กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 322

บทที่ 322.2 แต่ละแห่งคือยอดบน แต่ขาดหนึ่งภูเขา
ProjectZyphon
ติงอิงหัวเราะดังลั่นอย่างสาแก่ใจ สองมือทำมุทรา จิตวิญญาณล่องลอยออกจากร่าง เขาถึงกับพาจิตหยินออกมาล่องลอยอยู่ใต้หล้าในเวลากลางวันแสกๆ

จิตหยินตนนี้เอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งยื่นฝ่ามือออกมาวางบังไว้เหนือศีรษะ เปล่งเสียงไม่ดัง แต่กลับเป็นถ้อยคำอย่างใจกว้างที่ดังขึ้นในทะเลสาบหัวใจของติงอิง “หากข้าสลายไปในโลกมนุษย์ ติงอิงจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมหรือไม่?”

แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดที่เขาพูดกับตัวเอง

ติงอิงไม่ได้พูดออกเสียง แต่กระนั้นก็ยังหลุดหัวเราะเพราะความคิดที่เกิดขึ้นในหัวใจ “ตบะจะเป็นเช่นไร ข้าไม่ใช่คนที่ตัดสินใจ แต่กฎเกณฑ์กลับยังต้องรักษาเอาไว้ และก็ยิ่งต้องคงความมีสติปัญญา ไม่จำเป็นต้องพูดจาเหลวไหล ต่อให้ข้าติงอิงไม่มีจิตวิญญาณ มีเพียงกายหยาบ แล้วอย่างไร? ควรทำอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้น”

ครู่หนึ่งต่อมาเฉินผิงอันที่ถือปราณยาวไว้ในมือก็พลิ้วกายลงบนพื้น สีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย

ลมปราณแท้จริงอันบริสุทธิ์เฮือกนั้นของเฉินผิงอัน เดิมทีก็เป็นเหมือนม้าตีนปลายอยู่แล้ว ที่แท้กระบี่เมื่อครู่ที่ส่งออกไปเป็นการพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็เพราะ ‘ความหมาย’ ของกระบี่นี้ยิ่งใหญ่เกินไป เรี่ยวแรงของเฉินผิงอันน้อยนิดเกินไป ดังนั้นจึงไม่สามารถดึงมันขึ้นมาได้ จุดจบจึงเป็นเพียงฟ้าร้องเสียงดังสนั่น แต่ฝนกลับตกปรอยๆ

ต่อให้เป็นเฉินผิงอันที่หากต่อยตีกับใครขึ้นมาล้วนไม่สนฟ้าไม่เกรงดินก็ยังรู้สึกเขินอายอย่างเลี่ยงไม่ได้

ส่วนจิตหยินตนนั้นที่เดิมทีนึกว่าจะถูกหนึ่งกระบี่ฟันให้แหลกสลายก็มีแค่ส่วนฝ่ามือและแขนที่หายไปเท่านั้น จึงหันมามองด้วยความสงสัย ก่อนจะถอยหลังหลายก้าว กลับเข้าไปในร่างของติงอิง

ทั้งสองฝ่ายต่างก็พักรบกันครู่หนึ่งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

เฉินผิงอันเปลี่ยนลมหายใจเฮือกใหม่

ติงอิงก็ยิ่งต้องปลอบประโลมจิตวิญญาณของตัวเอง

และในวินานี้เอง จิตใจของทั้งเฉินผิงอันและติงอิงต่างก็ ‘มั่นคง’ ประหนึ่งเรือที่โยนสมอลงน้ำ

นักพรตผู้เฒ่าที่อยู่ข้างปากบ่อมาถึงหัวกำแพง คลี่ยิ้มแล้วตัดสินใจได้ทันที

เหล่าปรมาจารย์ที่อยู่บนหัวกำแพง ต่อให้เป็นเจ๋อเซียนที่ยังคงรักษาพละกำลังไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยมเช่นโจวเฝยก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของนักพรตเฒ่า

มีเพียงฝานกว่านเอ่อร์เท่านั้นที่ชำเลืองตามองมาอย่างคนที่ความรู้สึกไวแวบหนึ่ง แต่ก็มองไม่เห็นอะไรจึงดึงสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว

อวี๋เจินอี้กวาดตามองรอบด้านแล้วกล่าวอย่างจนใจว่า “ฝึกวิชาเซียนอย่างระมัดระวังรอบคอบ เดิมทีนึกว่าอย่างน้อยก็คงสามารถต่อสู้กับติงอิงได้สักครั้งแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ายังอยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบติด ถึงท้ายที่สุดแล้วติงอิงก็ยังคงเป็นลูกรักของฟ้าดินแห่งนี้ หรือว่าผู้ฝึกตนจะไม่มีวันที่ได้ลืมตาอ้าปากจริงๆ?”

