กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 323

บทที่ 323.3 ชุดขาวเข้าเมือง ไม่กล้าเคาะประตู
ProjectZyphon
ถังเถี่ยอี้จ้องเขม็งไปยังหลิวจงคนลับมีดที่มีสีหน้าเหนื่อยล้า ก่อนจะเดินเลียบทางเดินม้าไปข้างหน้าช้าๆ

หลิวจงทั้งโมโหทั้งหวาดผวา ดีดตัวกระโดดผาง ผรุสวาทเสียงดัง “เจ้าถังเถี่ยอี้ตัวดี บังอาจมองข้าเป็นมะพลับนิ่มบีบง่ายอย่างนั้นรึ?!”

ส่วนหวงถิงกลับจ้องโจวเฝยที่ขวางหูขวางตาเขม็ง

ทุกสิ่งที่เจ้าตำหนักคลื่นวสันต์กระทำลงไปในพื้นที่มงคลแห่งนี้ ถงชิงชิงแห่งหอจิ้งซินสามารถทนได้ ทว่านักพรตหญิงหวงถิงแห่งภูเขาไท่ผิงมิอาจทนได้!

ในสายตาของฝานกว่านเอ่อร์ นั่นคือกระจกทองแดงธรรมดาบานหนึ่ง ทว่าเมื่อมาอยู่ในมือของหวงถิงกลับมีความลี้ลับที่ยิ่งใหญ่ นางสามารถใช้ลมปราณควบคุมสิ่งของ บังคับกระจกที่ตกอยู่บนพื้นให้เข้ามาอยู่ในมือ ใช้นิ้วเคาะหน้ากระจกหนักๆ หน้ากระจกพลันระเบิดแตก จากนั้นก็เผยให้เห็นภาพประหลาดเหมือนบ่อน้ำมืดลึกแห่งหนึ่ง หวงถิงยื่นนิ้วสองข้างออกไปคล้ายคีบบางสิ่งบางอย่าง แล้วกระชากออกมาข้างนอก นั่นคือกระบี่ยาวไร้ฝักเล่มหนึ่ง!

นางคือลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจของภูเขาไท่ผิงสำนักใหญ่อันดับที่สามของใบถงทวีป คือว่าที่เจ้าสำนัก คือหวงถิงที่ขอแค่เลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนได้สำเร็จก็ย่อมกลายเป็นเซียนขอบเขตสิบสอง!

หากไม่มีสมบัติติดตัวซะบ้างก็คงไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่

พริบตานั้นโจวซื่อและยาเอ๋อร์หันมามองหน้ากัน เพราะคนทั้งสองต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

คนทั้งสองหันขวับไปพร้อมกัน

จึงประสานสายตาเข้ากับเจ๋อเซียนชุดขาวที่มองมาบนหัวกำแพงเมืองพอดี

โจวเฝยด่ายิ้มๆ “เจ้ามารเฒ่าติงที่ยโสโอหังไม่เห็นสวรรค์อยู่ในสายตาผู้นี้ ความสามารถที่จะทำให้งานสำเร็จนั้นมีไม่พอ แต่ความสามารถที่จะทำลายงานนั้นมีอยู่เหลือเฟือ ทำให้ข้าเดือดร้อนซะแล้ว”

โจวเฝยหันหน้าไปมองทางลู่ฝ่าง ฝ่ายหลังกล่าวอย่างจนใจ “เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นี้จะบินทะยานไปพร้อมกับเจ้า หาไม่แล้วหากเขาอยู่ต่อในพื้นที่มงคลดอกบัว โจวซื่อต้องอันตรายมากแน่ๆ”

โจวเฝยบีบคางตัวเอง หากผูกบุญสัมพันธ์ด้วยเป็นเรื่องยาก ถ้าอย่างนั้นคงต้องวางแผนดูสักครั้ง

เพียงแต่ว่าในเวลานี้ ทุกคนต่างก็พากันเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างอดไม่อยู่

ทะเลเมฆแหวกออกเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่สีทอง ลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งมาถึงหัวกำแพงเมืองในเสี้ยววินาที

เพียงแค่ชั่วพริบตา

เกรงว่านอกจากเจ๋อเซียนและปรมาจารย์ที่อยู่บนหัวกำแพงแห่งนี้แล้ว คงไม่มีใครในเมืองหลวงที่มองเห็นภาพนี้อีก

ในสายตาของทุกคนเห็นนักพรตน้อยร่างเล็กเตี้ยคนหนึ่ง ในมือถือกลองป๋องแป๋งหลากสีสันขนาดเล็กกะทัดรัดอันหนึ่ง ทว่าด้านหลังกลับแบกน้ำเต้าสีทองอร่ามลูกใหญ่ยักษ์ที่แทบจะสูงเท่าตัวเขา มองดูแล้วน่าขบขันอย่างยิ่ง

