หญิงชราที่อยู่ทางฝั่งนั้นหันหน้ามายิ้มมองเด็กหญิงร่างผอมแห้งแล้ว สายตาของนางแฝงไว้ด้วยแววคลุมเครือสนุกสนาน นางยกแขนที่เล็กบางของตัวเองขึ้น เกี้ยวก็พลันหยุดนิ่งอยู่กับที่ ภูตประหลาดบนภูเขาทั้งหมดซึ่งรวมไปถึงโครงกระดูกมือกระบี่ต่างก็พากันหันมามองอย่างพร้อมเพรียง น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะ เป็นฝ่ายขออภัยขบวนรับเจ้าสาวขบวนนี้ก่อน
นกมีทางของนก หนูมีทางของหนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยินหยางที่มีความแตกต่าง บนโลกมีกฎระเบียบ ก็เหมือนกับการพบเจอกันครั้งนี้ หากไม่เป็นเพราะเผยเฉียนละเมิดกฎด้วยการหันไปมองอย่างโจ่งแจ้งใจกล้าก่อน ถ้าเช่นนั้นการที่เฉินผิงอันเป็นฝ่ายยอมขอโทษ ขบวนงานแต่งของเทพภูเขากลุ่มนี้ก็ไม่มีทางสนใจการดำรงอยู่ของเฉินผิงอันกับเผยเฉียนอีก พวกมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป นี่ก็คือสาเหตุที่น้อยครั้งนักที่พวกชาวบ้านและนายพรานหลายคนซึ่งอยู่อาศัยบริเวณใกล้ภูเขาและทะเลสาบมาหลายชั่วอายุคนจะเจอกับพิบัติภัย
หญิงชราเห็นว่าเฉินผิงอันรู้กาลควรไม่ควรจึงพยักหน้าให้เขา โบกมืออีกครั้ง ขบวนรับเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่ก็กลับมาตีฆ้องตีกลอง เดินหน้าไปรับตัวฮูหยินของเทพภูเขาอีกครั้ง
เด็กหญิงร่างผอมแห้งเกือบจะก่อเรื่องครั้งใหญ่ ทว่าคราวนี้เฉินผิงอันกลับไม่ได้กล่าวโทษเผยเฉียน นางไม่ใช่ผู้ฝึกตน ไม่รู้ถึงกฎเกณฑ์ของพวกเขา เป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ และนี่ก็เป็นเพราะเขาเฉินผิงอันสอนได้ไม่ดีพอ ไม่อาจโทษนางได้ แต่หากเฉินผิงอันพูดถึงกฎเกณฑนี้ให้นางฟังตั้งแต่แรก แล้วนางยังทำตัววู่วามแบบนี้อีกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เฉินผิงอันถามเบาๆ “เจ้ามองเห็นพวกมัน? ได้ยินเสียงตีกลอง?”
เผยเฉียนที่ใบหน้าเล็กๆ ซีดขาวพยักหน้ารับ “ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเลยลุกขึ้นมา นึกว่าฝันไป น่ากลัวเกินไปแล้ว”
เฉินผิงอันยื่นนิ้วข้างหนึ่งมากดตรงหว่างคิ้วของเผยเฉียนเบาๆ ช่วยให้นางสงบจิตใจ
หากไม่ระวังเจอกับวัตถุหยินและสิ่งชั่วร้าย มนุษย์ธรรมดาย่อมมองไม่เห็น อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีเจตนาอยากทำร้ายคน แต่หากปราณหยางในร่างของมนุษย์ธรรมดาไม่อุดมสมบูรณ์มากพอ ก็ง่ายที่จิตวิญญาณจะส่ายไหวไม่อยู่นิ่ง ทำร้ายรากฐานของพลังชีวิตโดยที่มองไม่เห็น ในคำบอกเล่าถึงภูตผีปีศาจมากมายในโลกมนุษย์ บางคนที่ถูกเสนียดจัญไร พอล้มป่วยก็ลุกไม่ขึ้นอีก ส่วนใหญ่มักเกิดจากสถานการณ์คล้ายคลึงกันนี้ นั่นคือหยินและหยางขัดแย้งกันเอง
โชคดีที่เผยเฉียนไม่เป็นอะไรมาก เฉินผิงอันจึงพูดเตือนนาง “แม้จะไม่แน่ใจว่าเหตุใดเจ้าถึงมองเห็นพวกมัน แต่หากวันหน้าเจออะไรแบบนี้อีก ต้องทำเป็นไม่เห็นและไม่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นก็ง่ายที่จะชักนำปัญหามาสู่ตัว ถูกฝ่ายตรงข้ามมองว่าท้าทาย โชคดีที่ขบวนรับเจ้าสาวของคืนนี้มีพื้นเพเป็นฝ่ายธรรมะ คาดว่าสถานะของพวกเขาที่อยู่ในภูเขาแถบนี้น่าจะคล้ายคลึงกับขุนนางในโลกมนุษย์ ถึงได้ไม่ถือสาพวกเรา”
เผยเฉียนยังหวาดผวาไม่หาย จึงรีบพยักหน้ารับรัวๆ
เฉินผิงอันถาม “ตลอดหลายปีที่เจ้าอยู่ในแคว้นหนันเยวี่ยน เคยเห็นพวกผีเร่ร่อนตามข้างในและข้างนอกเมืองบ้างไหม?”
