุนกลับคืนมาให้ลู่ฝ่างด้วย เพียงแต่ว่าการโผล่ออกมากะทันหันของจ้งชิวทำให้เฝิงชิงป๋ายล้มเลิกความคิดนี้ จะได้ไม่เป็นการวาดงูเติมหาง
เฝิงชิงป๋ายพ่นลมหายใจยาวๆ หนึ่งครั้ง หากหมัดนี้ของจ้งชิวต่อยเข้าที่จุดไท่หยางของตน คาดว่าคงต้องอาศัยให้ทางสำนักทุ่มเงินเข้าช่วยเหลือ หาไม่แล้วก็คงต้องจุติกลับมาเกิดใหม่อยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัวแห่งนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า รากฐานของการฝึกตนถูกลดทอนและหล่อหลอมให้ผสานรวมกับฟ้าดินแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ฟ้าดินเป็นดั่งเตาหลอม หมื่นสรรพสิ่งเป็นดั่งทองแดง ก็คือหลักการนี้
ส่วนลูกศิษย์ของคนผู้นั้นก็คือคนที่รับผิดชอบจุดไฟกระพือลม
คนผู้นั้นไม่เคยปรากฏกาย ไม่เคยเผยตัวบนโลกมนุษย์ มีเพียงนักพรตเต๋าน้อยที่ในมือถือพัดใบกล้วยเท่านั้นที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการโคจรของตลอดทั้งพื้นที่มงคลดอกบัว แน่นอนว่าเด็กน้อยนั่นก็ได้ไปมาหาสู่กับเซียนดินของสถานที่ต่างๆ ในใบถงทวีปที่มีคุณสมบัติพอจะรู้เรื่องวงในด้วย ก่อนที่เฝิงชิงป๋ายจะลงมา บุรพาจารย์ในสำนักเคยนำพาเขาไปพบกับเด็กคนนั้น และขนาดบรรพบุรุษบุกเบิกภูเขาขอบเขตหยกดิบก็ยังต้องรักษามารยาทของคนในระดับที่เท่าเทียมกันกับเจ้าเด็กที่พูดจาไร้ความเกรงใจนั่น
มาเยือนพื้นที่มงคลดอกบัว เวลาสั้นๆ หลายสิบปีผ่านพ้นไป กลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลกันคนละโลก
ท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็น เฝิงชิงป๋ายมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งว่า การขัดเกลาจิตแห่งกระบี่บนมหามรรคาครั้งนี้ของตน เกินครึ่งคงต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้ หากโชคดี อย่างมากก็ได้อาวุธหนักของตระกูลเซียนที่มีระดับเป็นสมบัติอาคมชิ้นหนึ่งมาครอบครอง
ถึงอย่างไรตอนนี้พลังการต่อสู้ของเขาก็ยังสมบูรณ์แบบ หันกลับมามองลู่ฝ่างที่ปิดฉากลงแล้ว ไม่แน่ว่าจิตแห่งเต๋าอาจจะได้รับความเสียหายไปด้วย ต่อให้กลับไปใบถงทวีปก็น่าจะยังเป็นปัญหาใหญ่
เจ๋อเซียน เจ๋อเซียน ฟังแล้วรื่นหูงดงาม แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น มีเพียงคนอย่างโจวเฝยที่เลื่อมใสในคำว่า ‘หากมนุษย์ไม่รู้จักเสพสุข แล้วจะต่างจากสัตว์และพืชหญ้าอย่างไร’ ซึ่งหลังจากลงมาแล้วก็ไม่เคยสนใจรากฐานการฝึกตน แน่นอนว่าย่อมมีชีวิตอย่างสุขสบาย
แต่คนอย่างเขาเฝิงชิงป๋าย อย่างลู่ฝ่างนี้กลับมีชีวิตที่อันตรายอย่างมาก ขนาดผู้อาวุโสถงชิงชิงที่ต่อให้จะมีฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงเจ้าประมุขของหอจิ้งซิน เป็นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ใหญ่ของใต้หล้าก็ยังต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ มาหลายสิบปี จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ยอมเผยตัว นี่ก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด
เก็บความคิดวุ่นวายทั้งหมดกลับมาแล้ว เฝิงชิงป๋ายก็เริ่มทบทวนการต่อสู้ในครั้งนี้ พยายามจะใคร่ครวญหาหนทางให้ได้มากที่สุด
ก่อนหน้านี้เขาเฝ้ามองการเข่นฆ่าที่ดุเดือดครั้งนี้อยู่ไกลๆ ตลอดเวลา หวังเอาหินบนภูเขาลูกอื่นมากลึงเป็นหยก นี่ก็คือการฉวยโอกาสขัดเกลาสภาพจิตใจบนเส้นทางของการฝึกตน มีส่วนคล้ายวิธีการนึกคิดของศาสนาพุทธ
ในสายตาของเฝิงชิงป๋าย ศึกบนยอดเขาของพื้นที่มงคลดอกบัว อันที่จริงไม่ได้เป็นรองศึกช่วงชิงระหว่างโอสถทอง และก่อกำเนิดของใบถงทวีปเลยแม้แต่น้อย
การประมือกันระหว่างคนหนุ่มชุดขาวกับลู่ฝ่างตระการตาถึงเพียงนี้ หากเป็นการลงมือในฉากสุดท้ายของตัวแทนฝ่ายธรรมะและอธรรมอย่างติงอิงกับอวี๋เจินอี้ จะเกิดภาพปรากฎการณ์แบบใด?
เดิมทีเฝิงชิงป๋ายไม่ได้เห็นดีในตัวเฉินผิงอันเท่าใดนัก เพราะเมื่อลู่ฝ่างที่เป็นตัวอ่อนเซียนกระบี่ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งใบถงทวีปมาอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัวที่ปราณวิญญาณเบาบาง ถูกกดกำราบไว้อย่างแน่นหนา กลับสามารถลุกผงาดทวนกระแส ใช้วิธีการอื่นคลำเจอธรณีประตูของวิถีกระบี่ได้ใหม่อีกครั้ง นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระบี่ของลู่ฝ่างที่โจมตีไกลป้องกันใกล้
ทว่าผลลัพธ์กลับอยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคน
จุดที่น่านับถือซึ่งเป็นตัวพลิกสถานการณ์นั้นอยู่ที่ว่า คนผู้นั้นถึงกับมองออกว่าลู่ฝ่างต้องช่วยโจวซื่อ
ในยุทธภพเล่าลือกันว่าลู่ฝ่างกับโจวเฝยคือศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ อีกทั้งลู่ฝ่างยังเคยแบกกระบี่ขึ้นเขาเปิดศึกเป็นตายกับตำหนักคลื่นวสันต์ นี่เป็นเรื่องจริงที่หลอกใครไม่ได้
เฝิงชิงป๋ายมาเยือนพื้นที่มงคลดอกบัวสิบกว่าปีแล้ว แต่คนหนุ่มผู้นั้นเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ตามหลักแล้วทัศนียภาพบนภูเขาของใต้หล้าแห่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเขาถึงจะถูก เฝิงชิงป๋ายคิดแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า การประมือครั้งนี้ เดิมทีคนที่อยู่ในสถานการณ์มองไม่ทะลุ คนอยู่นอกสถานการณ์ควรมองปรุโปร่ง หรือว่าคนหนุ่มผู้นั้นไม่เพียงแต่เอาเรือนกายเนื้อหนังมังสาและจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบลงมา ยังคุ้นเคยกับเรื่องวงในมากมายของที่แห่งนี้ด้วย? นี่จึงเป็นการทำลายกฎ ทำให้ถูกวิถีสวรรค์ของที่แห่งนี้มองเป็นโจรชั่วร้ายที่จำเป็นต้องกดกำราบ จำเป็นต้องกำจัดให้ได้ถึงจะสาแก่ใจ?
แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะสาหัส ไหล่เละเทะไปทั้งแถบ แต่โชคดีที่เป็นแค่บาดแผลภายนอก พอโจวซื่อใช้ยาวิเศษที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของตำหนักคลื่นวสันต์ที่โจวเฝยเป็นคนปรุงก็พอจะหยุดเลือดที่หลั่งรินไว้ได้อย่างถูไถ เขานั่งเคียงไหล่ยาเอ๋อร์อยู่ใต้กำแพง พูดพลางยิ้มซีดเซียว “ข้าพยายามเต็มที่แล้ว”
หนุ่มปักบุปผาผู้หล่อเหลาสง่างามเคยทำให้สาวงามจำนวนนับไม่ถ้วนเขินอาย น่าเสียดายที่เวลานี้เขาไม่เหลือความสง่างาม เหลือเพียงความทรุดโทรมห่อเหี่ยว
ยาเอ๋อร์เองก็กำลังพยายามใช้วิชาลับอย่างหนึ่งของลัทธิมารมาสยบลมปราณที่ยุ่งเหยิง นี่คือตำราวิเศษด้านการเรียนวรยุทธ์ของฉุยฮวาเหมินหนึ่งในสามลัทธิมาร มีประสิทธิภาพช่วยให้ต้นไม้แห้งเหี่ยวมีบุปผาผลิบาน เล่าลือกันว่าเจ้าประมุขรุ่นหนึ่งของฉุยฮวาเหมินได้หลอกลวงเซิ่งหนวี่ (หมายถึงผู้หญิงที่มีความสามารถพิเศษ มีความศักดิ์สิทธิ์ สูงศักดิ์) ของหอจิ้งซินรุ่นนั้น จนกระทั่งลอบขโมย ‘คัมภีร์หวนคืนสู่ดั้งเดิม’ ครึ่งเล่มมาได้ คัมภีร์เล่มนี้สามารถทำให้คนที่แก่ชรากลับคืนไปเป็นเด็ก เจ้าประมุขฉุยฮวาเหมินคือผู้มีพรสวรรค์เลิศล้ำอย่างแท้จริง เขาอนุมานคัมภีร์แบบย้อนกลับเพื่อนำมาใช้กับตัวเอง จากนั้นจึงเรียบเรียงขึ้นเป็นคัมภีร์ลับของลัทธิมารเล่มนี้ แต่โรคร้ายที่ทิ้งไว้เบื้องหลังจะยิ่งร้ายแรง เป็นเหตุให้ถึงแม้คนที่ใช้จะสามารถกดระงับอาการบาดเจ็บสาหัสเอาไว้ได้ แต่ก็ต้องแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว เพิ่มความเร็วในการเน่าเปื่อยของเนื้อหนังมังสา เหล่าผู้กล้าแต่ละรุ่นของฉุยฮวาเหมิน มีเพียงอยู่ในศึกเป็นตายที่ไม่มีทางถอยเท่านั้นถึงจะใช้เวทลับนี้
ยาเอ๋อร์สีหน้าเขียวคล้ำ จอนผมเริ่มมีสีขาวแซมให้เห็นรำไร
โจวซื่อถอนหายใจ หากส่งกระจกทองแดงไปให้นางในเวลานี้ ยาเอ๋อร์ที่เป็นคนภาคภูมิใจในรูปโฉมของตัวเองมาโดยตลอดจะธาตุไฟเข้าแทรกเลยหรือไม่?
โจวซื่อพูดขึ้นโดยไม่รู้ว่ากำลังปลอบใจนางหรือปลอบใจตัวเอง “วางใจเถอะ อีกเดี๋ยวท่านพ่อข้าก็จะมาแล้ว ถึงเวลานั้นเมื่อข้าปลอดภัย เจ้าก็ไม่มีทางตาย”
ใต้กำแพงแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปไกล มีผีผาที่ถูกทำลายเสียหายนอนอยู่อย่างเดียวดาย ไม่รู้ว่าเจ้าของมันหายไปไหนแล้ว เห็นเพียงว่าทุกระยะทางช่วงหนึ่งจะมีรอยเลือดหยดทิ้งไปเป็นทาง
เมื่อเฉินผิงอันลุกขึ้นยืน เฝิงชิงป๋ายที่ในมือถือกระบี่ยาว โจวซื่อที่นั่งพังพาบอย่างหมดแรง และยังมีใบหน้ายิ้มที่ไปดูอาการบาดเจ็บให้ลู่ฝ่างต่างก็หัวใจหดรัดตัวในเวลาเดียวกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!