กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 316

บทที่ 316.2 คนอื่นช่วงชิงการข้ามผ่าน ข้าฝ่าทะลุขอบเขต
ProjectZyphon
เมื่อเผชิญกับสายตาของลู่ฝ่าง เซวียยวนก็แค่ส่ายหน้า เมื่อเทพแปดกรผู้นี้ขยับกระดูกสันหลังก็คล้ายเจียวหลงเงยหัว พลังอำนาจของเซวียยวนพลันแปรเปลี่ยน นี่ต่างหากถึงจะเป็นมาดที่ปรมาจารย์ซึ่งเคยเป็นสิบคนในใต้หล้าสมควรมี สีหน้าของเซวียยวนเปลี่ยนมาเป็นมืดทะมึนน่าสะพรึงกลัว เขาคำรามกร้าวอย่างคั่งแค้น คำพูดเต็มไปด้วยความอาฆาตและชิงชังที่สั่งสมมาเนิ่นนาน “เจ๋อเซียนที่สูงส่งอย่างพวกเจ้าสมควรตายกันไปให้หมด! ใช่ สายตาอย่างเจ้าลู่ฝ่างในตอนนี้นี่แหละ ทั้งๆ ที่เป็นหงส์ปีกหักเทียบกับไก่สักตัวไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังทำแบบนี้กับทุกคนบนโลก มองทุกคนเหมือนเป็นมดตัวหนึ่ง!”

ลู่ฝ่างไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

แต่เขารู้ดีว่าศึกสุดท้ายในชีวิตก็คือวันนี้แล้ว จึงไม่มีความสนใจมากนัก ตอนที่ประมือกับคนหนุ่มก่อนหน้านั้นก็เป็นเช่นนี้ การเข่นฆ่ากับเซวียยวนที่ฉวยโอกาสยามที่ผู้อื่นอ่อนแอนี้ก็ยิ่งมีแต่ความรำคาญใจ

และเวลานี้เองเซวียยวนที่เพิ่งจะถอนการอำพรางตัวออก กลายมาเป็นดั่งองค์เทพที่เยื้องกรายมาเยือนโลกมนุษย์กลับตัวแข็งค้างในเสี้ยววินาที เพราะเขาถูกคนบีบคอมาจากด้านหลังแล้วยกร่างจนลอยขึ้นทีละนิด

เซวียยวนเหมือนงูตัวหนึ่งที่ถูกตีเข้าจุดตาย แม้แต่จะดิ้นรนก็ยังทำไม่ได้ สองเท้าลอยพ้นจากพื้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ

คนที่ลอบโจมตีผู้เฒ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “มองพวกเจ้าเป็นดั่งมดแล้วอย่างไร ก็ไม่ผิดสักหน่อย เพราะเดิมทีพวกเจ้าก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

เสียงกร๊อบดังขึ้น เซวียยวนถูกคนผู้นั้นหักคอแล้วโยนไปไว้ข้างทาง

สตรีแต่งงานแล้วเจ้าของร้านเหล้ากรีดร้องเสียงดัง ลูกค้าในร้านก็ตะโกนโหวกเหวกว่าฆ่าคนแล้วๆ พลางแตกฮือกันไปคนละทิศคนละทาง

ไม่มีเซวียยวนบดบังสายตา จึงเห็นว่าคนผู้นั้นคือคุณชายเจ้าสำอางคนหนึ่ง เขาก็คือโจวเฝยที่เพิ่งเดินทางมาจากวัดจินกัง

ในมือของโจวเฝยยังหิ้วศีรษะที่ตายตาไม่หลับของคนผู้หนึ่งเอาไว้ เขาโยนมาข้างหน้า ศีรษะกลิ้งหลุนๆ เลือดไหลนองอยู่เบื้องหน้าลู่ฝ่าง

นั่นคือศีรษะของใบหน้ายิ้มเฉียนถัง

จากนั้นโจวเฝยก็โยนขลุ่ยอันเล็กตามมา

ลู่ฝ่างทรุดตัวลงช้าๆ ลูบไปบนใบหน้าของศีรษะนั้นเบาๆ เพื่อให้สหายรักได้ตายตาหลับ เขามองใบหน้ายิ้มอย่างเหม่อลอย ไม่ได้มองโจวเฝย แล้วก็ไม่ได้เก็บขลุ่ยเล็กอันนั้นกลับมา เพียงแค่ถามเสียงสั่นว่า “ทำไม?”

โจวเฝยเงียบงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบไม่ตรงคำถาม “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ลู่ฝ่างกลายเป็นเศษสวะเอื่อยเฉื่อยเช่นนี้? เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อผ่านด่านความรัก ผลกลับกลายเป็นว่าถึงท้ายที่สุดไม่อาจผ่านด่านไปได้ นี่ก็ยังพอทำเนา เพราะอย่างมากก็แค่กลับไปโดยไร้คุณความชอบ แต่นี่สุดท้ายขนาดหัวคนตายคนหนึ่งที่ไม่ต่างไปจากคนแปลกหน้าก็ยังหยิบไม่ขึ้น วางไม่ลง ลู่ฝ่าง ต่อให้เจ้ากลับไปใบถงทวีป อย่าว่าแต่เลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนเลย ข้าเชื่อว่าแม้แต่ก่อกำเนิดเจ้าก็ไม่มีทางได้แตะ!”

โจวเฝยย่อตัวลงนั่งยอง “ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่าเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร? ข้าผู้อาวุโสที่เป็นถึงเจ้าประมุขสกุลเจียงสำนักกุยหยกอุตส่าห์เดินทางมาพื้นที่มงคลดอกบัวเป็นเพื่อนเจ้า เสียเวลาไปนานหลายปีขนาดนี้ล่ะเพื่ออะไร?”

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กระบี่ต้าชุนวางนอนอยู่ข้างเท้าลู่ฝ่างเงียบๆ บวกกับขลุ่ยเล็กหนึ่งอันและศีรษะคนหนึ่งหัวที่ต่างก็นอนอยู่บนถนนเส้นนี้

ห่างไปไกลด้านหลังโจวเฝยคือโฉมสะคราญงามล่มบ้านล่มเมืองกลุ่มนั้น บางคนเรือนกายอรชนอ้อนแอ้นดุจกิ่งหลิ่ว บางคนอวบอิ่มเหมือนเมล็ดข้าวฟ่างที่เติบโตเต็มที่ในฤดูใบไม้ร่วง

ลู่ฝ่างเงยหน้าขึ้น “ทำไมไม่ไปหาโจวซื่อก่อน?”

โจวเฝยพูดยิ้มๆ อย่างโมโห “ลูกชายตายไปก็มีใหม่ได้ แต่หากเจ้าลู่ฝ่างมาตายอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว ข้าก็จะต้องเสียเวลาไปอีกหกสิบปีงั้นรึ?”

โจวเฝยลุกขึ้นยืน กวักมือเรียกสตรีแต่งงานแล้วคนหนึ่งที่ยังคงความงดงามมีเอกลักษณ์มาข้างกาย “ไป ไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนศิษย์พี่ลู่ที่ปีนั้นเจ้าให้ความเคารพนับถือมากที่สุดสักหน่อย ไม่ได้เจอกันมานานขนาดนี้ พวกเจ้าต้องมีเรื่องคุยกันเยอะแน่”

สตรีแต่งงานแล้วหน้าซีดขาว

โจวเฝยตบหน้านางเบาๆ “เด็กดี ฟังข้า”

แผ่นดินสั่นสะเทือน ร่างของโจวเฝยพลันหายวับไป

หญิงสาวเหล่านั้นเหมือนนกที่สยายปีกบิน พากันพุ่งทะยานจากไป อาภรณ์โบกสะบัด เข็ดขัดหลากสีลอยอยู่กลางอากาศ ภาพที่งดงามอ่อนหวานนี้ทำให้คนเดินถนนบริเวณใกล้เคียงมองอย่างหลงใหลเคลิบเคลิ้ม

ลู่ฝ่างลุกขึ้นยืน พูดกับหญิงสาวที่ทั้งแปลกหน้าทั้งคุ้นเคยผู้นั้นว่า “นั่งลงคุยกัน?”

