กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 323

สรุปบท บทที่ 323.1 ชุดขาวเข้าเมือง ไม่กล้าเคาะประตู: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 323.1 ชุดขาวเข้าเมือง ไม่กล้าเคาะประตู จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 323.1 ชุดขาวเข้าเมือง ไม่กล้าเคาะประตู คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 323.1 ชุดขาวเข้าเมือง ไม่กล้าเคาะประตู
ProjectZyphon
นักพรตเฒ่ามาเยือนกะทันหัน แล้วก็จากไปอย่างกะทันหัน

ทิ้งให้เฉินผิงอันอยู่ริมขอบบ่อใหญ่เพียงลำพัง ทั้งไม่ได้บอกเฉินผิงอันว่าควรจะออกไปจากพื้นที่มงคลดอกบัวอย่างไร แล้วก็ไม่ได้บอกว่าการพิศมรรคา (กวานเต๋า ชื่อเดียวกับอารามกวานเต๋าที่เฉินผิงอันตามหา) ในครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ส่วนอะไรคือโชควาสนาของการบินทะยาน อะไรคือสิบคนในใต้หล้า นักพรตเฒ่าก็ยิ่งไม่เอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว

ทว่าถึงแม้การจากไปอย่างไม่มีลางบอกเหตุของนักพรตเฒ่าจะทิ้งเรื่องเละเทะกองใหญ่ไว้ให้เฉินผิงอันเก็บกวาด แต่กลับทำให้เฉินผิงอันรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก เส้นเอ็นหัวใจที่ขึงตึงใกล้จะดีดขาดเต็มทีเส้นนั้นคลายตัวลง เขาเดินโซซัดโซเซอยู่หลายก้าว สุดท้ายทนไม่ไหวจริงๆ จึงทิ้งตัวนอนหงายลงไปบนพื้นเสียเลย

ไม่มีปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ขุมนั้นคอยประคับประคองตัว อาการบาดเจ็บที่ถูกจิตหยินของติงอิงใช้หนึ่งกระบี่แทงทะลุลงไปยังใต้ดินก่อนหน้านี้จึงระเบิดออกมา เฉินผิงอันคล้ายคนที่นอนจมกลางกองเลือดแล้วมีเลือดสดไหลนองไม่ขาดสาย

ทว่าเฉินผิงอันกลับหัวเราะ หัวเราะอย่างสาแก่ใจ

มีชูอีสืออู่อยู่ข้างกาย ติงอิงก็ตายไปแล้ว รอบด้านไม่มีใคร เฉินผิงอันใช้เรี่ยวแรงเสี้ยวสุดท้ายอย่างสิ้นเปลืองโดยการปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมา เอามันวางไว้บนริมฝีปากด้วยมืออันสั่นเทา ฝืนกระดกเหล้าลงคอหนึ่งอึก ต่อให้หนี้มากแค่ไหนก็ไม่ท่วมทับตัวตาย ความเจ็บปวดเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็แค่เจ็บๆ คันๆ เท่านั้น เฉินผิงอันรู้สึกเพียงว่าหากในช่วงเวลาเช่นนี้ไม่ดื่มเหล้า ช่างน่าเสียดายนัก

เฉินผิงอันไม่ทันสังเกตเห็นว่าบนชุดอาคมจินหลี่ ไข่มุกใหญ่สีขาวหิมะที่อยู่ระหว่างกรงเล็บมังกรสีทองที่ขดตัวอยู่ตรงหน้าอกถูกเติมเต็มไปด้วยของเหลวที่เป็นสายฟ้าเข้มข้น และไข่มุกขนาดเล็กใต้กรงเล็บ ใต้คางของมังกรสีทองตัวน้อยสองตัวที่อยู่บนไหล่ก็มีสายฟ้าหลายเส้นล้อมเวียนวนอยู่เช่นกัน

เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงของจินหลี่ เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ประหลาดราวฟ้าดินพลิกคว่ำที่เกิดกับร่างกายของเฉินผิงอันแล้วกลับไม่มีค่ามากพอให้พูดถึง

