กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 316

สรุปบท บทที่ 316.3 คนอื่นช่วงชิงการข้ามผ่าน ข้าฝ่าทะลุขอบเขต: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 316.3 คนอื่นช่วงชิงการข้ามผ่าน ข้าฝ่าทะลุขอบเขต – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 316.3 คนอื่นช่วงชิงการข้ามผ่าน ข้าฝ่าทะลุขอบเขต จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 316.3 คนอื่นช่วงชิงการข้ามผ่าน ข้าฝ่าทะลุขอบเขต
ProjectZyphon
ในพื้นที่แคบๆ หมัดของทั้งสองฝ่ายหากไม่ต่อยพลาดก็ปะทะชนกันเบาๆ เหมือนกบกระโดดแตะผิวน้ำ การต่อสู้ครั้งนี้กลับเงียบเชียบไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

เมื่อเทียบกับฟ้าสะท้านดินสะเทือนในการต่อสู้ระหว่างเฉินผิงอันกับลู่ฝ่างก่อนหน้านี้ก็เรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โจวซื่อมองดูแล้วก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด

เจ๋อเซียนอย่างเฝิงชิงป๋ายกลับดีกว่าเล็กน้อย เพราะเคยสัมผัสกับปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์ในใบถงทวีปมาแล้วบางส่วน

หมัดที่เรียกว่าพลังอำนาจยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาและแม่น้ำอย่างแท้จริงนั้น หนึ่งหมัดต่อยลงบนร่างของคนก็เหมือนโยนหินก้อนมหึมาลงทะเลสาบ ใช้ริ้วกระเพื่อมก่อให้เกิดบาดแผลภายนอกแล้วค่อยกระตุ้นให้เกิดบาดแผลภายใน

จ้งชิวเคยใช้แค่หมัดเดียวก็ต่อยให้ปรมาจารย์เหิงเลี่ยนท่านหนึ่งนอนแบ๊บอยู่บนเตียงนานหลายปี เบื้องใต้อาภรณ์ที่ปกคลุมคือผิวหนังที่เหมือนเครื่องกระเบื้องแตกร้าว นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวัยวะภายในร่างกายเลย

เด็กหญิงร่างผอมแห้งที่นั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กได้ยินคำพูดของอาจารย์สอนหนังสือคนนั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนได้รับอภัยโทษ นางค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้าง เวลานี้นางแสยะเขี้ยวกางกรงเล็บเลียนแบบการออกหมัดของเฉินผิงอันและจ้งชิวโดยไม่สนใจสิ่งใด

ในที่สุดก็พอจะแบ่งแพ้ชนะเล็กๆ ในครั้งแรกได้แล้ว

เฉินผิงอันถูกศอกแหลมปัดหมัดของตัวเองทิ้ง จากนั้นฝ่ามือของจ้งชิวก็ผลักเข้าที่หน้าอก ร่างของเขาลอยข้ามร่องลึกไปกระแทกลงบนผนังฝั่งตรงข้าม

จ้งชิวเดินก้าวเดียวก็ข้ามผ่านร่องที่เกิดจากกระบี่ของลู่ฝ่างแหวกเปิดไว้

ทว่าเฉินผิงอันกลับไม่ได้มีสภาพล้มแล้วลุกขึ้นมาไม่ได้อย่างสตรีอุ้มผีผาและลู่ฝ่าง เขาสะบัดไหล่ ก้อนหินบนผนังที่หลังกระแทกชนร่วงกราวเสียงดังระนาว เฉินผิงอันกำลังจะลงมือ หมัดที่จ้งชิวปล่อยออกมากลับเปลี่ยนเป็นรวดเร็วอย่างถึงที่สุด หนึ่งหมัดมาถึงก็ตามมาอีกหลายหมัดติดๆ กัน เพียงแค่ชั่วครู่เดียวก็มากถึงสิบหมัด

ซ้ายหกหมัด ขวาสี่หมัด

นี่คือกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าที่จ้งชิวเลียนแบบเฉินผิงอัน แม้แต่ลำดับการออกหมัดซ้ายขวาก็ยังเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

ที่น่าประหลาดยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หลังจากปล่อยหมัดมาสิบหมัดแล้ว กำแพงสูงยังคงไม่ทลายออก และเฉินผิงอันก็ยังถูกกักอยู่ในกำแพงแห่งนั้น

ทว่าเฉินผิงอันก็ไม่อยู่นิ่งเฉยรอความตาย เขาคุ้นเคยกับกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้ายิ่งนัก และเมื่อได้ประมือกับจ้งชิวมาช่วงระยะเวลาหนึ่งก็พอจะคาดเดาวิธีออกหมัดของอีกฝ่ายได้แล้ว ดังนั้นสิบหมัดนี้ของจ้งชิวจึงมีสี่หมัดที่เขาสกัดขวางเอาไว้ได้

