ยังดีที่สิ่งนี้ไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเฉินผิงอันนัก ตอนที่อยู่บนภูเขากู่หนิวแล้วต้องรับมือกับกายธรรมร่างทองของติงอิงก็เป็นปรากฎการณ์ภูเขาถล่มพื้นดินปริแตกแบบนี้ไม่ใช่หรือ?
เพียงแต่ว่าคราวก่อนเฉินผิงอันได้แค่ฝืนทนรับเอาไว้ ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้เอาคืน ภูเขากู่หนิวทั้งลูกถูกร่างทองของติงอิงทุบตีเสียจนระเบิดแตกกระจาย
ตอนนี้เฉินผิงอันแค่ต้องต่อยตีกับเทพหยิน ‘เล็กๆ’ ตนหนึ่งเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีใครหลบเลี่ยงใคร
ชุดคลุมอาคมจินหลี่จากที่เป็นสีหิมะขาวโพลนเพราะถูกร่ายเวทบังตาก็กลับคืนสภาพเดิมกลายมาเป็นสีทองแล้ว
หลังจากที่เฉินผิงอันปล่อยกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าไปสิบหมัด ประกายในดวงตาของหลี่หลี่หม่นมัวลงเล็กน้อย แต่เขากลับยังไม่สนใจ ปล่อยให้คนหนุ่มรัวหมัดใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า
เทพหยินสามเศียรหกกรที่มีหน้าตาท่วงท่าเหมือนอริยะในศาลบู๊แหลกสลายดั่งไอหมอก ปราณวิญญาณแผ่กระจายไปสี่ทิศ
ส่วนชุดคลุมอาคมจินหลี่ก็ปรากฏรอยกรีด รอยแตกยับเป็นริ้วๆ ตอนนี้ยังไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ อีกทั้งปราณวิญญาณบนชุดยังกระจัดกระจายอย่างยุ่งเหยิงด้วย
หลี่หลี่กระชากชุดหม่างสีแดงสดที่สภาพขาดวิ่นไม่เหลือดีตัวนั้นทิ้งไป มองคนหนุ่มที่หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ฝ่ามือและหลังมือทั้งสองข้างต่างก็เปรอะเลอะไปด้วยเลือด เขาพยายามฝืนเบิกตาสองข้างขึ้น ใบหน้ามีเลือดสดไหลนอง ดูเหมือนว่าจะมีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ยังคงใสสะอาดกระจ่างแจ้ง
หลี่หลี่เอ่ยกลั้วยิ้ม “น่าเสียดายที่เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัว นี่หมายความว่าเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับใบถงทวีปและสำนักกุยหยก ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆ”
เฉินผิงอันหลับตาลงข้างหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ร่างจำแลงสองร่างนี้ของเจ้าทนรับการทุบตีไม่ได้เลย เพิ่งจะสิบเจ็ดสิบแปดหมัดก็แตกสลายซะแล้ว เทียบติงอิงไม่ได้ด้วยซ้ำ”
หลี่หลี่ยิ้มบางๆ “แล้วยังไง?”
เฉินผิงอันพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “หลังจากนี้ขอแค่ข้าปล่อยไปอีกสามหมัดก็สามารถแลกชีวิตกับเจ้าได้แล้ว เจ้ากลัวหรือไม่?”
หลี่หลี่ตอบรับด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
อีกอย่างในฐานะโส่วกงไหวแห่งต้าเฉวียน ผู้ที่สร้างโอสถทองได้ครึ่งเม็ดอย่างเขา จะไม่มีวิธีรับมืออื่นเตรียมรอไว้เลยได้อย่างไร ก็แค่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมากหน่อยเท่านั้น
ค่าตอบแทนที่ว่ามากนั้น มากกว่าชีวิตของเขาด้วยซ้ำ
คนทั้งสองต่างก็เงียบงันกันไป ผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่หลี่พลันขมวดคิ้ว พูดเสียงเฉียบว่า “เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวคนหนึ่ง เหตุใดถึงใช้วิธีการที่ตรงกันข้าม แอบดึงดูดปราณวิญญาณมาใช้?!”
