แค่วิญญูชนหนุ่มของสำนักศึกษาต้าฝูผายลมก็มากพอจะสะเทือนให้นางตายแล้ว
เหตุใดราชวงศ์ต้าเฉวียนถึงได้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ วันตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะได้เป็นพันธมิตรกับหลายแคว้นในภาคกลางของใบถงทวีป?
นอกจากความปรีชาสามารถของฮ่องเต้และมีขุนนางบุ๋นแม่ทัพบู๊มากความสามารถมารวมตัวกันแล้ว อันที่จริงทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเป็นเพราะมีวิญญูชนท่านหนึ่งนั่งบัญชาการณ์อยู่ที่เมืองเซิ่นจิ่ง แคว้นดั้งเดิมที่แข็งแกร่งอย่างเป่ยจิ้น หนันฉี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีนักปราชญ์ของสำนักศึกษาอยู่แม้แต่คนเดียว
วิญญูชนจากสำนักศึกษาเบื้องหน้าคนนี้อายุน้อยขนาดนี้ เดิมทีนี่ก็เป็นบารมีที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งอยู่แล้ว
อายุสามสิบปีหรืออายุสี่สิบปี จอหงวนที่ตรากตรำกับการสอบกับเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่ช่วงชิงความรุ่งโรจน์มาได้ด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว คือความต่างราวฟ้ากับดิน
หญิงชราเฝ้าศาลและผู้ฝึกตนเฒ่าที่กลับขึ้นมาบนฝั่งคล้ายเด็กน้อยทำผิดสองคนที่รอให้อาจารย์ลงโทษ
พวกเขาที่เป็นเทพเซียนผู้อาวุโสในสายตาของชาวบ้านมีความสัมพันธ์ที่ธรรมดากับจวนปี้โหยว รู้ดีว่าลึกๆ แล้วในใจเจ้าแม่เทพวารีดูแคลนพวกเขา แต่เพราะเห็นแก่หน้าของผู้ว่าฯ กับราชสำนัก เจ้าแม่ถึงได้หลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง เรื่องหารายได้เข้ากระเป๋า ขอแค่ไม่เกินกว่าเหตุ ก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาที่อยู่ในศาลเทพวารี
เพียงแต่ว่าคืนนี้เป็นคืนที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับพวกเขาแล้ว
เพราะเจ้าแม่เทพวารีและศาลเทพวารีไม่อาจเป็นยันต์คุ้มกันกายให้พวกเขาได้อีกต่อไป
จงขุยตวาดเสียงกร้าว “คนหนึ่งคือคนเฝ้าศาลที่รับผิดชอบดูแลควันธูปของศาล อีกคนหนึ่งคือผู้ฝึกตนที่ทางราชสำนักส่งตัวให้มาปักหลักอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย ไม่ทันได้ถามไถ่ความเป็นมาก็จะอาศัยกำลังที่เหนือกว่าทำตัวดุร้าย มิน่าเล่าผีพรายใต้ลำคลองหมายเหอถึงได้มีมากขนาดนี้ นอกจากจะถูกปีศาจใหญ่ทำร้ายแล้ว พวกเจ้าสองคนก็ยากจะปฏิเสธความผิดให้พ้นตัวไปได้!”
หญิงชรากับผู้ฝึกตนเฒ่าตกใจหน้าซีดเผือด ถ้อยคำทองวาจาหยกของอาจารย์สำนักศึกษาหลังจาก ‘สวมอาภรณ์สวมกวานอย่างเป็นระเบียบ’ (การสวมอาภรณ์สวมกวานอย่างเป็นระเบียบแสดงถึงรูปลักษณ์ภายนอก ขณะเดียวกันก็หมายถึงการจัดระเบียบมาจากภายใน เป็นการตักเตือนให้มนุษย์กระทำในสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรม) ไม่ว่าคำใดก็ตามที่หลุดออกมาล้วนมีน้ำหนักหมื่นจิน นี่ไม่ใช่แค่คำกล่าวลอยๆ เท่านั้น
สตรีร่างเล็กเตี้ยเอ่ยเสียงหนักอึ้ง “เรื่องสังหารผีพรายใต้น้ำพร่ำเพื่อ หลักๆ แล้วถือเป็นความผิดของข้าเอง”
จงขุยโบกชายแขนเสื้อ ไม่ไว้หน้าเจ้าแม่เทพวารีแม้แต่น้อย “คนละเรื่องกัน! สองคนนี้มีหน้าที่สำคัญขนาดนี้ แต่กลับคิดจะออมแรงกายแรงใจกับทุกเรื่อง ไม่ยอมเปลืองน้ำลายสอบถามแม้แต่ครึ่งคำ ไม่ยอมเสียเวลาคิดให้มากขึ้นอีกนิด แล้วจะรับหน้าที่นี้ต่อไปได้อย่างไร! พวกเขาไม่ใช่เศรษฐีที่นอนเสวยสุขอยู่ในบ้านเสียหน่อย อยู่ตำแหน่งไหนต้องพึงระลึกถึงเรื่องของตำแหน่งนั้น อยู่ที่นี่ ทุกการกระทำของพวกเขาล้วนเกี่ยวพันไปถึงโชคชะตาแห่งแม่น้ำและภูเขาของราชสำนัก!”
