กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 318

สรุปบท บทที่ 318.2 ผู้อื่นไร้เทียมทานควรทำเช่นไร: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 318.2 ผู้อื่นไร้เทียมทานควรทำเช่นไร – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 318.2 ผู้อื่นไร้เทียมทานควรทำเช่นไร จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 318.2 ผู้อื่นไร้เทียมทานควรทำเช่นไร
ProjectZyphon
ติงอิงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “นี่ก็คือกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเจ๋อเซียนกระมัง? เป็นของเล่นที่แปลกใหม่มากจริงๆ น่าจะเพิ่งปรากฏบนอาณาเขตของพื้นที่มงคลดอกบัวเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเข้ามาที่แห่งนี้ด้วยเรือนกายและจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย นับว่าหาได้ยากยิ่ง มิน่าเล่าเจ้าถึงชักนำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันได้มากมายขนาดนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าในพื้นที่มงคลดอกบัวมีข้าติงอิงอยู่”

เฉินผิงอันไม่พูดไม่จา เขาพ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาหนึ่งเฮือก ก่อนจะตั้งกระบวนท่าไอเมฆเหนือบึงใหญ่

ติงอิงกวาดตามองไปรอบด้าน สองนิ้วของมือขวายังคงคีบกระบี่บินงดงามที่ส่องแสงสีเขียวมรกตเล่มนั้นเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นมือซ้ายออกมาข้างหน้า “พูดคุยกันจบแล้วก็ควรจะลงมือได้แล้ว ข้าจะลองดูว่าจะฆ่าเจ้าด้วยมือเดียวได้หรือไม่”

ติงอิงชำเลืองตามองท่าหมัดของเฉินผิงอัน ก่อนจะส่ายหน้ากล่าวว่า “แนะนำเจ้าว่าควรเปลี่ยนเป็นท่าหมัดที่ช่วยในการจู่โจมจะดีกว่า ข้ายังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นวิถียุทธ์ที่ทำให้คนดวงตาเป็นประกาย ไม่อย่างนั้นหากข้าชิงลงมือก่อนก็จะเหมือนหมัดก่อนหน้านี้ที่เจ้าต่อยให้ลู่ฝ่างและจ้งชิวถอยร่น เจ้าจะไม่เหลือกำลังให้ต้านทานเลยแม้แต่นิดเดียว”

ติงอิงกวักมือเรียกเฉินผิงอันด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้เจ้าปล่อยหมัดได้มากสุดแค่สิบหมัด แต่ข้าแน่ใจว่าเจ้าต้องทำได้มากกว่านั้นแน่ ข้าอยากรู้นักว่ามากสุดเจ้าจะต่อยได้สักกี่หมัด? เจ้าจงปล่อยหมัดออกมาอย่างวางใจ ข้าจะรับทุกหมัดไว้เอง!”

เฉินผิงอันเปลี่ยนมาเป็นกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าจริงๆ พลังอำนาจตลอดทั้งร่างพลันเปลี่ยนจากขุนเขาสูงนครใหญ่มาเป็นกองทัพมาเหล็กที่ควบทะยานดุจน้ำขึ้นในทันที

ติงอิงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ยังคงใช้มือข้างหนึ่งพันธนาการกระบี่บินเล็กจิ๋วเล่มนั้น ใช้มือแค่ข้างเดียวรับมือกับเฉินผิงอัน “มา!”

ทันใดนั้นก็เห็นเพียงว่าบนถนนตรงจุดเดิมที่เฉินผิงอันยืนอยู่ได้ยุบยวบลงไปเป็นหลุมใหญ่ยักษ์ที่มีเส้นรัศมีรอบวงหลายจั้ง ทว่าเงาร่างชุดขาวนั้นกลับไม่เหลืออยู่แล้ว

ติงอิงพยักหน้า เร็วใช้ได้

มิน่าเล่าลู่ฝ่างที่เลื่อนสู่ขั้นการควบคุมกระบี่มาได้ครึ่งก้าวถึงมีสภาพอเนจอนาถขนาดนั้น

ติงอิงใช้ฝ่ามือต้านรับหมัดของเจ๋อเซียนหนุ่มผู้นั้น ในขณะที่เขากำลังจะกำฝ่ามือ แรงหมัดที่ส่งมาพลันคลายออก หมัดที่สองพุ่งมาถึงซี่โครงของเขาแล้ว

ติงอิงกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ หากเป็นอย่างที่ตนคาดเดาเอาไว้ กระบวนท่าหมัดนี้ ทุกครั้งที่หมัดถูกปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว พละกำลังหรือจิตวิญญาณล้วนเพิ่มขึ้นในทุกหมัด จุดที่มหัศจรรย์ที่สุดอยู่ที่ว่า หมัดที่ปล่อยออกมาติดๆ กันนี้ไม่เว้นพื้นที่ให้คนหลบเลี่ยง ได้แต่ฝืนแข็งใจต้านรับไว้เท่านั้น มองครั้งแรกเป็นเพียงภูเขาลูกเล็ก แต่หากมีเซียนใช้วิชาอภินิหารแหวกเปิดพื้นที่พันหมื่นลี้ออกดูก็จะค้นพบว่าภูเขาที่ไม่สะดุดตานี้คือ ‘เส้นทางมังกร’ ที่สมบูรณ์แบบทั้งเส้น กลับกลายมาเป็นบรรพบุรุษแห่งขุนเขาในใต้หล้า

ก่อนจะถึงหมัดที่แปด เท้าของติงอิงไม่ขยับเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกครั้งล้วนสามารถใช้ฝ่ามือต้านรับหมัดได้อย่างพอดิบพอดี

รอบกายเหมือนมีเจียวหลงสีขาวหิมะตัวหนึ่งว่ายวนโอบล้อม มองไม่เห็นเงาคน

หมัดที่เก้าติงอิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยังคงใช้ฝ่ามือต้านหมัดที่พุ่งเข้ามายังหว่างคิ้ว

การลงมือของติงอิงที่มองดูเหมือนเรียบง่ายธรรมดาอย่างถึงที่สุดนี้ แท้จริงแล้วกลับแฝงไว้ด้วยแก่นแห่งวรยุทธ์เก้าชนิดที่รวบรวมมาจากสำนักและพรรคต่างๆ ในพื้นที่มงคลดอกบัว ไม่ต้องพูดถึงหอจิ้งซินที่ติงอิงเห็นเป็นเหมือนสวนดอกไม้หลังบ้านของตัวเอง แม้แต่พรรคหูซานของอวี๋เจินอี้ วิชาหมัดที่จ้งชิวสืบทอดให้แก่ลูกศิษย์ผู้สืบทอด ยอดเขาเหนี่ยวคั่นและตำหนักคลื่นวสันต์ กระบวนท่าหิมะถล่มอันเป็นวิชาทวนของเฉิงหยวนซาน เวทลับที่ไม่แพร่งพรายให้คนนอกของปรมาจารย์ใหญ่หลายคนอย่างเทพแปดกรเซวียยวน ติงอิงล้วนนำมาปรับใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ วิชาบางอย่างที่อยู่ในขั้นสูงสุดอยู่แล้วก็จะคงสภาพเดิมไว้ ไม่ไปแตะต้อง แต่วิชาบางส่วนที่ยังเหลือช่องว่าง ติงอิงที่อยู่ว่างๆ ก็จะช่วยปรับแก้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น

หมัดที่สิบ

ติงอิงขยับไปด้านข้างหลายก้าว แต่กลับยังคงเปิดปากเอ่ยกลั้วหัวเราะด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “วิชาหมัดนี้ของเจ้า มีความบกพร่องเดียวในความสมบูรณ์แบบก็คือ ใช้วิธีทำลายศัตรูหนึ่งพัน ตัวเองกลับเสียหายแปดร้อย ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะทนได้ถึงหมัดที่เท่าไหร่ และหมัดสุดท้ายนั้นจะร้ายกาจมากแค่ไหน”

เฉินผิงอันตั้งหน้าตั้งตาปล่อยหมัดอย่างเดียว หัวใจเหมือนจมดิ่งสู่ก้นบ่อโบราณ

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีใครมาร่วมชม

เพราะไม่กล้า

เดิมทีมารเฒ่าติงก็ขึ้นชื่อเรื่องชอบฆ่าคนที่มาชมศึกอยู่ด้านข้างอยู่แล้ว

พวกเจ้าเป็นคนไม่กลัวตาย ชอบมานั่งดูอยู่บนกำแพง ชอบมาชี้ไม้ชี้มือวิจารณ์ ชอบปรบมือร้องให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง ชอบทำหน้าตกตะลึงเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ กันนักใช่ไหม ทุกครั้งที่มีจังหวะว่างระหว่างประมือกับคนอื่น มารเฒ่าติงจะต้องตบพวกคนที่มาชมการต่อสู้จนเละเป็นเนื้อบดด้วยฝ่ามือเดียวเหมือนคนใช้พัดตบยุงบนมุ้ง ตบแมลงวันบนผนังเสมอ