พอหวงถิงมองเห็นเจ้าตัวน้อยผู้นี้ก็ร้องโอ๊ะโอหนึ่งที แล้วก็ไม่สนใจโจวเฝยอีก นางก้าวยาวๆ เข้าหานักพรตน้อยลูกศิษย์ของใครบางคนที่น่ารำคาญที่สุดในใต้หล้าไพศาล

และพอนักพรตน้อยเห็นหวงถิงที่เปี่ยมไปด้วยไอสังหารก็กลอกตามอง พูดว่า “ข้าลงมาคราวนี้ไม่ใช่เพื่อต่อยตีกับใครหรอกนะ หากเจ้าทำเกินกว่าเหตุจนอาจารย์ของข้าโมโหขึ้นมา ไม่กลัวหรือว่าหลายปีที่บุรพาจารย์ไท่ซ่างของเจ้าช่วยปกป้องมรรคาให้เจ้าจะเสียเปล่า?”

หากหวงถิงยังคงเป็นนักพรตหญิงภูเขาไท่ผิงก่อนที่จะมาเยือนพื้นที่มงคลดอกบัว ก็คงแค่เอ่ยว่านั่นมันเป็นเรื่องของบุรพาจารย์ข้า จากนั้นอะไรที่ควรลงมือก็จะลงมือ ทว่าเวลานี้นางเพียงแค่แสยะปาก ทำสีหน้าประมาณว่ารอให้พวกเราไปถึงใต้หล้าไพศาลก่อนเถอะ นักพรตน้อยทำสีหน้าแบบเดียวกันคืนกลับมา แสยะปากอย่างไม่หวั่นเกรง คิดจะมาแข่งเรื่องคนหนุนหลังกับนายท่านอย่างข้างั้นรึ? ภูเขาไท่ผิงเล็กเกินไปหน่อยกระมัง? ไม่ใช่ภูเขามังกรพยัคฆ์แห่งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางสักหน่อย

นักพรตน้อยกระแอมให้ลำคอชุ่มชื้น ยืดอกขึ้น เดินก้าวยาวๆ ไปบนทางเดินม้าของหัวกำแพงเมือง เขาพูดไม่ดังมากนัก แต่ทุกคนล้วนได้ยินอย่างชัดเจน “มีการเปลี่ยนแปลงกฎ สำหรับพวกเจ้าแล้วถือเป็นเรื่องดีใหญ่เทียมฟ้า สิบคนบนอันดับที่ประกาศออกมาในตอนท้ายสุด ใครก็ตามที่มีชีวิตอยู่ล้วนสามารถบินทะยานได้ ใครที่ไม่อยากไปจากใต้หล้าแห่งนี้ รอให้ข้าตีกลองครั้งที่สอง ก่อนเสียงกลองครั้งที่สามจะดังขึ้น แค่ไปจากหัวกำแพงเมืองก็ได้แล้ว แน่นอนว่าต่อให้ไม่ได้เป็นคนที่บินทะยาน แต่เป็นคนที่เดินลงไปจากหัวกำแพงก็ยังจะได้รับสมบัติอาคมชิ้นหนึ่ง”

“จำไว้ว่าคนที่บินทะยานบนหัวกำแพง กายหยาบจะถูกทิ้งไว้ในใต้หล้าแห่งนี้ ได้แต่พาจิตวิญญาณไปยังสถานที่แห่งอื่น รักษาความทรงจำทั้งหมดเอาไว้เท่านั้น อย่าได้คิดว่าการเริ่มต้นใหม่เป็นเรื่องเลวร้ายไปซะหมด ความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน วันหน้าพวกเจ้าจะได้สัมผัสเอง”

นักพรตน้อยมีท่าทางเย่อหยิ่ง เวลาเดินเชิดหน้าก้าวอาดๆ “สามอันดับแรกในรายชื่อก็ยิ่งโชคดี อวี๋เจินอี้อันดับสอง หากเลือกจะบินทะยาน สามารถพาคนไปด้วยได้สามคน ส่วนโจวเฝยอันดับที่สามพาคนไปได้คนหนึ่ง นายท่านผู้เฒ่าของข้าบอกแล้วว่า นอกจากติงอิง คนทั้งหลายที่ถูกพาตัวไปสามารถพากายหยาบไปด้วยได้”

“อืม ดูเหมือนว่าหลายคนจะยังไม่เข้าใจ ไม่ต้องแปลกใจ พวกเจ้าฝีมือห่วยเกินไป ไม่มีคุณสมบัติมากพอให้เข้าร่วม หากหวังว่าตัวเองจะโชคดีล่ะก็ มีแต่จะพบจุดจบอย่างเฝิงชิงป๋าย”

