กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 318

บทที่ 318.1 ผู้อื่นไร้เทียมทานควรทำเช่นไร
ProjectZyphon
บนถนนใหญ่ที่เงียบสงบ คนรู้จักได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

บนกระบี่บินเล่มหนึ่งที่หยุดลอยนิ่ง อวี๋เจินอี้ที่ใบหน้าเหมือนเด็กน้อยยืนอยู่ แสงกระบี่ใต้ฝ่าเท้าเป็นประกายใสแวววาวดุจแก้วเนื้อดี

เจ้าประมุขพรรคหูซาน ผู้นำฝ่ายธรรมะแห่งใต้หล้า มีวิชายุทธ์เลิศล้ำ แต่กลับละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างหันไปฝึกวิชาคาถาของตระกูลเซียน สุดท้ายกลายเป็นเทพที่แม้จะสำเร็จจะบรรลุผลถึงขั้นสูงสุดแล้วก็ยังมุมานะบากบั่นต่อไป

ในที่สุดหลังจากเสียงกลองดังขึ้นบนภูเขากู่หนิวเป็นครั้งแรก เขาก็ได้มาปรากฏตัวที่เมืองหลวง

เมื่อออกมาจากภูเขากู่หนิวที่ตั้งอยู่นอกเมืองหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ลั่นกลองสวรรค์เพื่อบินทะยาน คนแรกที่ได้พบก็คือพี่น้องที่เคยร่วมเป็นร่วมตายในอดีตอย่างจ้งชิวราชครูแคว้นหนันเยวี่ยน

ดูเหมือนว่าจ้งชิวจะคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าอวี๋เจินอี้ต้องมาขัดขวางตนเอง เขาจึงไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ ไม่เพียงแต่ไม่หยุดเท้า กลับยังเดินขึ้นหน้า จนกระทั่งอยู่ห่างจากอีกฝ่ายแค่ยี่สิบก้าวถึงได้หยุดเดิน

จ้งชิวถามด้วยรอยยิ้ม “ทำพัดไม้ไผ่หยกเล่มนั้นเสร็จแล้วรึ? ใช้มันเป็นของแทนกายเจ้าประมุขพรรคหูซานในอนาคตจะไม่ดูอ่อนโยนบอบบางไปหน่อยหรือไง?”

เหมือนการทักทายปราศรัยระหว่างเพื่อนทั่วไป

เหมือนคนที่กลับมาในค่ำคืนที่พายุหิมะตกหนักแล้วได้ดื่มเหล้าอุ่นๆ ร่วมกันหนึ่งจอก?

อวี๋เจินอี้ถาม “สามครั้งแล้ว ทำไม?”

แต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยด้วยประโยคซักไซ้เอาความผิด

จ้งชิวถามกลับ “เจ้าจะถามว่าทำไมข้าถึงช่วยลู่ฝ่าง ทำไมถึงช่วยเฉินผิงอันผู้นั้น?”

ในดวงตามืดดำดุจบ่อน้ำนิ่งของอวี๋เจินอี้ที่ฝ่าด่านออกมาด้วยร่างของเด็กน้อยมีริ้วคลื่นกระเพื่อมน้อยๆ เห็นได้ชัดว่าโมโหมากจริงๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อวี๋เจินอี้ไม่เอ่ยอะไร แต่กระบี่บินใต้ฝ่าเท้าที่จิตเชื่อมโยงกับเจ้านายกลับแผ่ประกายแสงที่ยิ่งงดงามชวนหลงใหล คล้ายผลึกแก้วชิ้นหนึ่งที่ร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์

จ้งชิวชำเลืองตามองกระบี่บินตระกูลเซียนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าอวี๋เจินอี้ ก่อนถอนสายตากลับมาแล้วพูดด้วยสีหน้าเป็นปกติว่า “เจ้ารู้คำตอบแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ?”

