เฉินผิงอันใจสั่นเล็กน้อย เขาส่ายหน้ากล่าวว่า “ซื้อมาจากหอหลิงจือของภูเขาห้อยหัว”
จงขุยถาม “จ่ายเงินเงินฝนธัญพืชไปกี่เหรียญ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “แค่จ่ายเงินร้อนน้อยไปบางส่วน ไม่แพง กะว่าวันหน้าจะเอาไปมอบให้คนอื่น”
จงขุยเอ่ยยิ้มๆ “หอหลิงจือไม่รู้จักดูของ ทำให้เจ้าโชคดีได้มาครอง แต่ก็เป็นเรื่องปกติ ซีเยว่ถูกยอดฝีมือร่ายตราผนึกเอาไว้ หากไม่เป็นเพราะในสำนักศึกษาของข้ามีตำราลับที่ใกล้จะขาดเป็นเศษชิ้นส่วนเล่มนั้น จึงรู้เรื่องวงในด้านการสืบทอดเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารพอดี อีกทั้งตอนนั้นยังพยายามเพ่งมองอยู่นาน ก็คงไม่มีทางจำได้ว่าเป็นมัน ข้าแนะนำเจ้าว่าเก็บมันไว้จะดีกว่า มันมีค่าขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับที่มันยังมีเรื่องราวมากมาย มอบให้คนอื่นง่ายๆ คงน่าเสียดายยิ่งนัก”
เฉินผิงอันไม่ได้บอกว่าสุดท้ายแล้วจะมอบหรือไม่มอบให้ใคร เขาเพียงถามอย่างใคร่รู้ว่า “เสื้อเกราะบรรพบุรุษแปดตัว?”
จงขุยหยิบถั่วลิสงหนึ่งเม็ดโยนเข้าปาก “เสื้อเกราะน้ำค้างหวานมีชื่อเต็มว่าเทพรับน้ำค้าง ข้าถามเจ้า เทพอะไร? รับน้ำค้างอะไร?”
เฉินผิงอันส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้
จงขุยจึงคลี่ยิ้ม “นอกจากซีเยว่แล้ว เสื้อเกราะน้ำค้างหวานอีกเจ็ดตัวแรกสุดแบ่งออกเป็นฝอกั๋ว ฮวาเปา ซานกุ่ย สุ่ยเซียน เสียกวาง ไฉ่อีและอวิ๋นไห่ ส่วนใหญ่ล้วนถูกทำลายไปในสนามรบและสูญหายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ที่เหลืออยู่มีไม่มาก ตามหลักฐานซึ่งสามารถตรวจสอบได้ก็มีแค่ซานกุ่ยและไฉ่อีสองชิ้นเท่านั้น อย่าเห็นว่าซีเยว่ที่อยู่ในมือเจ้าพังเละมากแล้ว เมื่อเทียบกับอีกสองชิ้นที่ยังอยู่บนโลกมนุษย์ได้อย่างยากลำบากก็ถือว่าดีมากแล้ว หากไปเจอกับคนที่รู้จักดูของ เจ้าสามารถเรียกราคาได้เต็มที่ รับรองว่าจะต้องได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ว่าถึงอย่างไรเสื้อเกราะบรรพบุรุษเหล่านี้ก็สูญเสียพลังต้นกำเนิดไปแล้ว วิชาอภินิหารที่ช่วยปกป้องเจ้านายไม่เหลือแม้แต่ส่วนเดียว เป็นเรื่องที่น่าเสียดายนัก สำหรับเรื่องนี้ สมควรต้องดื่มหนึ่งจอก”
จงขุยยกถ้วยเหล้าขึ้น แหงนหน้ากระดกดื่มจนหมดนำไปก่อน
เฉินผิงอันจึงได้แต่ดื่มตามไปอีกถ้วย
แล้วจงขุยก็เป็นฝ่ายเอ่ยถึงหายนะในครั้งนี้ด้วยตัวเอง “องค์ชายสองคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร หลังจากนี้หากเจ้ายังอยู่ต่อในต้าเฉวียนก็ต้องระวังตัวสักหน่อย ล่างภูเขาย่อมมีกฎของล่างภูเขา อีกทั้งยอดฝีมือที่อยู่ล่างภูเขาก็มีมากมาย ยกตัวอย่างเช่นเมื่อองค์ชายสามผู้นั้นมาพบกับเจ้าก็คือเหนือภูเขายังมีภูเขา ดังนั้นเขาถึงได้กลับไปอย่างสะบักสะบอม”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ก็คือหลักการนี้”
จู่ๆ จงขุยก็เอ่ยยิ้มๆ ว่า “คิดถึงการเข่นฆ่าระหว่างเจ้ากับโส่วกงไหวของต้าเฉวียนคืนนั้น แล้วหันมามองเจ้าตอนนี้ที่นั่งดื่มเหล้าพูดจาเออออกับข้า ข้ารู้สึกไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่ ทำไม ตอนอยู่บ้านเกิดเคยลำบากเพราะสำนักศึกษามาก่อนงั้นหรือ ถึงได้กริ่งเกรงยศวิญญูชนถึงขนาดนี้?”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรืด
จงขุยเอ่ยขึ้นอีกว่า “วันนั้นที่เจ้าพูดว่าเหตุผลของใครก็ล้วนมีเหตุผลเสมอ ข้ารู้สึกว่าเจ้าพูดได้ดีมาก ส่วนที่บอกให้กั๋วกงน้อยถามใจตัวเองดู แม้ฟังแล้วจะเผด็จการไปสักหน่อย แต่ก็สมเหตุสมผล หาข้อตำหนิไม่ได้เลย แต่อันที่จริงแล้วค่อนข้างจะ…ไม่มีมารยาทสักเท่าไหร่”
เฉินผิงอันดื่มเหล้าหนึ่งอึก “ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
จงขุยพยักหน้ารับ “ก็จริง เรื่องราวบนโลกก็เป็นเช่นนี้ ตัวอยู่ในหลุมขี้ก็เลยรู้สึกว่าการกินขี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักฟ้าดิน มีคนยกกับข้าวมาให้หนึ่งถาด คนเขาก็ยังไม่เต็มใจจะกิน”
เฉินผิงอันฟังแล้วถึงกับเดาะลิ้น
นี่คือ ‘หลักการ’ ที่วิญญูชนของลัทธิขงจื๊อพูดกันหรือ?
