กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 325

บทที่ 325.2 ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ProjectZyphon
คนทั้งสองมองไปทางภูเขากู่หนิว ความเคลื่อนไหวเวลาที่อวี๋เจินอี้กับหวงถิง ปรมาจารย์ใหญ่สองคนที่สามารถยึดครองสามอันดับแรกของใต้หล้าได้อย่างมั่นคงตีกัน ยิ่งนานก็ยิ่งรุนแรงดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนใหญ่มักจะเป็นแสงกระบี่หนาแน่น ยาวได้ถึงสิบกว่าจั้ง หรืออาจถึงขั้นหลายสิบจั้ง

คงเป็นเพราะรู้สึกว่าสถานที่ที่มีเฉินผิงอันและจ้งชิวยืนเคียงกันถึงจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า

ฮองเฮาโจวซูเจิน รัชทายาทเว่ยเหยี่ยน และยังมีองค์หญิงเว่ยเจิน รวมไปถึงแม่ทัพผู้เฒ่าผมขาวโพลนคนหนึ่งถึงพากันเดินขึ้นมาบนหัวกำแพงเมือง ตรงดิ่งมาหาคนทั้งสองภายใต้การคุ้มกันอย่างแน่นหนาของกองทหารรักษาพระองค์

แน่นอนว่าโจวซูเจินย่อมไม่กล้าวางมาดต่อหน้าจ้งชิว ทั้งสองฝ่ายจึงทักทายกันตามมารยาทอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนเว่ยเจินที่เห็นราชครูก็ยิ่งมีท่าทางระมัดระวัง ช่วยไม่ได้ จ้งชิวคือหนึ่งในอาจารย์ผู้สืบทอดวิชาของนาง ครั้งแรกในชีวิตที่องค์หญิงอย่างนางโดนตีก็เป็นฝีมือของราชครู ตอนนั้นแม่นางน้อยร้องไห้น้ำหูน้ำตาอาบหน้า พอไปหาเสด็จพ่อและเสด็จแม่ที่กำลังเล่นหมากล้อมกันอยู่ คนหนึ่งบอกว่าตีได้ดี อีกคนหนึ่งบอกว่าตีเบาไป หลังจากนั้นมาเว่ยเจินก็หวาดกลัวราชครูจ้งเหมือนอีกฝ่ายเป็นสัตว์ดุร้าย

แม่ทัพผู้เฒ่าสามารถเดินทางมาพร้อมกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ทั้งสามคนนี้ได้ คิดดูแล้วก็น่าจะเป็นผู้มีคุณูปการซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นหนันเยวี่ยน และเมื่อจ้งชิวเห็นเขาก็ถึงกับทักทายโดยการเรียกชื่อของอีกฝ่ายโดยตรง “ลวี่เซียว เจ้ามาได้อย่างไร?”

แม่ทัพผู้เฒ่าสวมเสื้อเกราะ เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เขาแค่นเสียงตอบว่า “ทหารรักษาการณ์ที่อยู่นอกเมือง เกินครึ่งล้วนเป็นพวกมือดีที่ข้าสอนมาเองกับมือ ข้าถอดเกราะกลับบ้านแล้วยังไง ไม่อาจลงสนามรบบุกทะลวงขบวนรบของศัตรู เรื่องนี้ข้ายอมรับ แต่ความสามารถในการโยกย้ายกองกำลังทหาร ข้าลวี่เซียวยังไม่เคยทิ้งไป! พวกเจ้าห้ามไม่ให้ข้าออกจากเมืองก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังจะไม่อนุญาตให้ข้ามามองส่งพวกเขาอีกหรือ?!”

ผู้เฒ่าตบหัวกำแพงเมือง พูดอย่างมีโทสะ “ปรมาจารย์ในยุทธภพที่ชอบบินไปบินมาอย่างพวกเจ้า ทำไมถึงไม่ยอมหยุดอยู่เฉยๆ กันบ้าง? สู้กันจบไปครั้งหนึ่งก็มีมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง เสียงดังหนวกหูจะตายอยู่แล้ว ทำเอาชาวบ้านเกินครึ่งเมืองนอนหลับไม่สนิท โดยเฉพาะเจ๋อเซียนสวมชุดขาวอะไรนั่นที่ถูกคนเอามาคุยโวเสียจนลึกลับมหัศจรรย์ บอกว่ามารเฒ่าติงพ่ายแพ้ใต้น้ำมือของเขา แถมยังหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม ทำเอาหลานชายหลานสาวสองคนของข้าซักถามไม่หยุดว่าข้ารู้จักเขาไหม คนหนึ่งบอกว่าจะกราบเฉินเซียนซือเป็นอาจารย์ขอเล่าเรียนวิชา อีกคนหนึ่งบอกว่าอยากเห็นวีรบุรุษผู้เกรียงไกร ข้าจะไปรู้จักนายท่านใหญ่อย่างเขาได้ยังไง หากข้าได้พบเจ้าคนสวมชุดขาวผู้นั้นจะต้องชี้หน้าด่าให้เขาแทบกระอักเลือดตายไปเลย อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง เอาแค่ชื่อของเขานั่น ช่างไม่ได้เรื่องจริงๆ …”