อวี๋เจินอี้ถอนหายใจเบาๆ ในใจพลันหวนระลึกถึงความทรงจำ

นี่ไม่ใช่ว่าอวี๋เจินอี้ใจอ่อน ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ ในเมื่อผ่านไปนานตั้งหลายปีแล้ว จ้งชิวกลับยังหลงงมงายในความเชื่อผิดๆ เขาก็คงต้องใจแข็งแล้ว

คำเล่าลือในยุทธภพที่บอกว่าอวี๋เจินอี้กับราชครูจ้งต้องแตกหักกันเพราะสาวงามที่เป็นภัยต่อบ้านเมืองอะไรนั่น ถือเป็นการดูถูกพวกเขามากจริงๆ

ปีนั้นพวกเขาสองคนเพิ่งจะมีชื่อเสียงในยุทธภพ ก็เป็นเพราะพบเจอกับเจ๋อเซียนท่านหนึ่ง สองพี่น้องจึงแยกทางกันเดิน

ตอนนั้นอวี๋เจินอี้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะสังหารเจ๋อเซียนคนนั้น จ้งชิวกลับเห็นว่าความผิดของเขาไม่ถึงโทษตาย อีกทั้งความเสี่ยงมีมากเกินไป ไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มหมดหน้าตัก แต่อวี๋เจินอี้กับยังบุกไปลอบสังหารเจ๋อเซียนผู้นั้นเพียงลำพัง ช่วงเวลาระหว่างความเป็นความตาย จ้งชิวปรากฎตัวกะทันหัน รับกระบี่ปลิดชีพแทนอวี๋เจินอี้มาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เป็นอย่างที่ติงอิงบอกกับพวกเขาตอนอยู่แคว้นหนันเยวี่ยน หลังจากที่เจ๋อเซียนผู้นั้นถูกสังหารก็มีโชควาสนาสองส่วนหล่นลงมาจากร่างของเขา หนึ่งคือวิชาลับตระกูลเซียนที่สามารถฝึกตนให้เป็นอมตะ อีกหนึ่งคือกระบี่แก้วที่แข็งแกร่งมิอาจทำลาย

ท่ามกลางม่านฝนที่เทกระหน่ำ อวี๋เจินอี้มือหนึ่งกำตำราสวรรค์ซึ่งไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุชนิดใดเล่มหนึ่งเอาไว้ อีกมือหนึ่งถือกระบี่ แหงนหน้าแผดเสียงคำรามยาว

จ้งชิวจากไปอย่างหม่นหมอง

อวี๋เจินอี้โยนกระบี่เซียนเล่มนั้นออกไปเบาๆ บอกว่าสองพี่น้องสามารถร่วมเป็นร่วมตายก็ต้องร่วมเสวยสุขและความมั่งคั่งมีเกียรติได้ วันหน้ากฎเกณฑ์ของใต้หล้าแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นราชสำนักที่สูงส่งหรือยุทธภพที่กว้างไกล เจ้าจ้งชิวชอบอ่านหนังสือก็ให้เจ้าเป็นคนตั้งกฎ ข้าอวี๋เจินอี้แสวงหามหามรรคาที่เป็นอมตะมาจึงจะฝึกวิชาเซียน แน่นอนว่าจะต้องช่วยเจ้าปกป้องใต้หล้า ข้าจะสอนเจ๋อเซียนทุกคนบนโลกว่าต้องก้มหน้าเชื่อฟังคำสั่งอย่างว่าง่าย จะไม่มีใครกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานอีก…

แต่จ้งชิวกลับไม่รอให้อวี๋เจินอี้พูดจบ เขาเดินดิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ปล่อยให้อาวุธที่มีมูลค่าควรเมืองชิ้นนั้นร่วงหล่นลงสู่ดินโคลน ปล่อยให้ถ้อยคำที่ออกมาจากใจจริงของอวี๋เจินอี้ลอยหายไปท่ามกลางฟ้าดินที่ถูกชะล้างด้วยสายฝน