นี่เป็นการถอดรกเปลี่ยนกระดูกใหม่อย่างสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้ตอนที่แช่ตัวอยู่ในบ่อสายฟ้า โครงกระดูกเบื้องใต้เนื้อหนังของเฉินผิงอันมีประกายแสงแวววาวดุจแสงหยกแสงทองเกิดขึ้นมาหลายส่วน นี่ก็คือสัญญาณของการเกิด ‘กิ่งทองใบหยก’ ของผู้ฝึกตน

รากฐานลึกล้ำคือวิถีของความเป็นอมตะ

เฉินผิงอันมึนงงสะลึมสะลือ

ฝันไปคล้ายคนกึ่งหลับกึ่งตื่น

ในฝันมีคนชี้ไปยังแม่น้ำสายหนึ่งที่น้ำไหลบ่า ถามเฉินผิงอันว่าจะข้ามไปหรือไม่

คนผู้นั้นถามเองตอบเอง บอกว่าหากเจ้าเฉินผิงอันต้องการข้ามแม่น้ำโดยที่ไม่ถูกมหามรรคาพันธนาการก็ต้องมีสะพานแห่งหนึ่ง ถึงเวลานั้นจึงจะข้ามไปได้เอง

เฉินผิงอันไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร จึงทำเพียงแค่นั่งยองเกาหัวอยู่ริมแม่น้ำ

จิตดั้งเดิมอยู่ตรงนี้ ไม่อาจเสแสร้งแกล้งทำได้

คนผู้นั้นจึงบอกว่าบังเอิญซะจริง เจ้าเฉินผิงอันไม่ได้เรียนรู้หลักการของอริยะปราชญ์บางคนหรอกหรือ? หรือว่ารู้หนังสือรู้หลักมารยาทแล้ว เจ้าเฉินผิงอันจะเอาแต่เก็บกลั้นหลักการเหล่านั้นไว้ในท้อง ไม่ว่าจะเวลาไหน กับใครหรือกับเรื่องอะไรก็มีเพียงคำพูดที่ว่างเปล่าเท่านั้น?

เฉินผิงอันบ่นอย่างไม่คิดจะปิดบัง “เรียนหลักการแล้วเกี่ยวอะไรกับสะพานด้วย?”

คนผู้นั้นไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแค่บอกว่าต้องทำยังไง “จินตนาการภาพสะพานแห่งหนึ่งขึ้นมาในใจของเจ้า จะเป็นสะพานแห่งไหนก็ได้ เจ้าอายุยังไม่มาก ทว่าสถานที่ที่เคยเดินทางผ่านกลับไม่น้อยแล้ว วางใจเถอะ ขอแค่เป็นสะพานแห่งหนึ่งก็พอ ไม่ต้องพิถีพิถันอะไรมากนัก ต่อให้เป็นสะพานในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนก็ไม่มีปัญหา ตอนที่จินตนาการถึงไม่ต้องพันธนาการความคิดใดๆ แม้จิตจะเตลิดดั่งม้าพยศดั่งลิงซุกซนก็ไม่ต้องกลัว ขอแค่เปิดจิตให้กว้างแล้วคิดไป คิดได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี สิ่งที่ต้องการคือความคิดที่โลดแล่น จินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด”

เฉินผิงอันที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ริมแม่น้ำของสถานที่ใด ‘หลับตา’ ลง

อยู่ดีๆ เขาก็นึกถึงสะพานโค้งสีทองกลางทะเลเมฆที่ยาวเหยียดจนราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุดแห่งนั้น

เฉินผิงอันมองไม่เห็นนักพรตเฒ่าคนนั้น ไม่ว่าเขาจะตามหาอย่างไรก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่มีทางพบร่องรอยของนักพรตเฒ่า

ดังนั้นเฉินผิงอันจึงไม่มีทางมองเห็นว่า พอนักพรตเฒ่ามองเห็นไอเมฆที่ลอยล่องอยู่เหนือสะพานยาว เขามีสีหน้าแปลกประหลาดแค่ไหน ยิ่งไม่มีทางได้ยินผู้เฒ่าสบถด่าเฉินชิงตูที่หาปัญหามาให้ตน ด่าซิ่วไฉเฒ่าว่าไม่ใช่ตะเกียงที่ขาดน้ำมัน สุดท้ายชื่นชมสายตาและความกล้าหาญของเด็กรุ่นหลัง รวมไปถึงหวนระลึกถึงภูเขาและแม่น้ำ ‘คนรู้จักเก่าแก่’ ที่ไม่ถือว่าเป็นคน