จ้งชิวกลั้นยิ้ม

ผู้เฒ่าโมโหจนขนคิ้วตั้ง กำลังจะอ้าปากด่าต่อ จ้งชิวกลับโบกมือ “พอแล้วน่า ฮองเฮา องค์รัชทายาทและองค์หญิงต่างก็อยู่ที่นี่ เจ้าลวี่เซียวหยุดพ่นน้ำลายเสียทีเถอะ”

แม่ทัพผู้เฒ่าเก็บเสียงอย่างขัดใจ

เฉินผิงอันไม่พูดอะไร ในใจคิดว่าแม่ทัพผู้เฒ่าคนนี้นิสัยตรงไปตรงมา แต่อาจจะเจ้าอารมณ์ไปสักหน่อย

ลวี่เซียวเห็นสายตาจากคนหนุ่มผู้นั้น แม่ทัพผู้เฒ่าที่กำลังหงุดหงิดจึงถลึงตาใส่ “ไอ้หนู เจ้ามองอะไร?! กล้าหัวเราะข้างั้นรึ?”

เฉินผิงอันไม่ได้โต้เถียง แค่ปลดกาเหล้าลงมาดื่มเหล้าหนึ่งคำ

แม่ทัพผู้เฒ่าเข้าใจผิดคิดว่าคนผู้นี้คือคนในยุทธภพ ในเมื่อสามารถยืนอยู่กับจ้งชิวได้ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นยอดฝีมืออายุน้อยที่มีวรยุทธไม่ธรรมดา นิสัยใจคอก็คงไม่แย่สักเท่าไหร่ จึงพูดเตือนอย่างหวังดีว่า “ไอ้หนู ดูจากหน้าตาท่าทางของเจ้า พอจะมีกลิ่นอายของตำราอยู่บ้าง แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเมล็ดพันธ์บัณฑิต ไม่ใช่ว่าข้าอาศัยที่ตนมีอายุมากกว่าเที่ยวดูถูกคนอื่นหรอกนะ แต่ข้าลวี่เซียวน่ะมองคนได้แม่นยำนัก ขอแนะนำเจ้าจากใจจริงว่าวันหน้าอย่าท่องอยู่ในยุทธภพอีกเลย ไม่หวังว่าเจ้าจะไปสร้างคุณความชอบในสนามรบ ไม่ต้องให้เจ้าฝังร่างเคียงข้างม้าคู่ใจ แค่หัดเรียนรู้จากราชครูจ้งให้มาก แน่นอนว่าเรียนรู้เฉพาะด้านอริยะแห่งวรรณกรรมของเขาก็พอ ไอ้ด้านปรมาจารย์ฝ่ายบู๊ผายลมสุนัขอะไรนั่น มีดีตรงไหนกัน…”

เฉินผิงอันพูดไม่ออก ได้แต่เค้นรอยยิ้ม พยักหน้ารับอย่างกระอักกระอ่วน แล้วดื่มเหล้าอีกคำ

นอกจากนิสัยขี้หงุดหงิด พูดจาไม่ค่อยน่าฟังแล้ว อันที่จริงจิตใจของผู้เฒ่าไม่เลวเลย

องค์หญิงเว่ยเจินที่อยู่ด้านข้างเอามือปิดปากแอบหัวเราะตลอดเวลา

นางรู้ตัวตนของคนหนุ่มผู้นี้ ก่อนหน้านั้นตอนอยู่ที่หอสุราตรอกจ้วงหยวนก็เคยพบเขามาแล้วครั้งหนึ่ง

แต่แม่ทัพผู้เฒ่าลวี่รู้แค่ว่าคนหนุ่มที่สังหารมารเฒ่าติงผู้นั้นสวมชุดสีขาว สามารถบังคับกระบี่ รู้วิชาเซียน แต่ไม่รู้ว่าเจ้าคนที่เขาป่าวประกาศว่าจะชี้หน้าด่านั้น อยู่ไกลจนสุดขอบฟ้า อยู่ใกล้เพียงแค่เบื้องหน้าเท่านั้น

