ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนภูเขาถล่มพื้นดินปริแยก
ต่อให้เปิดเอกสารลับที่มีฝุ่นเกาะหนาชั้นมากที่สุดในหอจิ้งหย่างออกดู ก็เป็นเวลาหลายหกสิบปีมาแล้วที่พื้นที่มงคลดอกบัวไม่เคยมีการเข่นฆ่าที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้มาก่อน
คนเพียงสองคน แต่กลับตีกันเหมือนสองกองทัพประจัญบาน สร้างภาพบรรยากาศดุจดั่งมีทะเลทรายเหลืองอร่ามหมื่นลี้และกองทัพม้าเหล็กทวนทอง
ฮ่องเต้เว่ยเซี่ยนผู้บุกเบิกแคว้นหนันเยวี่ยนคือผู้ไร้เทียมทาน ในช่วงยุคสมัยนั้นไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ หลูป๋ายเซี่ยงในช่วงยุคหลังก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาสามารถใช้กำลังของตัวเองคนเดียวข่มให้คนทั้งยุทธภพหายใจหายคอไม่สะดวกนานถึงหกสิบปี เซียนกระบี่สาวสุยโย่วเปียนก็ยิ่งเงียบเหงาจนได้แต่ขี่กระบี่บินทะยาน จูเหลี่ยนผู้บ้าคลั่งวรยุทธ์เลือกที่จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก ใช้กำลังของคนคนเดียวต่อสู้กับคนเก้าคน ปรมาจารย์สิบท่านบนอันดับรายชื่อแห่งใต้หล้าถูกเขาสังหารไปเกินครึ่ง
คราวนี้ติงอิงได้มาเจอกับเจ๋อเซียนหนุ่มที่มีชื่อว่าเฉินผิงอัน
ก็ราวกับดวงตะวันและดวงจันทราแข่งขันประชันแสงโดยมีท้องนภาอยู่เบื้องบน
ทุกคนได้แต่ยืดคอยาวๆ ออกไปดู รอคอยผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
โจวซูเจินถอนหายใจหนึ่งที ชำเลืองตามองชายหนุ่มหญิงสาวสองคนที่อยู่บนหลังคาสิ่งปลูกสร้างหลังหนึ่ง นางไม่ได้พุ่งทะยานตรงไปหาพวกเขา แต่พลิ้วกายลงในระเบียงแห่งหนึ่งอย่างเงียบเชียบแล้วเดินทอดน่องเอื่อยเฉื่อย หากเจอพวกสาวใช้หรือผู้ดูแลก็จะหลบอ้อมไปอยู่หลังเสา แนบตัวติดกับเสาบดบังสายตาจากมนุษย์ธรรมดาเหล่านั้น
บางครั้งก็กระโดดขึ้นไปบนเสาคาน มองดูแล้วประหนึ่งแถบผ้าหลากสีสันที่กำลังล่องลอยไปเบื้องหน้า สถานะของนางในตอนนี้ไม่เหมาะให้เผยตัวในตำหนักแห่งนี้
แม้ว่านางจะเป็นฮองเฮาคนปัจจุบันของแคว้นหนันเยวี่ยน แต่กลับไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของรัชทายาทและองค์ชายรอง ถึงขั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับอาการป่วยตายของฮองเฮาคนก่อน ข่าวลือและความลับต่างๆ ในวังหลวงล้วนมีเกี่ยวพันกับโจวฮองเฮาอย่างที่นางเลี่ยงไม่ได้
ร่างที่พุ่งวูบไปมาของโจวซูเจินทำให้เว่ยเหยี่ยนและฝานกว่านเอ่อร์สังเกตเห็นได้พอดี คนทั้งสองจึงทะยานลงมาจากหลังคา มาพบกับฮองเฮาที่มีความงามเสียงเลื่องลือผู้นี้ในสวนดอกไม้
ฝานกว่านเอ่อร์ค่อนข้างจะสงสัยและเป็นกังวล เพราะไม่รู้ว่าเหตุใดโจวซูเจินถึงมาอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังเผยกายต่อหน้านางและรัชทายาทเว่ยเหยี่ยนด้วย
โจวซูเจินผู้นี้ก็คือศิษย์พี่หญิงที่ปีนั้นเป็นคนพบเจอฝานกว่านเอ่อร์และพานางไปอยู่ที่หอจิ้งซิน หลังจากนั้นไม่นานโจวซูเจินก็ได้สวมรอยเป็นสาวงามผู้เข้าร่วมการคัดเลือกซึ่งเป็นตัวตนที่ทางหอจิ้งซินสร้างให้อย่างตั้งใจ ได้เข้าไปอยู่ในวังหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนอย่างราบรื่น ก่อนจะเดินทีละก้าวจนมาสู่ตำแหน่งฮองเฮา