หลี่หลี่ถอยหลังไปหลายก้าว เข้าใจว่าคนผู้นี้จงใจเปิดประตูใหญ่ให้แก่ช่องโพรงลมปราณแต่ละแห่ง ปล่อยให้ปราณวิญญาณกรอกเทเข้าสู่ร่าง นี่ก็คือโอกาสที่เจ้าเด็กคนนี้ช่วงชิงมาทำให้เขาต้องพินาศวอดวายไปด้วย
เสียสติไปแล้วจริงๆ
บัณฑิตแซ่จงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้า
ผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวใช้ปราณวิญญาณหล่อหลอมจิตวิญญาณ ช่างใจกล้ายิ่งนัก แต่ก็อันตรายมากเช่นกัน
ถ้าอย่างนั้นหมัดที่สามก็มีโอกาสส่งออกไปแล้ว
หากหลี่หลี่ประมาทก็ต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่
ศึกครั้งนี้ถือว่าไม่เหนื่อยเปล่าสำหรับคนหนุ่ม ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้ากำลังตามหาดีแห่งวีรบุรุษก้อนหนึ่ง (ดีสามารถเปรียบเปรยได้ถึงความใจกว้าง ความกล้าหาญ) อย่างยากลำบาก จิตหยินที่แปลกประหลาดของโส่วกงไหวแห่งต้าเฉวียนผู้นี้ก่อกำเนิดขึ้นจากการนิมิตถึงอริยะสามท่านในศาลบู๊พอดี แต่นิมิตนี้เป็นวิธีนอกรีต เป็นที่สงสัยว่าเป็นการหมิ่นประมาททวยเทพ อีกทั้งยังทำลายโชคชะตาฝ่ายบู๊ เท่ากับว่าหลี่หลี่เอาของส่วนรวมมาใช้ส่วนตัว เชื่อว่าคนในราชสำนักต้าเฉวียนก็อาจจะไม่รู้ความจริงเรื่องนี้ ศึกระหว่างคนหนุ่มกับเทพหยิน เมื่อเขาคว้าชัยชนะมาได้แล้วเทพหยินเหล่านั้นก็แตกสลาย อริยะบู๊แห่งราชวงศ์สกุลหลิวสามท่านย่อมต้องสัมผัสได้ถึง ในอนาคตหากคนหนุ่มมีโอกาสเดินทางไปเมืองหลวงต้าเฉวียน เข้าไปในศาลบู๊แห่งนั้น เชื่อว่าต้องได้รับการตอบแทนอย่างดีแน่นอน
แต่ก่อนจะเป็นเช่นนั้นได้ คนหนุ่มกับพวกผู้ติดตามท่าทางประหลาดของเขาต้องรอดชีวิตไปจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ให้ได้เสียก่อน
เขารับปากอีกฝ่ายไว้ว่าจะช่วยเก็บกวาดให้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะช่วยปกป้องคนหนุ่มผู้นั้น
ขันทีหลี่หลี่กวาดตามองไปรอบด้านแล้วเดินออกไปสิบกว่าก้าว มาหยุดข้างโต๊ะเหล้าตัวหนึ่ง หยิบจอกเหล้าขึ้นมาดื่มเหล้าแล้ววางลงเบาๆ มองผู้ติดตามหนุ่มทั้งหลายที่อยู่ตรงทางขึ้นบันได คนหนึ่งในนั้นคือท่านโหวน้อย คนหนึ่งคือลูกหลานแม่ทัพหลงเซียง คนอื่นๆ ก็ถือเป็นทหารผู้กล้าแห่งกองทหารรักษาพระองค์ที่อนาคตกว้างไกล
เจ้าเศษสวะสวี่ชิงโจว ไม่เพียงแต่ไม่สามารถจัดการกับเจ้าคนใช้ดาบผู้นั้นได้ กลับกันยังกลายเป็นคนป้อนกระบวนท่าดาบให้อีกฝ่ายดูโดยที่ตัวเองดันไม่รู้ตัว