หลิวจงคนลับมีดออกมาจากถนนใหญ่ที่เละเทะเส้นนั้น พอเดินพ้นหัวเลี้ยวมาก็มองภาพนี้อยู่ไกลๆ เขาสะอึ้งอึกไปทันที ลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่งก็เลือกเดินหน้าต่อช้าๆ ไม่ได้หวาดกลัวจนมิกล้าเดินหน้า แล้วก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเผ่นหนีไป

หลิวจงเชื่อในคำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้น เชื่อว่า ‘เด็กชาย’ ที่ขี่กระบี่อยู่ตรงหน้า ใต้เท้าอวี๋ต้าเจินเหรินที่เดิมทีควรต่อสู้กับมารใหญ่ติงอิงแปดร้อยตลบคงตัดสินใจแล้วว่าจะสังหารจ้งชิวผู้เคยเป็นสหายรักให้ได้

การที่เขาเชื่อก็เพราะว่าเจ๋อเซียนหนุ่มผู้นั้นถึงขั้นสามารถทำให้จ้งชิวยอมเป็นฝ่ายป้อนหมัดเพื่อช่วยกระชับขอบเขตของเขาให้แน่นหนาด้วยตัวเอง เพื่อสะดวกให้เขารับศึกใหญ่ในลำดับถัดไป

จ้งชิวไม่เคยเป็นคนที่ทำอะไรตามความรู้สึก ทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนมีกฎของเขาเองเสมอ

จ้งชิวคือวิญญูชนจอมปลอมที่แสร้งวางมาดให้น่าภูมิฐานหรือเป็นกุนซือผู้ถนัดวางแผนช่วงชิงใต้หล้า? ล้วนไม่ใช่ หลิวจงอยู่ในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนมานานขนาดนี้ ราชครูจ้งเป็นคนอย่างไร หลิวจงรู้จัดเจน เขาเป็นทั้งปรมาจารย์วิถีวรยุทธ์ และเป็นทั้งอริยะแห่งด้านวรรณกรรมที่แท้จริง ศึกษาจนเชี่ยวชาญมีความรู้รอบด้าน ใช้พละกำลังของตัวเองคนเดียวขยับยอดสูงสุดของขอบเขตหมัดนอกในใต้หล้าแห่งนี้ให้สูงขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ อีกทั้งสำหรับการแบ่งแยกธรรมะและอธรรม จ้งชิวก็มองอย่างทะลุปรุโปร่ง คลื่นมรสุมในเมืองหลวงหลายครั้งที่ไม่ว่าจะมาจากคำตำหนิวิพากษ์วิจารณ์จากในราชสำนักหรือจากยุทธภพ เดิมทีแค่ฆ่าคนก็จบเรื่อง ทั้งสาแก่ใจ ทั้งประหยัดแรงกายแรงใจ ทว่าจ้งชิวกลับเป็นคนคอยเก็บกวาดอยู่อย่างลับๆ จัดการได้อย่างเที่ยงตรงและทำให้เกิดความสมดุล ทำให้หลิวจงที่มองดูดายอยู่ข้างๆ ต้องยกนิ้วโป้งให้พลางเอ่ยชื่นชมว่าเขาคือวีรบุรุษที่แท้จริง

ดังนั้นเมื่อคนหนุ่มผู้นั้นพูดว่าเขากับจ้งชิวคือ ‘คนบนเส้นทางเดียวกัน’

หลิวจงก็ตัดสินใจโดยไม่ลังเลว่า มีดที่อยู่ในชายแขนเสื้อเล่มนั้น ต้องชักออกมา

นอกจากปณิธานที่เหมือนกันแล้ว ยังเพื่อช่วงชิงโอกาสรอดชีวิตให้แก่ตัวเองด้วย

บอกตามตรง เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างอวี๋เจินอี้และจ้งชิว ใต้หล้านี้ไม่มีใครที่ไม่สงสัยใคร่รู้