แต่หกหมัดที่เหลือก็กระแทกลงบนร่างของเขาเต็มๆ เลือดสดไหลออกมาจากริมฝีปากของเฉินผิงอัน โดยเฉพาะหมัดสุดท้ายที่ต่อยจนร่างของเฉินผิงอันกระตุกเฮือก

จ้งชิวที่ต่อให้จะใช้กระบวนท่าหมัดเลียนแบบคนอื่นเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังออกหมัดได้อย่างเยือกเย็น มีระบบระเบียบ ทว่าวินาทีที่เขาคิดจะปล่อยสิบหมัดออกไปอีกชุดนั้นเอง เขากลับถอยกรูดไปด้านหลังหลายก้าวทันที ถอยแล้วก็ถอยอีก พุ่งตัวข้ามผ่านร่องลึกออกไป ที่แท้ในช่วงเวลาที่มองดูเหมือนเฉินผิงอันจะหมดสิ้นเรี่ยวแรง ร่างดีดกระตุกน้อยๆ อยู่บนกำแพง วินาทีนั้นจ้งชิวกลับขนลุกพรึ่บไปทั้งตัว หัวใจบีบรัดแน่น ไม่ต้องคิดให้มากความก็เป็นฝ่ายละทิ้งสถานการณ์ได้เปรียบนี้ แล้วเลือกหยุดมือถอยห่างด้วยตัวเอง

สัญญาณระวังภัยในใจของจ้งชิวร้องเตือนรุนแรงผิดปกติ เขาดูถูกความสามารถในการทนรับความยากลำบากของคนหนุ่มผู้นี้เกินไป เกือบจะหลงกลอีกฝ่ายซะแล้ว

เฉินผิงอันรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ขาดเพียงแค่เสี้ยวเดียวก็จะสามารถปล่อยกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าออกไปได้สำเร็จแล้ว

ดังนั้นก็เท่ากับว่าเขากินสิบหมัดที่เป็นของลอกเลียนแบบของจ้งชิวอย่างเสียเปล่า

หลังจากเฉินผิงอันพลิ้วกายลงมาแล้วก็เดินช้าๆ ไปทางร่องลึกเส้นนั้น

จ้งชิวหลุดหัวเราะพรืด

ข้าเลียนแบบท่าหมัดของเจ้า เจ้าเลยเลียนแบบท่าเดินของข้า?

แต่แล้วจ้งชิวก็หรี่ตาลง

กระบวนท่าหมัดยิ่งใหญ่ที่เขาบรรลุมานี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับวิธีการออกหมัด แต่เป็นการฝึกฝนให้แผ่นหลังเหมือนขุนเขา ไหล่เหมือนเมฆคล้อยน้ำไหล ไล่มาถึงศอกที่แหลมเหมือนจงอยปากอินทรี สุดท้ายค่อยมาถึงมือและหมัด ผสานรวมกันเป็นหนึ่ง สำเร็จหนึ่งกระบวนท่าในรวดเดียว หากกระบวนท่านี้ถูกตั้งขึ้นมาแล้วฝึกฝนอย่างต่อเนื่องก็จะเหมือนขุนเขาใหญ่ที่หยั่งรากลึกลงไปในแผ่นดิน ไม่ว่าหนึ่งหมัดหรือหนึ่งกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามจะร้ายกาจดุดันมากแค่ไหนก็ล้วนต้องเผชิญกับจิงชี่เสินอันแกร่งกร้าวของจ้งชิวอยู่ตลอดเวลา

กระบวนท่าหมัดอันเป็นที่ภาคภูมิใจซึ่งจ้งชิวตั้งชื่อให้ว่า ‘ยอดเขา’ นี้ ต่อให้ปรมาจารย์ใหญ่วิชาหมัดนอกอย่างเซวียยวนเทพแปดกรเบิกตากว้างแอบดูอยู่ข้างๆ มองแล้วมองอีก เกรงว่าก็คงไม่สามารถมองแก่นแท้ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในออกอย่างแท้จริง หากไม่ตั้งใจศึกษาอย่างจริงจังเป็นเวลาหลายปี แค่จะเลียนแบบให้คล้ายก็ยังยาก!

ทว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้กลับมีจิตวิญญาณแห่งกระบวนท่าหมัดของตนแล้วหลายส่วน

คนทั้งสองยืนคุมเชิงกันอีกครั้งโดยมีร่องลึกกั้นขวาง

เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที เป็นฝ่ายเปิดปากพูดระหว่างการต่อสู้อย่างที่หาได้ยาก “ท่าหมัดนี้ของเจ้ามีชื่อหรือไม่?”