เฉินผิงอันเบิกตากว้างก็มองเห็นว่าข้างฝ่าเท้าของตัวเอง และฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำสายยาวพอจะมองเห็นเค้าโครงของสะพานโค้งสีทองแห่งหนึ่งได้เลือนราง เพียงแต่ว่ามันล่องลอยส่ายไหว ไม่มั่นคง

ในมือเขามีตำราเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ด้านบนเขียนว่าเป็นบทความแห่งศีลธรรมของผู้เฒ่าบางคน บันทึกทฤษฎีลำดับขั้นตอนของอริยะขงจื้อท่านหนึ่งที่ไม่เคยมีปรากฏในโลก

ทุกตัวอักษรล้วนพากันหลุดออกมาจากในตำรา ส่องแสงสีทองระยิบระยับ ลอยล่องไปหาสะพานโค้งสีทองที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของเฉินผิงอัน

อักษรหนึ่งตัวเหมือนอิฐหนึ่งก้อน

น่าเสียดายที่ในตำรายังมีตัวอักษรเกือบครึ่งที่คล้ายดื้อดึง โดยเฉพาะในหน้าหนังสือช่วงกลางถึงช่วงท้ายที่อักษรทุกตัวล้วนแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิก

ไม่ว่าจะอย่างไร สะพานยาวสีทองเหนือแม่น้ำก็เหมือนถูกคนใช้จิงชี่เสินประคับประคองก่อสร้างในรวดเดียว และในที่สุดก็มั่นคงแข็งแรง

แต่ยังอยู่ห่างจากการสร้างสำเร็จจนเฉินผิงอันสามารถใช้เดินข้ามแม่น้ำได้อีกเล็กน้อย และยังขาดเลือดเนื้ออยู่อีกมาก

ก็เหมือนกับคนคนหนึ่งที่หากมีแค่จิตวิญญาณ แต่ไม่มีกายหยาบ นั่นก็คือโครงกระดูกขาว คือผีเร่ร่อนที่ไม่อาจเห็นแสงตะวัน ไม่อาจเข้ามาในโลกของคนเป็นได้

อีกอย่างก็คือระดับความยาวและความยิ่งใหญ่ของสะพานอยู่เหนือการคาดการณ์ไปไกลโข ดังนั้นตัวอักษรในตำราเล่มนี้ถึงไม่พอให้เอามาใช้

นักพรตเฒ่าพูดสั่ง “ลองขึ้นไปเดินดู ดูสิว่าจะพังลงมาหรือไม่”

เฉินผิงอันส่ายหน้า ตอบไปตามความรู้สึก “ย่อมต้องพังแน่นอน”

นักพรตเฒ่าไม่ได้กังขาในคำตอบของเฉินผิงอัน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินออกไปจากฟ้าดินขนาดเล็กที่ตนสร้างขึ้นแห่งนี้

จากนั้นก็ ไม่มีจากนั้นแล้ว

ข้างหลุมใหญ่ เฉินผิงอันลุกพรวดขึ้นนั่ง ไหนเลยจะยังมีแม่น้ำยาว ยิ่งไม่มีนักพรตเฒ่าคนนั้น

ฟ้าดินมีเพียงความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่

ข้างกายมีกระบี่บินสองเล่ม ชูอีและสืออู่

แม้จะไม่ใช่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเฉินผิงอัน แต่ติดตามเฉินผิงอันเดินทางไกลมาตลอดทาง อยู่ร่วมกันมานานวัน พึ่งพาอาศัยกันและกัน จิตจึงสื่อถึงกันได้นานแล้ว

กระบี่เล่มหนึ่งเงียบงัน อีกเล่มหนึ่งรู้สึกผิด

เฉินผิงอันรัดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไว้เรียบร้อยแล้วก็ยื่นสองมือออกไปตบกระบี่บินสองเล่มเบาๆ พูดปลอบใจว่า “พวกเราสามคนยังมีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว อีกอย่าง คราวหน้าพวกเราไม่มีทางได้รับความอยุติธรรมขนาดนี้อีกแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่หากไม่ได้พวกเจ้าช่วยสกัดขวางไว้ ข้าก็คงไม่มีทางอดทนได้ถึงนาทีที่จิตวิญญาณออกจากร่าง…”