ต่อให้เป็นแม่ทัพผู้เฒ่าที่รังเกียจยุทธภพอย่างมาก ทว่าพอได้เห็นแสงกระบี่พร่างพราวพุ่งทะยานขึ้นสู่ชั้นเมฆจากตรงภูเขากู่หนิวกับตาตัวเองก็ยังอดทอดถอนใจกับตัวเองไม่ได้ “สมกับเป็นเทพเซียนจริงๆ”

ทว่าแม่ทัพผู้เฒ่าที่มีนิสัยดื้อดึงกลับไม่ยอมปล่อยโอกาสใดๆ ที่จะได้สั่งสอนคนหนุ่มผู้หลงเดินทางผิดคนนั้นไป จึงหันหน้าไปพูดกับอีกฝ่ายว่า “เห็นหรือยัง นี่ต่างหากถึงจะเป็นมาดของปรมาจารย์ เจ้าต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะมีขอบเขตได้เท่านี้? ให้เวลาเจ้าหนึ่งร้อยปีก็คงทำไม่ได้กระมัง? เพราะฉะนั้นละทิ้งด้านบู๊หันกลับมาเอาดีด้านบุ๋นเสียเถอะ หากวันใดที่คิดจนเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว ยินดีทิ้งพู่กันมาเป็นสมัครเป็นทหารก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ขอแค่ตอนนั้นข้ายังไม่ลงโลงไปเสียก่อน เจ้าก็มาหาข้า ข้าจะช่วยแนะนำเจ้าด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะกองทหารกล้ากองไหนของแคว้นหนันเยวี่ยน เจ้าก็เลือกได้ตามสบาย!”

แม่ทัพผู้เฒ่าพูดน้ำลายแตกฟอง

เฉินผิงอันเช็ดใบหน้า ถอนหายใจ ได้แต่บอกชื่อตัวเองออกไป “ข้าชื่อเฉินผิงอัน”

ผู้เฒ่าหัวเราะหึหึ “ชื่อเฉินผิงอันแล้วอย่างไร เจ้าไม่ได้แซ่จ้งสักหน่อย คนที่เป็นขุนนางใหญ่ในแคว้นหนันเยวี่ยนเรา มีใครบ้างที่ข้าไม่รู้จัก…”

แม่ทัพเฒ่าพลันหยุดพูด ก่อนจะพยักหน้าด้วยสีหน้าแข็งทื่อ ชูนิ้วโป้งออกมา แสร้งพูดเหมือนคนโง่งม “ชื่อดี!”

จากนั้นผู้เฒ่าก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาขยับเดินไปหยุดอยู่ข้างกายจ้งชิวเงียบๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับออกไป จนกระทั่งไปหยุดอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทที่อยู่ห่างที่สุด

แม่ทัพผู้เฒ่าคิดว่าช่วงนี้จะไม่พูดอะไรอีก เขาจะฝึกการห้ามพูด

เฉินผิงอันมองศึกที่ภูเขากู่หนิวอีกพักหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าไปก่อนล่ะ”

แน่นอนว่าไม่มีใครขัดขวาง

ประมาณครึ่งก้านธูปต่อมา หลังจากพอจะมองสายสนกลในจากศึกใหญ่นั้นออก จ้งชิวก็พูดปลงอนิจจังด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้โอกาสแพ้ชนะยังอยู่ระหว่างห้าต่อห้า ตอนนี้กลับไม่มากเท่าเขาแล้ว”

โจวซูเจินยังคงมองอะไรไม่ออก รัชทายาทเว่ยเหยี่ยนก็พอๆ กัน

แม่ทัพเฒ่าลวี่เซียวและองค์หญิงเว่ยเจินก็ยิ่งสับสนมึนงง

ลวี่เซียวกล่าวอย่างอัดอั้น “ราชครู เขาไปทั้งอย่างนี้น่ะหรือ?”

จ้งชิวเอ่ยยิ้มๆ “ขอแค่คืนนี้เฉินผิงอันยินดีมาปรากฏตัวบนหัวกำแพงเมือง อวี๋เจินอี้ก็ไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานอีกแล้ว”

กล่าวมาถึงตรงนี้ จ้งชิวก็หันหน้าไปมอง ถอนหายใจอยู่ในใจ ไหนบอกว่าจะไม่สนเรื่องใดแล้วไม่ใช่หรือ?

……

ตอนที่เฉินผิงอันกลับมาถึงบ้านพักอย่างเงียบเชียบ ฟ้ายังไม่ทันสาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!