แน่นอนว่าคนลับมีดหลิวจงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ต้องรู้ว่าเวลาอยู่ที่ร้านขายแพรต่วน ยามใดที่ได้พูดคุยกับภรรยาและสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายถึงเรื่องสัพเพเหระของคนข้างบ้าน ได้ยินว่าพ่อผัวบ้านไหนได้กับลูกสะใภ้ หญิงสาวบ้านใครถูกใจใคร ตอนกลางคืนที่บ้านหญิงหม้ายแซ่หลิวมักจะมีเสียงแมวร้องเป็นประจำ ชายฉกรรจ์บ้านไหนแอบไปหอโคมเขียว ใช้เงินที่เก็บสะสมไว้หมดเกลี้ยงจนภรรยาโวยวายว่าจะแขวนคอตาย เรื่องในหมู่ชาวบ้านพวกนี้ หลิวจงคุยจ้อได้นานยิ่งกว่าพวกสตรีเสียอีก

มือข้างที่ซ่อนไว้ในชายแขนเสื้อของหลิวจงกำหมอเตา (ชื่อของมีดซึ่งแปลว่าลับมีด) เล่มนั้นไว้แน่น

ตนยังไม่ทันได้ถามเลยว่าแมวที่ร้องตอนกลางคืนในบ้านของหญิงหม้ายแซ่หลิวคือใครกันแน่ วันนี้จะมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้!

อีกอย่างหลังจากจับตามองมานานหลายปีขนาดนี้ ตัวเลือกที่มีหวังว่าจะให้มาเป็นลูกศิษย์บุกเบิกขุนเขา ขณะเดียวกันก็เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของตน ก็พอจะรู้ผลแล้วด้วย

จ้งชิวมองเด็กชายที่เหยียบอยู่บนกระบี่ซึ่งลอยนิ่งอยู่กลางอากาศแล้วทอดถอนใจแผ่วเบา “อวี๋เจินอี้ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า ตอนนี้เจ้ากับเจ๋อเซียนพวกนั้นยังพอมีความแตกต่าง แต่หากเจ้ายังเดินบนทางเส้นนี้ต่อไป สักวันหนึ่งเจ้าก็จะกลายมาเป็นพวกเขา หลังจากนั้นก็จะมีจ้าวเจินอี้ หม่าเจินอี้คนใหม่มาฆ่าเจ้าโดยที่พวกเขาต่างก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลตามหลักของฟ้าดิน”

อวี๋เจินอี้ส่ายหน้า “จ้งชิว เจ้าคงยังไม่รู้กระมัง สถานที่ในการบินทะยานครั้งนี้ยังคงอยู่ที่ภูเขากู่หนิว แต่จำนวนคนกลับเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่สิบคนอีกต่อไป แต่มีแค่สามคนเท่านั้น และสามคนนี้ที่มีคุณสมบัติได้อยู่บนประวัติศาสตร์แท้จริงของพื้นที่มงคลดอกบัวก็จะสามารถเลือกคนได้ห้า สามและหนึ่งให้บินทะยานไปจากที่นี่ด้วยกัน เพียงแต่คนทั้งเก้านี้อาจกลายมาเป็นหุ่นเชิดใต้บังคับบัญชา ข้าลองอนุมานมาก่อนแล้ว ติงอิง ข้า โจวเฟยต่างก็เป็นคนสามคนที่มีโอกาสมากที่สุดว่าจะได้บินทะยานในท้ายที่สุด”

หลังจากนั้นอวี๋เจินอี้ก็ร่ายรายชื่อสิบคนสุดท้ายที่อยู่บนประกาศให้จ้งชิวฟังหนึ่งรอบ

ไม่มีลู่ฝ่างและถงชิงชิง

จ้งชิวขมวดคิ้วถามคำถามที่เป็นกุญแจสำคัญที่สุดทันที “เจ้าจะจากไป?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!