ดังนั้นอาจารย์ที่ลักษณะคล้ายลิงผอมแห้งขององค์รัชทายาทเว่ยเหยี่ยนเพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน เดิมทีหลบซ่อนอยู่ไกลๆ แต่พอเห็นว่ามารเฒ่าติงลงมือด้วยตัวเองก็รีบถอยออกมาทันที

นิสัยเช่นนี้ติงอิงเป็นอยู่คนเดียว บุคคลที่อยู่บนยอดเขาอย่างพวกจ้งชิว อวี๋เจินอี้ที่แม้จะไม่ชอบให้คนนอกมานั่งดูไฟชายฝั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ให้ความสนใจเท่าใดนัก

ทว่าการชมการเข่นฆ่าระหว่างยอดฝีมือระดับสองคือข้อห้ามใหญ่ของคนในยุทธจักร เพราะใครก็ไม่ชอบให้ความสามารถก้นกรุของตนต้องมาเปิดเผยสู่สายตาคนนอก คนมากปากมาก หนึ่งเล่ากันไปสิบ สิบเล่ากันไปร้อย จนแม้แต่คนเดินถนนก็ยังรู้ แบบนั้นจะยังเรียกว่าของก้นกรุอีกได้อย่างไร? ยุทธภพจะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เลื่อนเป็นปรมาจารย์ระดับหนึ่งแล้ว วรยุทธ์ก็จะยิ่งเล็กแคบลงมาอีก

ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองอยู่ในระยะสองช่วงแขน แต่หมัดที่สิบเอ็ด ดูเหมือนติงอิงจะได้ลิ้มรสถึงความร้ายกาจของกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าบ้างแล้ว เขาจึงขยับระยะห่างเหมือนตั้งใจแต่ก็คล้ายไม่เจตนา พอถูกหนึ่งหมัดต่อยก็ถอยออกไปหนึ่งจั้งกว่า

ตอนนั้นลู่ฝ่างถูกสิบหมัดต่อยจนบาดเจ็บสาหัส หนึ่งเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก เขาไม่ทันได้ตั้งตัวรับมือ ทว่าติงอิงกลับเตรียมพร้อมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว สองก็เพราะลู่ฝ่างใฝ่เรียนวิชากระบี่อย่างเดียว ความทุ่มเทและความตั้งใจทั้งหมดอยู่ที่กระบี่ ร่างกายจึงมิอาจเทียบเคียงกับติงอิงได้ ลู่ฝ่างกินสิบหมัดของเฉินผิงอันเข้าไปก็เหมือนทหารเดินเท้ากลุ่มหนึ่งที่เจอกับทหารม้าเหล็กในผืนป่า เพียงปะหน้าก็แตกฉานซ่านเซ็น แน่นอนว่าย่อมพ่ายแพ้เหมือนภูเขาที่ล้มครืน สิบหมัดเหมือนกัน แต่ติงอิงกลับเหมือนได้ครอบครองนครยักษ์ที่มีป้อมปราการสูง กองกำลังทหารยังคงกร้าวแกร่ง

นี่หาใช่เพราะศักยภาพที่แท้จริงระหว่างลู่ฝ่างกับติงอิงแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวไม่

จะว่าไปแล้ว การที่ติงอิงรับมือได้อย่างผ่อนคลายเช่นนี้ยังต้องยกให้เป็นความดีความชอบของบทเรียนก่อนหน้านี้ที่ลู่ฝ่างและจ้งชิวมอบให้เขา

หลังหมัดที่สิบเอ็ดผ่านไป ติงอิงไปยืนอยู่ห่างหนึ่งจั้ง ฉวยโอกาสที่หมัดต่อไปยังไม่เข้ามาประชิดตัวรีบสะบัดชายแขนเสื้อ สลายพายุหมัดที่ยังคงหมุนเวียนวนอยู่กลางฝ่ามือทิ้งไป กล่าวสัพยอกว่า “หากปล่อยมาอีกสักสามสี่หมัด เกรงว่าข้าคงต้องบาดเจ็บเล็กน้อยแล้ว”

