เฉินผิงอันใช้วิธีบังคับกระบี่ของอาจารย์กระบี่
ส่วนกระบวนท่าที่ใช้คือกระบวนท่าหิมะทลายใน ‘คัมภีร์เวทกระบี่ที่แท้จริง’
เขาไม่ยอมปล่อยให้ติงอิงทิ้งระยะห่าง ขณะเดียวก็ไม่ให้ติงอิงขยับเข้ามาใกล้ เข้าหรือออกล้วนอยู่ในระยะสองช่วงแขน
คนทั้งสองอยู่บนอากาศเหนือเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน ต่อสู้โรมรันกันไม่หยุด ขยับย้ายไปทางทิศใต้ของเมืองเรื่อยๆ
ปราณกระบี่กับพายุหมัดปะทะพุ่งชนกันส่งเสียงดังครืนครั่นเหมือนเสียงหิมะถล่ม ทำให้ชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้
คนหนุ่มที่สวมชุดคลุมยาวสีขาวหิมะบังคับกระบี่ยาวที่เป็นเหมือนรุ้งขาวเส้นหนึ่ง ภาพเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ชวนตื่นตาตื่นใจนี้คล้ายหิมะใหญ่เท่าขนห่านที่เกล็ดหิมะไม่มีวันร่วงลงมาข้างล่าง
ในบรรดากลุ่มคนที่มองดูอยู่มีฮ่องเต้แคว้นหนันเยวี่ยนที่ถูกห้อมล้อมอารักขาจากกองทหารรักษาพระองค์
มีพ่อครัวชราของตำหนักองค์รัชทายาทที่สวมผ้ากันเปื้อนวิ่งออกมานอกห้องครัว รัชทายาทเว่ยเหยี่ยนและเทพธิดาฝานกว่านเอ่อร์แห่งหอจิ้งซิน
โจวเฝยกับลู่ฝ่างที่ยืนเคียงไหล่กันอยู่นอกร้านเหล้าตรงหัวมุมถนน
สตรีที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่อาจเดินไปถึงที่พักของบัณฑิตเจี่ยง นางนั่งพิงอยู่ใต้กำแพงมุมหนึ่งอย่างหมดเรี่ยวแรง เงยหน้ามองภาพเหตุการณ์ที่อยู่เหนือศีรษะ หญิงสาวเต็มไปด้วยความเสียดาย นางหลับตาลงช้าๆ รู้สึกเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ต่อให้ได้เปิดประตูของบ้านหลังเล็กเข้าไป ได้พบกับบัณฑิตที่ตัวเองรัก แล้วจะอย่างไรเล่า? จะให้เขาเห็นสภาพที่ทั่วร่างของตนเต็มไปด้วยคราบเลือดอย่างนั้นหรือ? ช่างเถิด ไม่ได้พบหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย ต่อให้เขาฟังคำจากคนอื่นแล้วคิดว่านางเป็นคนชั่วร้าย แต่สุดท้ายนางก็ยังเป็นสตรีที่งดงามในใจเขาได้
ดังนั้นนางจึงเอียงศีรษะ คลี่ยิ้มแล้วหลับไป
ฮองเฮาโจวซูเจินไม่ได้กลับวังหลวง นางแฝงตัวเข้ามาในตำหนักองค์รัชทายาท บนร่างมีกระจกทองแดงเพิ่มขึ้นมาหนึ่งบาน
เฉาฉิงหล่างที่อยู่ในลานบ้านเดียวดายไร้ที่พึ่ง โยนมีดผ่าฟืนทิ้ง นั่งยองกุมหัวร้องไห้โฮ
รอบด้านไม่มีใครอยู่แล้ว เด็กหญิงร่างผอมแห้งหิ้วม้านั่งตัวเล็กเดินเตร็ดเตร่เลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็ก เหลียวซ้ายแลขวาอย่างเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
กลางอากาศทางทิศใต้ของแคว้นหนันเยวี่ยน
เฉินผิงอันบังคับกระบี่ได้คล่องแคล่วเชี่ยวชาญมากขึ้นทุกขณะ