เผยเฉียนที่หน้าม่อยส่ายหน้าอย่างแรง “ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นสิ่งสกปรกพวกนี้เลย สักครั้งก็ไม่เคย!”
เฉินผิงอันครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยกำชับว่า “เดินทางอยู่ข้างนอก ขึ้นเขาลงน้ำ ห้ามพูดจาบุ่มบ่ามเรียกพวกมันว่า ‘สิ่งสกปรก’”
เผยเฉียนอ้อรับหนึ่งที “จำไว้แล้ว”
เฉินผิงอันถอนหายใจ เอ่ยปลอบใจว่า “นอนต่อเถอะ มีข้าช่วยเฝ้ายามให้ ไม่มีทางเกิดเรื่องหรอก”
เผยเฉียนหรือจะยังกล้านอนหลับ นางดึงดันจะขอไปอยู่ที่ริมแม่น้ำกับเฉินผิงอันให้ได้ ตอนนี้นางเป็นเด็กดีว่าง่ายอย่างสิ้นเชิงแล้ว ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง ไม่กล้าขอเสื้อผ้าหรือรองเท้าใหม่อะไรอีกแล้ว นางรู้สึกว่าแค่ได้กินอิ่มนอนหลับอยู่ข้างกายเฉินผิงอันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดแล้ว
เฉินผิงอันหยิบคันเบ็ดตกปลาขึ้นมาอีกครั้ง เผยเฉียนหยิบหินก้อนหนึ่งมาวาดวงกลมลงบนพื้นดิน นางเหมือนคนโดนงูกัดแล้วกลัวเชือกไปสิบปี คราวนี้ไม่กล้าเงยหน้ามองรอบด้านอีก เพราะรู้สึกว่าความมืดมิดโดยรอบจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดน่าขนพองสยองเกล้าซ่อนตัวอยู่ นางเอ่ยถามว่า “ในตำราเล่มนั้นที่เจ้ามอบให้ข้าบอกไว้ว่า อะไรที่ไม่ควรมองอย่ามอง อะไรที่ไม่ควรฟังอย่าฟัง คือหลักการนี้ใช่ไหม?”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่ได้ ดูท่าต้องรอให้นางเจอกับความยากลำบากเสียก่อนถึงจะเรียนรู้อะไรเข้าหัว แม้ว่าคำสอนของอริยะประโยคนี้ไม่ควรจะอธิบายด้วยตัวอย่างเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธหลักการในตำราที่กว่านางจะใคร่ครวญออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายนี้ไป จึงกล่าวว่า “หลักการประโยคนี้ยิ่งใหญ่มาก เจ้าเข้าใจแบบนี้ก็บอกไม่ได้ว่าผิด แต่ยังอยู่ไกลเกินกว่าจะเพียงพอนัก วันหน้าอ่านหนังสือรู้จักตัวอักษรมากแล้วก็ย่อมเข้าใจได้ลึกซึ้งขึ้นเอง”
เผยเฉียนรู้สึกว่าคุยกับเฉินผิงอันเยอะๆ ถึงจะข่มกลั้นความหวาดกลัวในใจลงไปได้ จึงถามชวนคุยว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมในตำราถึงยังมีประโยคที่ว่า ‘ขงจื๊อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับหรือจิตวิญญาณ’ เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรแปลกๆ มากมายขนาดนั้น สรุปว่าเป็นหลักการของปราชญ์ที่ผิด หรือเจ้าที่ผิดกันแน่?”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ขอแค่เจ้าอ่านหนังสือให้มาก ถึงเวลานั้นก็จะรู้เองว่าเป็นข้าที่ผิด หรือหลักการของอริยะปราชญ์ที่ผิด”
เผยเฉียนรู้สึกขัดใจเล็กน้อย นางจึงเงียบอยู่นานไม่ยอมคุยต่อ แต่ในที่สุดก็อดไม่ไหวจนต้องถามอีกหนึ่งคำถาม “เจ้าเอาชนะพวกมันไม่ได้ใช่ไหม?”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรืด “ในเมื่อพวกเราทำผิดก่อน แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าเอาชนะพวกมันได้หรือไม่ได้ด้วยล่ะ?”
เผยเฉียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายวาววับ “หากเอาชนะได้ เจ้าก็ไม่ต้องก้มหน้าขอโทษคนอื่นไงล่ะ พวกมันต่างหากที่ต้องขอโทษพวกเรา เป็นฝ่ายยอมถอยให้พวกเรา ยกตัวอย่างเช่นเสียงตีกลองตีฆ้องของพวกมันหนวกหูจะตาย พวกมันก็ต้องขอโทษพวกเรา หากจ่ายเงินชดใช้ด้วยก็ยิ่งดี”
เฉินผิงอันถาม “ต่อให้ข้าเอาชนะพวกมันได้ แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”
เผยเฉียนอึ้งตะลึงไปครู่ ก่อนจะเค้นรอยยิ้มออกมา “ก็พวกเราเป็นพวกเดียวกันไงล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!