กล่าวมาถึงตรงนี้ นักพรตน้อยก็หัวเราะหึหึใส่หวงถิง “เจ้าว่ามันน่าโมโหหรือไม่ เดิมทีด้วยฝีมือของเจ้าสามารถเลื่อนสู่สามอันดับแรกได้ เฮ้อ คนคำนวณมิสู้ชะตาฟ้าลิขิต นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ภูเขาไท่ผิงของพวกเจ้าไปสมคบคิดกับคนนอกสองคนนั้น ทำลายกฎกติกาก่อน ตอนนั้นนายท่านผู้เฒ่าของข้าโมโหมากเลยล่ะ”

หวงถิงมุมปากกระตุก

นักพรตน้อยเอียงศีรษะจ้องนิ่งไปที่ใบหน้าของนาง พูดเหมือนราดน้ำมันลงบนกองเพลิง “หวงถิง เจ้าว่าทำไมเจ้าถึงหน้าไม่อายอย่างนี้นะ ตอนอยู่ใต้หล้าไพศาลหน้าตาของเจ้าดีไม่ได้ครึ่งหนึ่งของตอนนี้เลยด้วยซ้ำ…”

ดูเหมือนนักพรตน้อยจะถูกคนเขกหัวมาจากด้านหลังจึงล้มหน้าทิ่มในฉับพลัน แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าขายหน้า เพียงลุกขึ้นยืนแล้วปัดชุดคลุมเต๋า ตอนที่เดินสวนไหล่กับหวงถิงยังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ พูดต่อว่า “สุดท้ายนี้จะพูดถึงกฎเกณฑ์ดั้งเดิมที่สืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า เรื่องราวในวันนี้อย่าได้เอาไปป่าวประกาศแก่ภายนอก พวกเจ้าแค่รู้อยู่แก่ใจตัวเองก็พอแล้ว แน่นอนว่าหากอดกลั้นไม่ไหวจริงๆ จะพูดกับคนไม่กี่คนก็ได้ ไม่เป็นไร”

พอพูดประโยคเหล่านี้จบในรวดเดียว นักพรตน้อยก็ชูกลองป๋องแป๋งขึ้นแล้วแกว่งเบาๆ

ไม่มีภาพปรากฎการณ์แปลกประหลาดใดๆ มีเพียงเสียงตึงดังเบาๆ หนึ่งครั้ง

แบบนี้ก็ถือว่าเป็นเสียงกลองสวรรค์ครั้งที่สองได้ด้วยหรือ?

อวี๋เจินอี้เหยียบอยู่บนกระบี่บิน กุมมือโค้งตัวคารวะนักพรตน้อย “กราบลาเซียนซือ”

เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ลักษณะภายนอกมองดูเหมือน ‘คนวัยเดียวกัน’ ผู้นี้ ท่าทีของนักพรตน้อยแตกต่างไปจากเดิม มีความจริงจังเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน พูดเหมือนคนแก่ว่า “ไปเถอะ ต่างคนต่างมีปณิธานเป็นของตัวเอง นายท่านผู้เฒ่าของข้าไม่ได้ผิดหวังในตัวเจ้าเท่าใดนัก ดังนั้นจงทะนุถนอมเวลาอีกหกสิบปีหลังจากนี้ให้ดี”

อวี๋เจินอี้เผยสีหน้าซาบซึ้งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาขี่กระบี่จากไปยังซากปรักหักพังของสนามรบบนภูเขากู่หนิว ดูดดึงเอาปราณวิญญาณในฟ้าดินมาอย่างกำเริบเสิบสาน

หวังว่าหลังออกด่านมาแล้วจะฝ่าทะลุขอบเขตอีกครั้ง ต่อให้เผชิญหน้ากับเฉินผิงอันก็อาจจะมีพลังเหลือพอให้ต่อสู้

จ้งชิวถามยิ้มๆ ว่า “หลิวจง เจ้าคิดว่ายังไง?”

หลิงจงคนลับมีดคิดแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลังจากนี้คงต้องรบกวนให้ราชครูขายร้านให้ข้าด้วย เชื่อว่าด้วยฝีมือของราชครูจ้งคงต้องรู้อยู่แล้วว่าข้าหมายตาคนหนุ่มคนใดบ้าง ถึงเวลานั้นแค่แบ่งเงินที่ได้มาให้พวกเขาก็พอ”

จ้งชิวพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ไม่ยาก ถ้าอย่างนั้นก็จากลากันตรงนี้เลย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!