คมกระบี่เฉียบคมเกินไป ปราณกระบี่พลุ่งพล่านเกินไป ท่ากระบี่แปลกประหลาดเกินไป
หกสิบปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ติงอิงมีสภาพอเนจอนาถเช่นนี้ เขาได้แต่มุ่งมั่นป้องกันตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น
ติงอิงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ นี้เขายังทำอะไรไม่ได้ จึงพยายามสงบจิตสงบใจตัวเอง เขาก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ๋อเซียนหนุ่มผู้นี้จะรักษาขอบเขตไร้ที่ติของตัวเองไว้ได้นานแค่ไหน ขอแค่อีกฝ่ายเผยช่องโหว่ให้เห็น ติงอิงก็จะทำให้เขาเฉินผิงอันบาดเจ็บสาหัส และติงอิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ วิชาหลายแขนงที่ได้เล่าเรียนมาล้วนถูกเขาดึงมาใช้ หนึ่งหมัดที่ต่อยออกไปเอียงๆ ไม่ได้โดนเฉินผิงอันสักนิด ทว่าพายุหมัดกลับระเบิดอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน บ้างก็เป็นตรงหว่างคิ้ว ตรงไหล่ ตรงหน้าอก ยากจะคาดเดาว่าจะปรากฏมุมไหน เกินความคาดคิด นี่ก็คือฉีเหมินตุ้นเจี่ยและวิชาจับยามดอกเหมย (หนึ่งในวิชาทำนาย วิชาพยากรณ์แบบโบราณของจีน) ที่ติงอิงเอามาใช้กับวิชาหมัด การเคลื่อนไหวร่างกายที่แปลกประหลาดของใบหน้ายิ้มเฉียนถัง เมื่อมาเจอกับติงอิงก็เหมือนเรื่องน่าหัวเราะเยาะในสายตาของผู้เชี่ยวชาญ
มือข้างหนึ่งของติงอิงประกบสองนิ้วเข้าด้วยกัน ดีดนิ้วเบาๆ ลมพายุเป็นกลุ่มก็กลายมาเป็นเหมือนกระบี่ยาว
มือข้างหนึ่งทำมุทราร่ายวิชาอภินิหารที่สามารถยกภูเขาย้ายแม่น้ำ ดึงเอาหลังคาบ้านและต้นไม้แถบใหญ่มาจากบนพื้นดินเพื่อต้านทานปราณกระบี่สีขาวหิมะที่ซัดตลบอบอวล
สุดท้ายคนทั้งสองพลิ้วกายลงบนกำแพงสูงแห่งหนึ่งนอกเมืองหลวง
บนทางเดินม้าเส้นนี้ ป้อมสำหรับพลธนูซุ่มยิงหลายแห่งรวมไปถึงผนังหลายแถบล้วนแตกระเบิดกระจัดกระจาย ฝุ่นคลุ้งปลิวว่อนไปทั่วทั้งในและนอกเมือง
ดูเหมือนว่าเมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว พันธนาการเล็กน้อยส่วนสุดท้ายได้สูญหายไป เฉินผิงอันถึงได้ปลดปล่อยตัวเองออกมาอย่างเต็มที่
วิชาบังคับกระบี่แทบจะกลายมาเป็นวิชาควบคุมกระบี่
ทางเดินม้าเส้นยาวเหยียดถูกปราณกระบี่ของปราณยาวที่เป็นดั่งสายรุ้งทำลายเสียจนพังพินาศย่อยยับ
บางครั้งที่เกิดจังหวะช่องว่าง ติงอิงที่คิดจะสลัดตัวเองให้หลุดพ้นไปจากที่แห่งนี้ก็จะถูกหนึ่งหมัดของเฉินผิงอันต่อยให้กลับเข้ามาในกรงขังปราณกระบี่
ติงอิงผู้ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในใต้หล้า ตลอดระยะเวลาหกสิบปีที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดในยุทธภพ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนคนหนึ่งซึ่งยึดครองความได้เปรียบไว้ได้อย่างมั่นคงบีบบังคับให้จำต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ ต้องเฝ้าป้องกันอย่างเดียว