สวีถงแห่งอารามฉ่าวมู่ยังจมจ่อมอยู่กับพลังอำนาจของวิชาสายฟ้านอกรีตผายลมสุนัข นึกว่าตัวเองจะกุมชัยชนะไว้ได้อยู่มือ แต่กลับไม่รู้เลยว่านังผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่อาจารย์กระบี่ เพียงแค่มีปณิธานแห่งกระบี่แตกหน่อขึ้นในใจประดุจต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่มีชีวิตชีวาเท่านั้น พรสวรรค์ของอีกฝ่ายดีเยี่ยมจนสมควรเรียกว่าเป็นตัวอ่อนเซียนกระบี่แล้ว
ส่วนตรงนอกประตูก็ยิ่งตีกันอย่างครึกครื้น ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่ก็แค่มองดูแล้วคึกคักเท่านั้น
สุดท้ายหลี่หลี่มองไปทางสตรีแต่งงานแล้วกับผู้เฒ่าหลังค่อม เขาไม่สนใจคนทั้งสองแม้แต่น้อย กลับเป็นบัณฑิตตกอับคนนั้นที่หลี่หลี่รู้สึกมองไม่ออก แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก
ในโรงเตี๊ยม ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือเป็นคนกันเอง ทุกคนล้วนต้องตายทั้งหมด
หลี่หลี่โบกมือหนึ่งครั้ง ประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมก็พลันปิดลงดังปัง
จูเหลี่ยนเอ่ยเนิบช้า “ระวัง”
หลี่หลี่ยื่นมือมาวางทับไว้ตรงท้องนอกจุดตันเถียนแล้วเริ่มสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
ทุกครั้งที่พ่นลมหายใจจะต้องมีไอสีแดงสดถูกพ่นออกมาด้วย
เฉินผิงอันกระโจนไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ
กระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าถูกปล่อยไปเป็นครั้งที่สาม
หมัดนั้นต่อยลงบนหลังมือที่วางแนบติดกับหน้าท้องของขันที
ส่วนหลี่หลี่ก็ปล่อยหนึ่งหมัดต่อยเข้าที่หัวใจของเฉินผิงอัน
แค่หมัดง่ายๆ สองหมัดเท่านั้น
หลี่หลี่หงุดหงิดอย่างถึงที่สุด สภาพจิตใจของเขาเหมือนไม่ใช่จิตใจของเซียนดิน ขันทีในวังลึกผู้กุมกองทัพม้าคอยปกป้องเมืองหลวงอีกต่อไป สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนมาเป็นดุดัน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ยกฝ่ามือตบฉาดลงบนจุดไท่หยางของเฉินผิงอัน
ครึ่งร่างของเฉินผิงอันปลิวออกไป มีเพียงสองเท้าที่ปักตรึงอยู่กับพื้น นั่นก็เพื่อปล่อยหมัดครั้งต่อไป
แต่ละหมัดที่ปล่อยออกไปล้วนเร็วกว่าหมัดก่อนหน้า
ส่วนแต่ละหมัดของหลี่หลี่ก็ยิ่งมีพลังอำนาจดุจสายฟ้า
กระบี่บินชูอีกับสืออู่ที่แทงเข้าไปในร่างของคนผู้นี้ แต่กลับเหมือนเข้าไปอยู่ในเขาวงกต พุ่งชนอยู่ท่ามกลางช่องโพรงลมปราณของอีกฝ่ายอย่างสะเปะสะปะ หาทางออกไม่เจอเสียที
กระดูกในร่างของเฉินผิงอันส่งเสียงลั่นแตกเป็นระลอก
บนใบหน้าของหลี่หลี่ที่ผ่านการบำรุงรักษาอย่างดีจึงยังเหมือนคนวัยกลางคนมีเส้นใยลอยขึ้นมา บางจุดปูดนูน บางจุดเว้ายวบลงไปราวกับว่าใบหน้านี้เป็นของปลอม
โอสถทองที่สร้างได้ครึ่งเม็ดระเบิดแตกดังโพล๊ะ