จงขุยทอดถอนใจ “แต่ต่อให้โลกใบนี้จะเละเหมือนหลุมขี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเราจะกินขี้”
คราวนี้เฉินผิงอันที่มือหนึ่งคีบอาหาร มือหนึ่งถือถ้วยเหล้าอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
จงขุยเห็นท่าทางผิดปกติของเฉินผิงอันก็รีบพูดปลอบใจ “ที่พวกเรากินดื่มไม่ใช่ขี้เยี่ยว คืออาหารดีสุรารสเลิศ เจ้ากินให้สบายใจ”
เฉินผิงอันจึงเริ่มกินดื่มอีกครั้งเงียบๆ
พูดคุยกับคนผู้นี้แล้วรู้สึกตามความคิดของเขาไม่ทันสักเท่าไหร่
ทันใดนั้นเฉินผิงอันก็ไพล่นึกไปถึงเป่าผิงน้อย
ตรงหน้าประตู มีจิ่วเหนียงออกหน้าให้ เพียงไม่นานปัญหาก็คลี่คลาย
ตอนนี้โรงเตี๊ยมในสายตาของชาวบ้านเมืองหูเอ๋อร์ทั้งลึกลับและพิลึกพิลั่น ดังนั้นแม้แต่ความกล้าที่จะเข้ามาโวยวายข้างในก็ยังไม่มี
เฉินผิงอันขอบคุณสตรีแต่งงานแล้ว แล้วจึงเดินไปทางบันได เผยเฉียนยังนั่งวาดวงกลมอยู่ตรงนั้น เฉินผิงอันพูดว่าตามข้ามา นางก็เดินตามไปด้านหลังแต่โดยดี ไหล่ลู่คอตก มองดูเหมือนคนที่ทำความผิดแล้วรู้ว่าตัวเองผิด แต่เฉินผิงอันใช้หัวเข่าคิดยังรู้เลยว่าเด็กหญิงที่อยู่ด้านหลังกำลังแอบหัวเราะชอบใจ เขาถึงขั้นจินตนาการได้ถึงท่าทางเห่อเหิมลำพองใจของเผยเฉียนยามนางไปเยือนเมืองหูเอ๋อร์คราวหน้า
มาถึงในห้อง เฉินผิงอันก็นั่งลง เผยเฉียนไม่กล้านั่ง พอปิดประตูลงแล้วก็ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะ
เฉินผิงอันพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “วันหน้าเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อไป ข้าจะมอบเงินก้อนหนึ่งให้ทางโรงเตี๊ยม”
เผยเฉียนพลันเงยหน้าขึ้นอย่างเดือดดาล กำลังจะขยับปากพูด แต่พอนางเห็นสีหน้าเย็นชาของเฉินผิงอันก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง “ข้าผิดไปแล้ว คราวหน้าไม่กล้าแล้ว เดี๋ยวข้าจะกลับไปที่เมืองหูเอ๋อร์ ซื้อว่าวตัวใหม่ให้เสี่ยวเหมย จะซื้อว่าวผีเสื้อตัวใหญ่สีสันสวยงามราคาสี่สิบอีแปะให้นาง มันสวยกว่าว่าวรูปกบเยอะเลย พวกเสี่ยวเหมยอยากได้มานานแล้ว แต่พวกลูกกระต่ายยากจนที่พอได้ถังหูลู่ไม้เดียวก็รู้สึกเหมือนได้ฉลองปีใหม่พวกนั้นซื้อไม่ไหว คราวนี้ถือว่าได้ดีนางไป”
เฉินผิงอันถาม “เจ้าไปเอาเงินมาจากไหน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!