คนทั้งสองตื่นตระหนกจนแทบจะขวัญหนีดีฝ่อแล้ว
ดูจากท่าทางที่ดึงเอาราชสำนักเข้ามาเกี่ยวข้องนี้แล้ว หากวิญญูชนดึงเอาจุดประสงค์ของสำนักศึกษามาพูดอีก พวกเขาจะไม่เจอกับหายนะที่มิอาจพลิกฟื้นกลับคืนมาอีกเลยหรือ?
หญิงชราลงไปนั่งคุกเข่าเอ่ยขอร้องก่อน ถ้อยคำที่กล่าวก็ไม่พ้นทำนองว่า วันหน้าไม่กล้าทำผิดอีกแล้ว
ผู้ฝึกตนเฒ่าก็ค้อมเอวคารวะ บอกว่าตนผิดต่อความไว้วางใจที่ราชสำนักมีให้ วันหน้าจะต้องอุทิศตนทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ
จงขุยแค่นเสียงเย็น “เห็นแก่ที่พวกเจ้าเพิ่งทำความผิดเป็นครั้งแรก จะยกหน้าที่นี้ให้เจ้าแม่เทพวารีเป็นคนจัดการ”
คนทั้งสองรีบลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หันไปขอรับผิดจากเจ้าแม่เทพวารี
จงขุยเห็นพวกเขาแล้วรู้สึกขวางหูขวางตาจึงโบกชายแขนเสื้อตวาดว่า “ยังไม่รีบกลับไปปิดประตูทบทวนตัวเองที่ศาลอีก อย่ามาอยู่ตรงนี้ให้อับอายขายหน้าผู้คน!”
คนทั้งสองจึงจากไปอย่างกระเซอะกระเซิง
จงขุยหันไปพูดกับหญิงสาวร่างเล็กเตี้ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ในฐานะเทพวารีลำคลองหมายเหอ ได้รับการเคารพบูชาจากชาวบ้านนับหมื่น จะดีจะชั่วเจ้าก็ควรจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาเสียบ้าง อย่าเอาแต่จ้องจะจัดการจับปีศาจลำคลองตนนั้น เรื่องควันธูปขององค์เทพ ไม่ใช่แค่รบราฆ่าฟันกันอย่างเดียว หากชาวบ้านที่มาจุดธูปมีจิตศรัทธาอย่างแท้จริง ต่อให้หนึ่งปีมีธูปแค่ก้านเดียว ควันธูปก็ไม่มีทางขาดหาย แต่หากคนในเขตการปกครองมีแต่ความละโมบ คนที่มาจุดธูปมีแต่ใจเห็นแก่ได้ ไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสักเท่าไหร่ จะเป็นอย่างไร? ควันธูปหลายร้อยปี หมอกควันลอยแผ่เต็มฟ้า ขนาดยามค่ำคืนยังมีคนหลายร้อยมารออยู่ข้างนอกหวังได้เข้ามาจุดธูปในศาล บารมียิ่งใหญ่กว่าศาลบุ๋นและศาลเทพอภิบาลเมืองของเมืองเซิ่นจิ่งด้วยซ้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วควันธูปมีมากน้อยแค่ไหน หนักเบาเท่าไหร่ ทุกวันมีน้ำหนักกี่จิน คนธรรมดาไม่รู้ คนเฝ้าศาลก็ไม่รู้ แต่เจ้าในฐานะเทพวารีลำคลองหมายเหอจะไม่รู้ได้หรือ? หากไม่เป็นเพราะการดำรงอยู่ของตำหนักเจ้าแม่หลิงก่านช่วยเจ้ารวบรวมควันธูปและการเคารพบูชาจากสตรีแต่งงานแล้วที่มีจิตศรัทธาอย่างแท้จริงมาได้กลุ่มใหญ่ ป่านนี้เจ้าก็คงถูกปีศาจลำคลองที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาตนนั้นถอนรากถอนโคนศาลเทพวารี เหยียบย่ำจวนปี้โหยวจนเละเป็นหน้ากลองไปแล้ว!”