จ้งชิวพยักหน้ารับตอบด้วยรอยยิ้ม “ชื่อว่ายอดเขา หลายปีก่อนตอนที่บรรลุมัน เป็นช่วงที่ยังหนุ่มและเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา รู้สึกว่าหากฝึกต่อไปต้องสามารถยืนอยู่บนยอดเขาของโลกมนุษย์ได้แน่นอน ภายหลังก็คร้านที่จะแก้ไขแล้ว ในบรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอดสิบคน คนส่วนใหญ่ฝึกกระบวนท่านี้ยี่สิบสามสิบปีก็ยังไม่มีใครที่แค่มองไม่กี่ครั้งก็เกิดความชำนาญได้เหมือนเจ้า ไม่เสียแรงที่เป็นเจ๋อเซียน”

เฉินผิงอันพลันเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ตำราหมัดที่ข้าฝึกช่วงแรกเริ่มสุดมีชื่อว่าหมัดเขย่าขุนเขา”

จ้งชิวเอ่ยยิ้มๆ “เป็นหมัดของข้าที่สูงเหนือหมู่ภูผา หรือเป็นหมัดของเจ้าที่สามารถเขย่าคลอนขุนเขากันแน่ มาลองดูไหม?”

จนกระทั่งบัดนี้ที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็ถูกคนกักตัวอยู่ที่นี่ การเข่นฆ่าที่เกิดขึ้นติดต่อกัน ตกอยู่ในวงล้อมที่แน่นหนา เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่แทบจะเรียกได้ว่ามีแต่ทางตายเท่านั้น สติปัญญาของเฉินผิงอันก็พลันเปิดกว้าง

ก่อนหน้าที่จะประมือกับลู่ฝ่าง วิชาหมัดของเขาปล่อยเก็บได้ดังใจปรารถนา

แต่จิตใจกลับตามไม่ทัน

ทว่าหลังจากเข่นฆ่าอยู่กับจ้งชิว จิตใจของเขาก็เหมือนได้รับการชดเชย

โดยเฉพาะหลังจากที่เลียนแบบกระบวนท่าหมัดยิ่งใหญ่ของจ้งชิว อีกทั้งพอนึกถึงการ ‘ปรับแก้มังกรใหญ่’ ขึ้นมาได้ เส้นเอ็นขึงหัวใจของเฉินผิงอันก็พลันคลายตัว เมื่อความคิดนี้บังเกิดขึ้น เขาก็อดใช้ท่าเดินนิ่งหกก้าวซึ่งเป็นท่าแรกเริ่มสุดของวิชาหมัดเขย่าขุนเขาเดินตรงดิ่งไปด้านหน้าไม่ได้ จะเก็บหรือจะปล่อยปณิธานหมัด ไม่ใช่เรื่องที่เขาให้ความสนใจอีกต่อไปแล้ว โดยไม่ทันรู้ตัว แต่ละก้าวที่ก้าวเดินก็ค่อยๆ พาร่างของเขาเหยียบลงกลางอากาศ

ทว่าหลังจากที่เฉินผิงอันซึ่งฝึกหมัดมานับล้านครั้งเดินออกไปเป็นก้าวที่ห้า กระดูกสันหลังตลอดทั้งเส้นก็เหมือนปรับแก้มังกรใหญ่ด้วยตัวเองจึงเกิดเสียงลั่นเหมือนเสียงถั่วเหลืองระเบิดแตกขึ้นเป็นระลอก

จ้งชิวพลันกระโจนออกมาข้างหน้า ปล่อยหนึ่งหมัดออกไป หมายจะต่อยให้คนหนุ่มที่พลังอำนาจพุ่งทะยานคนนั้นลอยกระเด็นออกไปจากอากาศเหนือร่องน้ำ!

เฉินผิงอันที่เหมือนบังคับลมก้าวเดินก็ปล่อยหมัดออกมาหนึ่งหมัดเช่นกัน

คนทั้งสองห่างกันหนึ่งช่วงแขน หมัดกระแทกลงบนหน้าอกของฝ่ายตรงข้ามเกือบจะเวลาเดียวกัน

อาภรณ์สีเขียวของจ้งชิวโบกสะบัดยุ่งเหยิง พริบตาเดียวก็หายตัวไปจากบนถนน เสียงครืนครั่นดังสนั่นหวั่นไหว หากมีคนอยู่กลางอากาศสูงแล้วมองลงมายังสถานที่แห่งนี้ในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนก็จะพบว่ามีเส้นตรงยาวเส้นหนึ่งถูกฉีกออกไป ส่วนจ้งชิวที่ถูกหนึ่งหมัดต่อยให้ถอยร่นไปยี่สิบจั้ง กว่าจะหยุดการถอยร่นนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ขาทั้งสองข้างได้จมลึกอยู่ในพื้นดินไปแล้ว

แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อย แต่นี่ก็ถือว่าจ้งชิวแพ้แล้ว

ส่วนคนหนุ่มชุดขาวผู้นั้นกลับยืนอยู่ข้างร่องลึกบนถนน โดยที่ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว

หากพูดถึงแค่ในใต้หล้าแห่งนี้ ก็ถือว่าจ้งชิวไม่ใช่อันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าอีกต่อไปแล้ว

กลับกลายเป็นเฉินที่ไร้เทียมทานในหนึ่งช่วงแขน

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!