สตรีแต่งงานแล้วพยักหน้ารับอย่างระมัดระวัง

คนทั้งสองนั่งตรงข้ามกัน เถ้าแก่เนี๊ยะร้านเหล้านั่งยองหลบอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน ลู่ฝ่างจึงไปหยิบเหล้าสองกามาด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้ลู่ฝ่างรินเหล้า สตรีแต่งงานแล้วที่อยู่ตำหนักคลื่นวสันต์มานานหลายปี เคยชินกับการปรนนิบัติคนมานานแล้วรีบลุกขึ้นยืน รินเหล้าให้ลู่ฝ่าง จากนั้นถึงรินให้ตัวเองหนึ่งถ้วย

ลู่ฝ่างไม่ได้มองใบหน้าที่เคยทำให้คนใจสลายได้ แค่เหลือบมองนิ้วเรียวยาวดุจต้นหอมที่บำรุงรักษาอย่างดีจนเหมือนนิ้วของสาวแรกแย้มคู่นั้นของนาง เขายกถ้วยเหล้าขึ้นแล้วคลี่ยิ้ม

สตรีแต่งงานแล้วโล่งอก พอคิดแล้วก็ลุกขึ้นไปเก็บขลุ่ยเล็กและกระบี่ต้าชุนที่อยู่บนถนนนอกร้านเหล้ากลับมาให้ลู่ฝ่าง แม้แต่ศีรษะของใบหน้ายิ้มนางก็เก็บมาด้วย เพียงแต่เอาวางไว้บนโต๊ะอีกตัวหนึ่ง พอนั่งลงแล้วนางก็คลี่ยิ้มหวานล้ำ

ลู่ฝ่างถือถ้วยเหล้าไว้มือหนึ่ง หันหน้าไปมองยังถนนที่ว่างเปล่า

เขาเหมือนเห็นภาพเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เหมาะสมกันดุจคู่ฟ้าประทานกำลังวิ่งไล่ตีกันอย่างสนุกสนาน

……

ในสายตาของจ้งชิวมีเพียงคนหนุ่มชุดขาวเท่านั้น เขาเปิดปากพูดว่า “ระหว่างที่เจ้ากับข้าประมือกัน จะไม่มีใครยื่นมือเข้าแทรก ดังนั้นเจ้าจงปล่อยหมัดได้อย่างสบายใจ”

จ้งชิวเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค “หากมีคนยังแอบลงมือต่อเจ้าอย่างลับๆ ข้าจ้งชิวจะต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นติงอิงหรืออวี๋เจินอี้ก็ตาม”

เฉินผิงอันยกหลังมือเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก เผยให้เห็นบาดแผลเส้นหนึ่งบนแขนที่ลึกจนเห็นกระดูกขาว เพื่อสกัดกั้นกระบี่นั้นของลู่ฝ่าง ชายแขนเสื้อของชุดคลุมยาวสีขาวหิมะถูกฉีกเป็นรูใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ชุดคลุมอาคมจินหลี่เกิดความเสียหาย แม้จะบอกว่าเมื่ออยู่ที่นี่สมบัติอาคมต่างๆ ถูกพันธนาการไม่ให้เกิดประสิทธิผล แต่ระดับความยืดหยุ่นของมันยังคงอยู่ นี่จึงแสดงให้เห็นถึงพลังการสังหารอันเลิศล้ำของเวทกระบี่ลู่ฝ่าง

จ้งชิวพูดจบแล้วก็เริ่มเดินมาด้านหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!