โจวซูเจินกล่าวอย่างจนใจ “สถานการณ์คับขัน ไม่ทันกาลแล้ว ต้องโทษที่ศิษย์พี่หญิงอย่างข้าทำอะไรไม่เรียบร้อย แล้วก็ต้องโทษมารเฒ่าติงที่ปรากฏตัวอย่างประจวบเหมาะเกินไป”
เว่ยเหยี่ยนมอง ‘เสด็จแม่’ แล้วค่อยหันกลับมามองฝานกว่านเอ่อร์ ในใจเหมือนมีพยับเมฆหนาชั้นปกคลุม
เขาไม่ถือสาหากตัวเองต้องลงเรือลำเดียวกับฝานกว่านเอ่อร์เพื่อเอาชนะน้องชายที่ยาเอ๋อร์แห่งลัทธิมารเป็นผู้สนับสนุน จากนั้นเดินทีละก้าวจนขยับเข้าใกล้กับเก้าอี้มังกรตัวนั้น ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น สุดท้ายจับมือกับสาวงามวางแผนรวบรวมสี่แคว้นให้เป็นปึกแผ่น แต่หากบอกว่าสกุลเว่ยทุกคนในแคว้นหนันเยวี่ยนล้วนถูกหญิงสาวจากหอจิ้งซินเหล่านี้กุมเล่นไว้ในกำมือมานานแล้ว ถ้าเช่นนั้นต่อให้ตนจะได้นั่งเก้าอี้มังกร ได้สวมชุดคลุมมังกร แล้วจะยังมีความหมายอะไร?
แต่โจวซูเจินกลับไม่มีเวลามาสนใจความคิดของกษัตริย์ที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างของเว่ยเหยี่ยน นางพูดเข้าประเด็นกับฝานกว่านเอ่อร์ว่า “ปีนั้นการที่อาจารย์ส่งตัวข้ามาอยู่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน นอกจากสถานะฮองเฮานี้แล้ว อาจารย์ยังต้องการให้ข้าทำเรื่องหนึ่งให้สำเร็จ นั่นก็คือได้กระโปรงเขียวชุดนั้นมาครอบครอง ไม่ช้าไม่เร็ว จำเป็นต้องเป็นช่วงสุดท้ายก่อนระยะเวลาหกสิบปีนี้จะหมดลงพอดี แต่ข้าไม่กล้าเข้าใกล้มารเฒ่าติงเกินไป ไม่กล้าปรากฏตัวให้เขาเห็นเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าจะทำให้มารเฒ่าหงุดหงิด”
กล่าวมาถึงตรงนี้ นางก็ยิ้มขออภัยให้ฝานกว่านเอ่อร์ กล่าวเสียงขื่น “ดังนั้นศิษย์พี่หญิงจึงได้แต่ถอยมาเลือกลำดับรองลงมา ก่อนที่โจวเฝยจะลงจากภูเขาก็เคยป่าวประกาศแล้วว่าต้องการเจ้าศิษย์น้องหญิงเป็นของรางวัล เขาปรารถนาในความงามของเจ้ามานานแล้ว ดังนั้นข้าจึงจงใจให้คนเปิดเผยความลับแก่ตำหนักคลื่นวสันต์ บอกว่าเจ้าอยากครอบครองชุดกระโปรงตัวนั้น แล้วโจวเฝยก็ตรงไปหาภิกษุอวิ๋นหนีที่วัดจินกังจริงๆ ด้วยนิสัยของโจวเฝย หากเจ้าตกอยู่ในกำมือของเขา ขอแค่ศิษย์น้องหญิงเอ่ยปาก ไม่ว่าจุดประสงค์เดิมที่โจวเฝยไปแย่งกระโปรงสีเขียวชุดนั้นมาจะคืออะไร เขาก็ต้องยินดีมอบกระโปรงตัวนั้นให้ศิษย์น้องอย่างแน่นอน”
ฝานกว่านเอ่อร์ยังคงไม่เข้าใจ “ข้าได้กระโปรงตัวนั้นมาแล้วอย่างไร? ได้หนึ่งในสี่โชควาสนาใหญ่ก็จะโชคดีได้บินทะยานงั้นหรือ? แต่ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่หญิงก็เคยพูดไม่ใช่หรือว่า อาจารย์เคยสั่งไว้ว่า ไม่ให้ข้าจงใจไล่ตามโอกาสในการบินทะยาน?”
“น่าเสียดายก็แต่ตอนนี้โจวเฝยได้มอบกระโปรงตัวนั้นให้กับยาเอ๋อร์แห่งลัทธิมารไปแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้…ยังดีที่อาจารย์ก็เคยคาดเดาสถานการณ์เช่นนี้มาไว้แล้ว”
โจวซูเจินควักกระจกทองแดงบานเล็กออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์จึงบอกกับข้าว่าเมื่อถึงเวลานั้น ให้ข้ามอบมันแก่เจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!