เพียงแต่วาเป็นเพียงชั้นผิวภายนอกเท่านั้นที่ระเบิดแตก เหมือนที่ก่อนหน้านี้หลี่หลี่ถอดชุดหม่างสีแดงคลุมกายทิ้งไป
จูเหลี่ยนถอนหายใจอยู่ในใจ ราวระเบียงใต้ฝ่าเท้าระเบิดแตก พื้นกระดานก็ปริร้าวตามไปด้วย เขาพลิ้วกายลงมายังชั้นหนึ่ง ความเร็วนั้นดั่งพายุลมกรด ย่างก้าวสองสามก้าวเหมือนไม่ใส่ใจ แต่กลับมาหยุดอยู่ข้างกายหลี่หลี่แล้ว เขาดีดปลายเท้าเล็กน้อย ร่างก็ทะยานขึ้นสูง ก่อนจะตีศอกใส่ศีรษะของขันทีเฒ่าที่อายุมากถึงเก้าสิบปีผู้นี้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งชักออกมาอย่างว่องไว ทำมือเป็นมีดที่แทงทะลุเข้าไปยังลำคอของหลี่หลี่
หลี่หลี่ที่เดิมทีควรต้องตายอย่างมิต้องสงสัยกลับยังคงออกหมัดต่อยเฉินผิงอัน พอเขาปล่อยหนึ่งหมัดไปแล้ว เลือดสดก็ไหลทะลักออกมาจากหูทั้งสองข้างของเฉินผิงอันเหมือนน้ำพุพุ่ง
ส่วนจูเหลี่ยนนั้นปลิวกระเด็นออกไปดังตูม ร่างกระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ห่างไปไกลจนผนังแตกผัง แล้วหล่นตุ้บลงด้านนอก
หลี่หลี่ที่ลำคอถูกแทงทะลุสีหน้าเฉยเมย ใจคิดแต่ว่าต้องฆ่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าให้ได้ก่อน ส่วนคนอื่นๆ หลังจากที่เขาเผยร่างแท้จริงแล้ว ต่อให้ร่วมมือกันมาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ร่างของจูเหลี่ยนลอยหวือไปตกท่ามกลางกองทัพทหารม้าที่อยู่ด้านนอก อยู่ดีๆ มีคนคนหนึ่งลอยออกมา ทำเอาพวกทหารตกใจขวัญกระเจิง ในขณะที่กำลังจะล้อมสังหารคนผู้นี้ จูเหลี่ยนกลับถ่มเลือดออกมาหนึ่งคำ กลิ้งตัวไปด้านหลัง พอลุกขึ้นยืนก็เหมือนวานรที่ปีนป่ายอยู่ในป่า และความดุร้ายอำมหิตของคนบ้าคลั่งวรยุทธ์ก็ได้สำแดงออกมาอย่างไม่มีกักเก็บไว้ มือทั้งคู่ของเขาดึงแขนสองข้างของทหารม้าคนหนึ่งกระชากออก ฉีกแขนทั้งสองข้างของคนผู้นั้นไปโดยตรง
ครั้นแล้วจึงใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ศีรษะของทหารม้านายนั้น เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว
หมัดหนึ่งต่อยเข้าที่หน้าอกทะลุเรือนกาย เพราะรังเกียจที่ศพนี้ขวางหูขวางตา จึงทำมือเป็นมีดฟันฉับเป็นแนวเฉียงตั้งแต่ไหล่จนถึงหน้าท้อง ศพของคนผู้นั้นถูกผู้เฒ่าหลังค่อมฟันผ่าออกเป็นสองท่อน เลือดสดและไส้ไหลทะลักนองเต็มพื้น
ในโรงเตี๊ยม
สวีถงและสวี่ชิงโจว สุยโย่วเปียนและหลูป๋ายเซี่ยง ต่างฝ่ายต่างหยุดมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เพราะการเปลี่ยนแปลงของขันทีหลี่หลี่น่าเหลือเชื่อเกินไป
สัญชาตญาณทำให้พวกเขาทุกคนมองหลี่หลี่เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!