หมัดที่สิบสองพุ่งเข้ามาแสกหน้า ติงอิงจึงออกหมัดเป็นครั้งแรก หมัดนั้นชนเข้ากับกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าของเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันถอยหลังไปหลายก้าว แต่ความมหัศจรรย์ของกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าก็แสดงออกมาอย่างเต็มกำลัง เฉินผิงอันใช้ความเร็วและวิถีวงโคจรที่อยู่เหนือหลักการทั่วไปปล่อยหมัดนี้ออกไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

ติงอิงที่ไม่ทันได้ออกหมัด ได้แต่ยกศอกขึ้นต้านบังอยู่ด้านหน้าอย่างฉุกละหุก

ปลายศอกของตัวเองกระแทกเข้าที่หน้าอก

ติงอิงกระเด็นออกไปดังปัง แต่ปราณแท้จริงในชุดคลุมยาวกลับพองโป่งขึ้นมา ช่วยลดทอนพายุหมัดไปเกินครึ่ง

ชั่วเวลาประกายไฟแลบ สัมผัสได้ว่าคู่ต่อสู้คล้ายจะช้าไปเสี้ยวขณะหนึ่ง ติงอิงก็หรี่ตา ถอยกรูดออกไปด้านหลัง ขณะเดียวกันกับที่รับหมัดที่สิบสี่ก็เอ่ยพลางยิ้มบางๆ ไปด้วยว่า “ก่อนหน้านี้ในที่พักของเจ้า มีเจ้าตัวน้อยลักษณะเป็นภูตประหลาดตัวหนึ่ง มันไม่รู้จักกลัวตาย ถึงได้พยายามแอบเอากระบี่บินมุดดินมาหาเจ้า แต่ถูกข้าจับได้ ไม่รู้ว่าถูกแรงกระเทือนตายอยู่ในใต้ดินไปแล้วหรือเปล่า”

แล้วก็จริงดังคาด แม้ว่าคนหนุ่มจะสัมผัสได้ แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดมือ หมัดที่สิบห้าพุ่งออกมาอย่างว่องไว

หนึ่งหมัดผ่านไป

ติงอิงถอยหลังอีกครั้ง อีกทั้งสองนิ้วที่คีบกระบี่บินสืออู่เอาไว้ยังสั่นน้อยๆ ด้วย

ติงอิงไม่ตกใจ กลับกันยังดีใจมากเดียวซ้ำ เพียงแต่เก็บกดอารมณ์นี้ไว้อย่างลึกล้ำ

มองภายนอกเหมือนว่ามารเฒ่าติงที่ได้ครอบครองบัลลังก์อันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างมั่นคงมาหกสิบปีผู้นี้จะทระนงตัวจนกลายเป็นความประมาท ทว่าอันที่จริงส่วนลึกในใจของติงอิงนั้นอยากได้แก่นของกระบวนท่าหมัดนี้มาครอบครองยิ่งกว่าใคร

มีความเป็นไปได้มากว่าหากเขาเข้าใจวิชาหมัดนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง มันก็ช่วยให้เขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่าจะทำเรื่องบางอย่างที่คิดไว้ในใจได้สำเร็จ

นั่นคือเขย่าคลอนกฎสวรรค์ของพื้นที่แห่งนี้!

ติงอิงไม่สนใจสักนิดว่าการเปิดปากพูดของเขาจะทำให้ลมปราณที่แท้จริงไหลหายออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว ยังคงยิ้มบางกล่าวว่า “สี่หัวก่อนหน้านี้ ข้าเป็นคนให้ยาเอ๋อร์และโจวซื่อหิ้วออกมาให้เจ้าดูเอง เด็กคนนั้น หากข้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อเฉาฉิงหล่าง เขามาเจอกับเจ๋อเซียนอย่างเจ้า นับว่าโชคร้ายจริงๆ”

ต่อให้ติงอิงจะมองเห็นใบหน้าของเฉินผิงอันได้ไม่ชัดเจน แต่ผู้เฒ่ากลับสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร ‘เล็กน้อย’ ของคนผู้นี้

ไม่ใช่ความโกรธเคือง ถึงขั้นไม่ใช่จิตสังหารที่ไหลแผ่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่เป็นจิตสังหารที่จงใจกดข่มไว้ให้เป็นเพียงเส้นบางๆ จากนั้นก็ขยำหนึ่งเส้นให้กลายเป็นหนึ่งก้อน

แบบนี้ก็น่าสนใจแล้ว

ชุดคลุมอาคมจินหลี่ก็ยังมีแต่กลิ่นอายความตายเข้มข้น

ส่วนสืออู่ที่เป็นทั้งกระบี่บินและเป็นทั้งวัตถุฟางชุ่นก็ถูกติงอิงพันธนาการอยู่ระหว่างสองนิ้วอย่างแน่นหนาตลอดเวลา

ยังดีที่ในปีนั้นเฉินผิงอันเคยเป็นลูกศิษย์เตาเผามังกรมาก่อน

เฉินผิงอันถ่มเลือดทิ้งหนึ่งคำ “เจ้าลืมของบางอย่างเอาไว้ ไม่ได้เก็บมาหรือเปล่า?”

ติงอิงหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าหมายถึงกระบี่ที่เจ้าวางไว้บนโต๊ะเล่มนั้นน่ะหรือ? เจ้าคิดจะไปหยิบมันเพื่อมาสังหารข้า? แต่เมื่ออยู่ภายใต้เปลือกตาของข้า เจ้าคิดว่าตัวเองจะเดินไปถึงที่นั่นไหม?”

ติงอิงถามเองตอบเอง ส่ายหน้าพูดว่า “ขอแค่ข้าไม่เต็มใจให้เจ้าไป เจ้าเฉินผิงอันก็เดินออกไปได้ไม่ถึงสิบจั้ง ข้าแน่ใจเลยว่าเจ้าเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวในกลุ่มของเจ๋อเซียนเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ หาไม่แล้วข้าก็คงไม่อาจกักตัวกระบี่บินเล่มเล็กๆ นี้ไว้ได้”

เฉินผิงอันแสยะปาก ปรายตามองกวานเต๋าเหนือศีรษะของติงอิง “ฟ้าอำนวยดินอวยพรคนสามัคคี เจ้าล้วนยึดครองไปหมดแล้ว สะใจมากเลยใช่ไหมล่ะ?”

ติงอิงหรี่ตาลง ปราณสังหารพลันท่วมทะลักออกมา “อ้อ? ไอ้หนู ไม่ยอมแพ้งั้นรึ แต่เจ้าจะทำอย่างไรได้เล่า?”

“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดคำว่า ‘มา’ อะไรนั่น?”

เฉินผิงอันยกแขนข้างหนึ่งปาดออกมาเบื้องหน้า “ถูกไหม?”

ติงอิงไม่เอ่ยอะไร แค่ตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะเยียบเย็น

ในใจคิดว่าเจ๋อเซียนที่ไม่เหมือนใครผู้นี้ต้องกำลังคิดดิ้นรนก่อนตายอย่างแน่นอน

เขาแค่รอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเดียวก็พอ

เฉินผิงอันพูดในใจตัวเองว่า ‘กระบี่ จงมา!’

ในห้องด้านข้างของบ้านหลังนั้น กระบี่ปราณยาวที่แค่ปราณกระบี่ก็หนักหลายสิบจินพลันพุ่งออกจากฝักในเสี้ยววินาที

จากนั้นก็เหมือนว่าจะติดตามร่องรอยคร่าวๆ ของเฉินผิงอันที่ทิ้งไว้ในครั้งสุดท้ายที่เดินออกจากประตู ราวกับต้องการจะสำแดงบารมีต่อฟ้าดินแห่งนี้ กระบี่ยาวจึงเหมือนสายรุ้งสีขาวที่แหวกทะลุหน้าต่าง พุ่งออกจากลานบ้านมาถึงตรอก พุ่งผ่านตรอกเข้ามาในถนนเส้นใหญ่ พุ่งผ่านไหล่ติงอิงไป

เมื่อเฉินผิงอันคว้าจับ ‘รุ้งขาว’ เส้นนี้

ปราณกระบี่สีขาวหิมะที่ปานประหนึ่งแม่น้ำสายยาวยังคงเหลือค้างไว้ในโลกมนุษย์ มีทั้งคดงอ มีทั้งที่เป็นเส้นตรง แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะสลายหายไป

เมื่อเฉินผิงอันยื่นมือไปคว้ากระบี่ปราณยาวเล่มนั้นมา

ตัวกระบี่เหมือนน้ำค้างแข็ง ปราณกระบี่ก็เหมือนรุ้งขาว ชุดคลุมตัวยาวยิ่งเจิดจ้าเหนือกว่าหิมะ

ในโลกมนุษย์แห่งนี้ เฉินผู้ไร้เทียมทานในหนึ่งช่วงแขน

นอกเหนือจากหนึ่งแขนแล้วยังมีกระบี่อีกหนึ่งเล่ม

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!