แม้ว่าติงอิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าชายแขนเสื้อของแขนสองข้างกลับเกิดรอยปริแตกจำนวนนับไม่ถ้วน
เรือนกายของเฉินผิงอันที่คล่องแคล่วปราดเปรียวกำลังเดินก้าวย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่บนทางเดินม้าสภาพผุพังในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล
ส่วนติงอิงก็เห็นได้ชัดว่าโมโหขึ้นมาจริงๆ แล้ว หลายครั้งที่กระบี่ปราณยาวถูกปลายนิ้วแตะลงบนตัวกระบี่หรือด้ามกระบี่ พายุกระบี่จะแหลกสลาย ตัวกระบี่สั่นสะเทือนไม่หยุด ทว่าปราณกระบี่กลับยังคงเปี่ยมล้นมากพอจะก่อตัวกลายเป็นธารน้ำไหลยาว ความเสียหายเพียงเท่านี้สามารถมองข้ามไปได้โดยตรง เพราะเหมือนทุ่มหินยักษ์กระแทกใส่น้ำแล้วสะเก็ดน้ำกระจายขึ้นมาบนฝั่งเท่านั้น
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเฉินผิงอัน เขาขึ้นไปยืนอยู่บนป้อมยิงธนูโดดเดี่ยวเพราะสองป้อมที่ขนาบข้างพังหักไปแล้ว ประกบสองนิ้วเป็นท่ายื่นนิ่งเจี้ยนหลูของวิชาหมัดเขย่าขุนเขา
ปราณยาวที่เดิมทีล้อมพัวพันรอบกายติงอิงอย่างบ้าคลั่งพลันทะยานขึ้นกลางอากาศหลายสิบจั้ง ความเร็วของกระบี่บินที่แต่เดิมก็เร็วสุดขีดอยู่แล้วกลับเร็วกว่าเดิมผิดไปจากหลักการทั่วไป อยู่ดีๆ ก็หายไปจากกลางอากาศ จากนั้นรุ้งขาวที่หอบเอาสายลมและสายฟ้าก็ดิ่งลงมาจากท้องนภา กระบี่ยาวแหวกผ่าหัวกำแพงเมืองของแคว้นหนันเยวี่ยน ก่อนจะทะลุออกมาจากมุมกำแพงที่แตกพัง พริบตาเดียวก็มาลอยหยุดอยู่ข้างกายเฉินผิงอันที่ยืนอยู่บนหัวกำแพง ส่งเสียงหวึ่งๆ อื้ออึง
ฝุ่นสลายหายไป ติงอิงยกมือขึ้น ชายแขนเสื้อของมือข้างขวาฉีกขาดย่อยยับไปหมดแล้ว
เฉินผิงอันยื่นมือทำท่ากุมด้ามกระบี่ไว้หลอกๆ ฝ่ามือสัมผัสเข้ากับด้ามกระบี่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ปล่อยออก
ติงอิงหัวเราะเสียงดัง “หกสิบปีมานี้ เส้นเอ็นและกระดูกไม่เคยได้ยืดเส้นยืดสายขนาดนี้มาก่อนเลย”
เฉินผิงอันถามคำถามในทำนองเดียวกัน “สะใจมากเลยใช่ไหม?”
คราวก่อนติงอิงเพิกเฉยต่อคำถามนี้ได้ แต่คราวนี้เขากลับรู้สึกวางหน้าไม่ถูกสักเท่าไหร่
ติงอิงกระทืบเท้า ร่างพลันพร่าเลือน พอจะมองเห็นได้ว่ามือสองข้างของเขายกขึ้นตั้งเป็นท่าหมัดไม่รู้ชื่อท่าหนึ่ง
แล้วผู้เฒ่ากวานดอกบัวที่เรือนกายพร่าเลือนก็มาปรากฎตัวด้านหลังเฉินผิงอัน นิ้วทั้งสิบของมือสองข้างทำมุทราโบราณของเทพสวรรค์ท่าหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!