สตรีร่างเล็กเตี้ยรู้สึกกระดากใจและอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จงขุยไม่พูดอะไรอีก
ทะเลสาบในหัวใจของเฉินผิงอันสงบลงแล้ว การเดินทางไกลในใต้หล้าไพศาลทั้งสองครั้ง เวลาที่คนนอกพูดถึงอาจารย์ฉีและซิ่วไฉเฒ่าเหวินเซิ่งมีแค่สามครั้งเท่านั้น
เสิ่นเวินเทพอภิบาลเมืองของแคว้นไฉ่อีแจกันสมบัติทวีป นักพรตเฒ่าในพื้นที่มงคลดอกบัวพูดถึงเรื่องของการจัดลำดับ จากนั้นก็เป็นเจ้าแม่เทพวารีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าหลังจากได้อ่านหนังสือของซิ่วไฉเฒ่าแล้วนางจะกลายเป็น…ผู้ศรัทธาในตัวซิ่วไฉเฒ่าเหวินเซิ่ง อีกทั้งยังไม่ใช่ความเลื่อมใสศรัทธาธรรมดา แต่แทบจะใกล้เคียงกับความหลงใหล ขนาดเฉินผิงอันก็ยังไม่กล้าพูดว่าความรู้ของอาจารย์ผู้เฒ่า ต่อให้เอาไปเทียบกับปรมาจารย์มหาปราชญ์ก็ยังแค่พอจะสูสีกันเท่านั้น ปีนั้นตอนที่ชุยตงซานพูดถึงอดีตอาจารย์ของตนก็ยังบอกแค่ว่าเหวินเซิ่งรอบรู้ ประหนึ่งดวงตะวันกลางนภาในสายตาของบัณฑิตทุกคนในโลก แต่ไม่เคยเอาไปเปรียบเทียบกับอริยะคนใดที่มีรูปปั้นตั้งอยู่ในศาลบุ๋น
แล้วนับประสาอะไรกับที่การที่สำนักศึกษาต้าฝูอัญเชิญตำราเล่มหนึ่งของลัทธิขงจื๊อออกมาบูชาไว้ในศาลสักแห่ง ต้องเกี่ยวพันไปถึงรากฐานร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง นอกจากนี้ยังเกี่ยวพันกับการเลื่อนขั้นจวนเป็นตำหนักที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน
สำหรับการตัดสินใจของสตรีร่างเล็กเตี้ยตรงหน้าผู้นี้ เฉินผิงอันทั้งรู้สึกตื่นตะลึง ไม่เข้าใจและทั้งดีใจจากใจจริง
ราวกับว่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่มากมายดุจน้ำในมหาสมุทร แล้วในที่สุดก็ได้พบเจอกับคนที่เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน
จงขุยหันมาพูดกับเฉินผิงอัน “รู้หรือไม่ว่าทำไมเหตุผลถึงใช้ได้ผล? ไม่เพียงแต่เรื่องที่ตบคนไปสองที แล้วก็ไม่ใช่แค่เพราะสถานะวิญญูชนของข้าด้วย”
เฉินผิงอันอยากรู้จริงๆ จึงถามอย่างจริงใจ “ช่วยอธิบายที”
จงขุยพูดด้วยสีหน้าฮึกเหิม “เป็นความดีความชอบของการนำตำราอริยะปราชญ์เล่มแล้วเล่มเล่าในสำนักศึกษาลัทธิขงจื๊อของพวกเรามาสั่งสอนให้แก่ความรู้ผู้คนนานนับพันปี สำนักศึกษาทั้งเจ็ดสิบสองแห่งตั้งตระหง่านอยู่ในเก้าทวีปใหญ่ เป็นเหตุให้ผู้คนทั้งบนและล่างภูเขาเกิดความเคารพยำเกรง หากพวกอาจารย์ของสำนักศึกษาเอาแต่อาศัยพละกำลัง แน่นอนว่าผู้คนย่อมเลื่อมใสแต่ปาก แต่ไม่ได้เลื่อมใสจากใจจริง มีแต่จะสะสมความไม่พอใจเอาไว้ ข้าจงขุยก็แค่อาศัยร่มเงาจากต้นไม้ที่บรรพชนปลูกไว้ก็เท่านั้น”
เฉินผิงอันรู้สึกแปลกๆ
คำพูดและการกระทำของจงขุยตอนนี้แตกต่างจากเวลาปกติราวฟ้ากับเหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!