จากนั้นในหัวใจของฝานกว่านเอ่อร์ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เด็กโง่เอ๋ย”

ประหนึ่งถูกฟ้าผ่า

ฝานกว่านเอ่อร์โยนกระจกทิ้งราวกับว่ามันร้อนลวกมือ ยกมือสองข้างกุมศีรษะที่ปวดร้าวราวแทบจะปริแตกของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและคราบน้ำตา

ห่างออกไปไกลบนกำแพง ยาเอ๋อร์เอ่ยเรียกคำหนึ่งว่าเจ้าตำหนักโจวอย่างระมัดระวัง

โจวเฝยหันหน้ากลับมา จึงเห็นว่าชุดกระโปรงสีเขียวที่อยู่บนร่างของนางหลุดออกมาด้วยตัวเอง แล้วลอยล่องประหนึ่งหญิงคณิกากำลังร่ายรำ ไม่สนใจผู้คนรอบด้าน

โจวเฝยหัวเราะหยัน “มาอยู่ในมือข้าแล้ว ยังคิดจะไปอีกรึ?”

โจวเฝยยื่นมือไปคว้าจับ ตรงไหล่ของชุดกระโปรงเว้าลงไปเป็นรอยมือ ชุดกระโปรงสีเขียวยังคงล่องลอยไปทางขวา กระชากตัวออกห่างไม่หยุด สุดท้ายเกิดเสียงแควกเหมือนผ้าขาด ในมือของโจวเฝยมีผ้าต่วนขาดวิ่นชิ้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมา เขาขมวดคิ้วมุ่น “แสร้งทำผีหลอกเจ้า ข้าอยากจะรู้นักว่าจิตวิญญาณของหญิงแก่อย่างเจ้าจะหลบซ่อนตัวไปได้ถึงเมื่อไหร่! แล้วต้องการอะไรกันแน่!”

เศษชุดกระโปรงในมือโจวเฝยมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาและลู่ฝ่างต่างก็รู้ว่านี่คือรากฐานในการหยัดยืนอยู่ในใต้หล้าไพศาลของถงชิงชิง

เพื่อแก้นิสัยแข็งกระด้างหักง่าย (เป็นหลักการอย่างหนึ่งของจีน กล่าวว่าสิ่งของใดก็ตามที่แข็งเกินไปย่อมหักได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่นการเป็นคนต้องรู้จักยืดหยุ่นผ่อนคลาย หากตรงเกินไป วู่วามเกินไปก็ง่ายที่จะล่วงเกินคนอื่น นำภัยมาสู่ตัว) ของนาง บุรพาจารย์ไท่ซ่างของภูเขาไท่ซ่างไม่ต้องการให้นางก้าวรุดหน้าไปอย่างกล้าหาญโดยไม่กลัวอุปสรรคใดๆ จนกลายเป็นว่าต้องทุ่มหมัดตัว ต้องเสี่ยงเดิมพันใหญ่กับทุกเรื่อง ก่อนหน้าที่จะโยนนางเข้ามาในพื้นที่มงคลดอกบัวจึงใช้วิชาอภินิหารของเซียนที่แท้จริงพลิกสลับจิตแห่งเต๋าของนาง ทำให้นางกลายเป็นคนที่กลัวตายมาตั้งแต่เกิด หวังว่าเมื่อนางอยู่ตรงกลางระหว่างความสุดโต่งสองขั้วจะบรรลุถึงมหามรรคา สุดท้ายฝ่าด่านเป็นตาย เลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนได้สำเร็จ

เนื่องด้วยถงชิงชิงผู้เป็นเจ๋อเซียนในชาตินี้หวาดกลัวความตายอย่างถึงที่สุด นางจึงหลบซ่อนตัวไปมา นี่เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

แต่หากคนที่กลัวตายเช่นนี้ไม่รู้จักทะนุถนอมเห็นค่าในพรสวรรค์การฝึกวรยุทธ์ของตัวเองเสียเลย นั่นต่างหากที่ผิดปกติ