โจวเฝยจุ๊ปากพูด “นี่มารเฒ่าติงคิดจะยึดครองโชคชะตาบู๊เพียงลำพังเลยนี่นา เป็นเพราะติงอิงคิดตกเรื่องอะไร ถึงได้รับการยอมรับจากกฎเกณฑ์ของฟ้าดินแห่งนี้? คงไม่ใช่กระมัง พวกเรายังมีชีวิตกระโดดโลดเต้นได้อยู่เลยนะ ติงอิงจะได้โชคยิ่งใหญ่ขนาดนี้ไปครองได้อย่างไร ไม่ใช่ราชวงศ์สกุลหลูของแจกันสมบัติทวีปสักหน่อยที่ฮ่องเต้สติวิปลาส เห็นว่ายากจะต่อชะตาแคว้นได้อีก จึงหุบไหที่แตกให้แหลกโดยการแอบมอบโชคชะตาบู๊ของครึ่งแคว้นให้กับบุตรชาย…”

โจวเฝยบ่นพึมพำอย่างนึกสนุกอยู่กับตัวเอง ถึงอย่างไรเวลาชมเรื่องสนุก เขาก็ไม่รังเกียจหากเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต

ลู่ฝ่างถาม “เรื่องหยุมหยิมในแจกันสมบัติทวีปเล็กๆ ทางทิศเหนือ เจ้าไปรู้มาได้ยังไง?”

โจวเฝยเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ถึงอย่างไรข้าผู้อาวุโสก็เป็นเจ้าประมุขสกุลเจียง จะไม่สนใจเรื่องราวในใต้หล้าไพศาลเลยได้อย่างไร มักมีคนมาเข้าฝันข้าบ่อยๆ”

ลู่ฝ่างกล่าวอย่างกังขา “แบบนี้ก็ได้หรือ?”

“จ่ายเงินเอาสิ”

โจวเฝยพูดเสียงขุ่นเหมือนเสียดายเล็กน้อย “ราตรีวสันต์หนึ่งเค่อมีค่าเท่ากับทองคำพันชั่งกะผีอะไร ฝันหนึ่งตื่นในหนึ่งปีของข้านี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าต่อให้มีภูเขาเงินภูเขาทองก็ใช้จนหมดเกลี้ยงได้เหมือนกัน”

ห่างออกไปไกล อวี๋เจินอี้ขมวดคิ้ว กวานดอกบัวสีเงินที่อยู่ในมือสั่นสะเทือนเบาๆ กลีบดอกบัวพลันคลี่บาน ด้านในมีประกายแสงสีเขียวเส้นหนึ่งหลุดพ้นจากพันธนาการพุ่งทะยานไปทางทิศใต้ของเมืองอย่างรวดเร็ว

เมื่อโอกาสมาถึง ฟ้าดินล้วนร่วมแรงร่วมใจ

สี่ด้านแปดทิศล้วนมีประกายแสงมายาล่องลอยกรูเข้าไปหาติงอิง

ติงอิงหลับตาทำสมาธิ รับเอาโชคชะตาบู๊ของฟ้าดินที่ยิ่งใหญ่นี้ไป

ส่วนชุดคลุมอาคมจินหลี่ของเฉินผิงอันก็พลันโบกสะบัด ไม่ได้เป็นชุดคลุมสีขาวอีกต่อไป แต่กลับคืนสู่รูปโฉมแท้จริงซึ่งเป็นชุดคลุมยาวสีทอง

ไม่เพียงเท่านี้ กระบี่บินชูอีที่อยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ก็พุ่งพรวดออกมา

อีกทั้งห่างไปไกลยังมีกระบี่บินสืออู่บินมาหาด้วย

เฉินผิงอันยืนอยู่บนยอดเนินเขา ในมือถือปราณยาว ปราณกระบี่ไหลรินไปตามแขน ชูอีและสืออู่ล้อมวนอยู่รอบกาย สหายเก่ากลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง บรรพบุรุษน้อยทั้งสองที่เดิมทีนิสัยเข้ากันไม่ค่อยได้ เวลานี้กลับลิงโลดร่าเริงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ชายแขนเสื้อใหญ่ของจินหลี่โบกไสว เฉินผิงอันพลันกำปราณยาวเอาไว้แน่น ชายแขนเสื้อสั่นสะเทือนตามไป ส่งเสียงดังพึ่บพั่บ

แค่เนินเขาเล็กๆ เท่านั้น

แต่กลับมีคนคนหนึ่งยืนตระหง่าน อาภรณ์สะบัดปลิวพัดฝุ่นผงคลุ้งลอย

เฉินผิงอันและติงอิง คนหนึ่งอยู่บนเขา อีกคนอยู่ล่างเขา

ต่างคนต่างเดินขึ้นสูงคนละหนึ่งก้าว เดินมาถึงยอดสูงสุดที่ใหม่เอี่ยม ไม่ว่าจะเป็นตบะหรือสภาพจิตใจก็ล้วนเป็นเช่นนี้

ติงอิงลืมตา ชำเลืองมองกาเหล้าตรงเอวของเฉินผิงอัน พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “หลังจากศึกใหญ่ผ่านไป ข้าจะดื่มเหล้านี้แทนเจ้าเองก็แล้วกัน”

เฉินผิงอันตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่อยู่ตรงเอว บอกเป็นนัยว่าหากมีปัญญา หลังจบเรื่องก็มาเอาไปได้เลย

ศึกใหญ่ปะทุขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ไม่ได้โรมรันกันอยู่ในระยะสองช่วงแขนอีกต่อไป แต่เดี๋ยวขยับใกล้ เดี๋ยวออกห่างไปไกล ในรัศมีหนึ่งลี้ล้วนเต็มไปด้วยปราณกระบี่และและพายุหมัดที่หนาข้น

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนมาถึงภูเขากู่หนิว เม็ดทรายและก้อนหินตลบคละคลุ้ง ตั้งแต่ตีนเขาไปจนถึงยอดเขา

ติงอิงถูกกระบี่หนึ่งของเฉินผิงอันฟันผ่าลงมาจากยอดเขาถึงตีนเขา

แต่กระบี่ที่สองของเฉินผิงอันกลับถูกติงอิงที่ทะยานร่างขึ้นมาต่อยกลับไปที่ยอดเขา

ติงอิงเดินขึ้นเขามาช้าๆ พายุหมัดที่ปล่อยออกมาอย่างสบายๆ กลับเหมือนแขนขององค์เทพสูงร้อยจั้งที่ควงหมัดเหวี่ยงลงบนภูเขากู่หนิวครั้งแล้วครั้งเล่า

เฉินผิงอันเพียงใช้หนึ่งกระบี่ทำลายลงเท่านั้น

ติงอิงที่ได้รับโชคชะตาบู๊มาจากฟ้าดินปล่อยให้จิตหยินออกมาจากร่างอีกครั้ง กลายมาเป็นกายธรรมร่างทองที่สูงพอๆ กับภูเขากู่หนิว มือทั้งสองข้างกำเป็นหมัด ทุบต่อยลงบนภูเขากู่หนิวครั้งแล้วครั้งเล่า

เดิมทีเฉินผิงอันควรจะเปลี่ยนมาใช้กระบวนท่าไอเมฆเหนือบึงใหญ่ แต่หลังจากกุมปราณยาวไว้ในมือก็ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนมาใช้กระบวนท่าหมัดอีก ต่อให้ทั้งคนและกระบี่จะถูกจิตหยินร่างทองตนนั้นทุบให้ลดระดับลงไปพร้อมกับยอดเขากู่หนิว แต่ก็ยังดึงดันจะใช้กระบี่รับมือกับศัตรู ฝุ่นผงบนยอดเขากู่หนิวลอยตลบมืดฟ้ามัวดินอยู่นานแล้ว มีหินยักษ์กลิ้งหลุนๆ ลงมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหินทั้งหลายยังถูกหมัดของติงอิงต่อยให้กลิ้งไถลลงมาตามภูเขาเหมือนยามหิมะทลาย หอบเอาดินโคลนก้อนหินและพืชหญ้าจำนวนนับไม่ถ้วนไหลกรูลงมาด้วย

ภูเขากู่หนิวที่สูงใหญ่ถูกต่อยให้เตี้ยลงทีละนิด

ชุดคลุมสีทองที่อยู่บนยอดเขายังคงยืนตระหง่านไม่ล้มลง

ร่างจริงของติงอิงเดินขึ้นบนยอดเขาใหม่เอี่ยม ฝุ่นคลุ้งปลิวว่อน เห็นเพียงความมืดสลัว

ฉวยโอกาสตอนที่เฉินผิงอันใช้กระบี่ต้านรับฝ่ามือข้างหนึ่งที่กดลงมาของจิตหยิน ทำลายฝ่ามือของกายธรรมจนแหลกเละ ประกายแสงสีทองแตกเป็นสะเก็ดปลิวกระจัดกระจาย ราวกับว่าบนภูเขากู่หนิวมีฝนห่าใหญ่สีทองตกลงมา

ติงอิงพุ่งทะยานไปข้างหน้าเป็นเส้นตรง เหวี่ยงหมัดต่อยเข้าที่หน้าผากของเฉินผิงอัน

แสงสีทองจุดหนึ่งกระเด็นออกไปจากภูเขากู่หนิวเป็นเส้นโค้ง ร่วงกระแทกลงบนพื้นไกลจากภูเขากู่หนิวมาหลายร้อยจั้ง

วงโคจรของแสงสีทองที่เล็กบางเส้นนั้นทำให้มันดูคล้ายสะพานหินโค้งสีทอง

หมัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณของติงอิงถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว

ยังคงเป็นภาพที่สายรุ้งสีขาวพาดผ่านบนนภา ยิ่งใหญ่และงดงาม

จุดที่รุ้งสีขาวเส้นนี้ร่วงลงพื้นเป็นจุดเดียวกับแสงสีทองพอดี

เฉินผิงอันถูกต่อยให้ถอยไปอีกร้อยกว่าจั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!