ถ้าเช่นนั้นท่าไม้ตายของถงชิงชิงคืออะไร ต้องเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากแน่นอน

พวกผู้เฒ่าหอจิ้งซินที่อาจจะเป็นคนรุ่นเดียวกันหรือแก่กว่าอาจารย์ผู้มีพระคุณของถงชิงชิง ต่างก็ฝากความหวังยิ่งใหญ่ไว้ที่นาง อะไรนางที่เคยเห็นผ่านตาล้วนไม่ลืม หากจะพูดถึงด้านความรู้ เกรงว่าคงเป็นรองแค่ติงอิงเท่านั้น พรสวรรค์การฝึกวรยุทธ์ของนางก็ยิ่งน่าครั่นคร้าม หากไม่เป็นเพราะนิสัยอ่อนแอขี้ขลาดเกินไป ก็มีความเป็นไปได้มากว่าถงชิงชิงก็คือปรมาจารย์ใหญ่แห่งใต้หล้ารองจากติงอิง

เมื่อติงอิงที่มองดูเหมือนยืนอยู่ตรงข้ามกับฝั่งธรรมะและอธรรม แต่แท้จริงกลับแอบเป็นพันธมิตรกับทั้งสองฝ่ายตายไป ความคิดอยากสังหารจ้งชิวของอวี๋เจินอี้ย่อมต้องเบาบางลง อีกทั้งเมื่อได้กวานดอกบัวสีเงินของมารเฒ่าติงมาครอบครอง เขาก็ต้องได้ยึดครองหนึ่งตำแหน่งของสามอันดับแรกอย่างมั่นคง แถมอวี๋เจินอี้ยังไม่ต้องการบินทะยาน เขาย่อมไม่มีทางวาดงูเติมหาง หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองกลายเป็นเป้าที่ทุกคนโจมตี ถึงอย่างไรการที่เขาร่วมมือกับติงอิงวางแผนการใหญ่เพื่อเล่นงานปรมาจารย์ทุกคนก็ถือว่าอวี๋เจินอี้ละเมิดข้อห้ามที่ใหญ่เทียมฟ้าไปแล้ว

ตอนนี้เพียงแค่เพราะพลังการต่อสู้ของอวี๋เจินอี้ยังไม่มีความเสียหาย คนอื่นถึงไม่กล้าแตกหักกับเขา ไม่กล้ายกคุณธรรมในยุทธภพมาพูด

อย่างน้อยจ้งชิวและหลิวจงคนลับมีด รวมไปถึงถงชิงชิงที่ยังหลบซ่อนตัวก็ย่อมต้องมีความรู้สึกที่เลวร้ายต่ออวี๋เจินอี้อย่างมาก

ดังนั้นโจวเฝยจึงไม่ต้องการฉีกหน้าถงชิงชิงในเวลานี้ ทว่าชุดกระโปรงสีเขียวตัวนี้ รวมไปถึงอรหันต์ร่างทองที่ภิกษุอวิ๋นหนีไปทวงคืนมาจากฮ่องเต้แคว้นหนันเยวี่ยนล้วนเป็นโชควาสนาที่เขาต้องได้มาครอบครอง ของอย่างแรกใช้เพื่อพายาเอ๋อร์ลัทธิมารไปด้วย เป็นการขัดเกลาจิตใจของโจวซื่อผู้เป็นบุตรชาย ของอย่างหลังเพื่อนำมาแลกสมบัติอาคมชิ้นหนึ่งมอบให้แก่ลู่ฝ่าง อีกหกสิบปีให้หลัง ตำหนักคลื่นวสันต์ไม่มีเขาโจวเฝย ทว่ายังมีภูเขาเหนี่ยวคั่นและตำหนักคลื่นวสันต์ที่เป็นเหมือนพี่น้องกัน เส้นทางการเดินขึ้นสู่ยอดบนวิถีวรยุทธ์ของโจวซื่อจึงไม่มีเรื่องให้ต้องเป็นกังวลอีก

สืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วก็เป็นเพราะผู้ฝึกตนใหญ่อย่างเขาให้กำเนิดบุตรได้ยากมาก โดยเฉพาะสกุลเจียงสำนักกุยหยกของพวกเขาที่มีผู้สืบทอดคนเดียวมาหลายปีแล้ว

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!