กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 347

สรุปบท บทที่ 347.1 อาจารย์พูดถึงลำดับขั้นตอน เทพวารีสร้างโอสถทอง: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 347.1 อาจารย์พูดถึงลำดับขั้นตอน เทพวารีสร้างโอสถทอง – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 347.1 อาจารย์พูดถึงลำดับขั้นตอน เทพวารีสร้างโอสถทอง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 347.1 อาจารย์พูดถึงลำดับขั้นตอน เทพวารีสร้างโอสถทอง
ProjectZyphon
ยามหนึ่งมนุษย์ ยามสองไฟ ยามสามผีเร่ร่อน ยามสี่ขโมย ยามห้าไก่ขัน ใต้ฟ้าสว่างเป็นสีขาว

ยามสามของคืนนี้ บรรยากาศในลำคลองหมายเหออึมครึมน่าสะพรึงกลัว

ทางฝั่งของจุดพักม้า บางทีอาจเป็นเพราะมีกองทัพม้าเหล็กตระกูลเหยาเฝ้าอยู่ที่นี่ ทหารมีปราณของการเข่นฆ่าที่น่าเกรงขาม จึงเป็นการสกัดกั้นกลิ่นอายที่น่าขนลุกขนชั้นนั้นไว้ได้โดยที่มองไม่เห็น

เหยาจิ้นจือฝึกวิชาเงินทองอยู่ในห้องของตัวเอง วิชานี้ภาษาชาวบ้านเรียกว่าป่าไข่มุกเพลิง เป็นหนึ่งในวิชาลับบนภูเขา อันที่จริงไม่ถือว่าเป็นวิชาที่เข้าขั้นอย่างแท้จริง เหยาจิ้นจือเจอมาจากในหอตำราตอนยังเป็นเด็กโดยบังเอิญ หลายปีมานี้จึงเอามาใช้เป็นงานอดิเรกฆ่าเวลา วิชาเงินทองนี้จะใช้เหรียญทองแดงสามเหรียญโยนเพื่อขอคำทำนาย บ้างก็ใช้เหรียญหกเหรียญ โดยการใส่เหรียญทองแดงหกเหรียญไว้ในกระบอกไม้ไผ่ หลังจากเทเหรียญทองแดงออกมาแล้วก็ดูว่าเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง ถามถึงอนาคต แล้วทำนายออกมาว่าดีหรือร้าย บางครั้งก็แม่นยำ บางครั้งก็ไม่ ซึ่งอันที่จริงแล้วตัวเหยาจิ้นจือเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่

วันนี้นางใช้เหรียญสามเหรียญถามว่าการเดินทางเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ของตนจะเป็นอย่างไร ผลออกมาว่ามหามงคล

ก่อนจะใช้เหรียญหกเหรียญถามว่าชะตาแคว้นของสกุลหลิวต้าเฉวียนจะสั้นหรือยาว

หลังจากนั้นก็ทยอยเก็บเหรียญทองแดงมาทีละเหรียญ ใบหน้าเหยาจิ้นจือเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ ครุ่นคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ ได้แต่ตำหนิตัวเองว่าเดิมทีการถามสวรรค์ ถามผีและเทพก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว นางจึงไม่มัวเสียอารมณ์อยู่กับผลลัพธ์ทั้งสองครั้งนี้อีก ลุกขึ้นเดินมาที่หน้าต่าง เห็นว่าเหยาหลิ่งจือกำลังฝึกวิชาดาบ ห่างออกไปไกลอีกนิด ในห้องห้องหนึ่งยังจุดไฟสว่างโร่ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเหยาเซียนจือกำลังจุดตะเกียงอ่านตำราพิชัยยุทธ

นางกลับมานั่งข้างโต๊ะ คิดว่าหลังจากนี้ควรจะไปเล่นหมากล้อมกับท่านหลูผู้นั้นบ่อยๆ นำของเล็กๆ น้อยๆ ฝีมือประณีตมอบให้เด็กหญิงที่ชื่อว่าเผยเฉียนสักสองสามชิ้น แล้วก็ยังต้องหาโอกาสมอบของชิ้นหนึ่งที่ถูกกาละเทศะและเหมาะสมให้กับข้ารับใช้หนุ่มของสกุลหลิว เพราะในฐานะที่เป็นสตรี นางมองความในใจที่ซ่อนไว้ในจุดลึกของดวงตาเส้ายวนหรานออก เพียงแต่ว่าทั้งๆ ที่นางมองออก นางกลับแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้นางเคยพูดคุยกับผู้ฝึกตนหนุ่มคนนั้นแค่สองสามคำเท่านั้น รวมไปถึงมีครั้งหนึ่งที่จงใจมองไปทางแผ่นหลังของคนผู้นั้น จะว่าไปแล้วผู้รับใช้จักรพรรดิหนุ่มคนนั้นก็น่าขำ เขาคิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้านาง สีหน้าที่เย็นชาของตัวเองจะสามารถปกปิดทุกอย่างได้ นางมั่นใจได้เลยว่าการจ้องมองอย่าง ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ ครั้งนั้นของตน มากพอจะทำให้ผู้ฝึกตนปณิธานสูงส่งคนหนึ่งเกิดริ้วกระเพื่อมไหวในใจได้

เหยาจิ้นจือเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า การกระทำมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดนับพันนับหมื่น แล้วนับประสาอะไรกับที่คำพูดของคน เดิมทีก็ไม่ได้มากมายอยู่แล้ว ฟังเข้าหูหรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง จะเข้าสู่ใจคนได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สตรีที่มีรูปโฉมงามเลิศล้ำ บุรุษที่กุมอำนาจสำคัญไว้ในมือ เดิมทีก็เป็นข้อได้เปรียบตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

พอเหยาจิ้นจือคิดถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกอัดอั้นเล็กน้อย เหตุใดคนบางคนถึงสามารถอยู่ร่วมกับตนได้ด้วยจิตใจที่สงบนิ่งมั่นคงอย่างแท้จริง?

……

ตั้งแต่ดึกดื่นค่อนคืนจนฟ้าใกล้จะสาง จูเหลี่ยนเฝ้าอยู่ตรงริมลำคลองหมายเหอตลอดเวลาไม่ไปไหน

เมื่อคืนนี้มีเรื่องประหลาดมากมายเกิดขึ้น ตอนแรกก็เป็นนังหนูเผยเฉียนที่พูดจาเหลวไหลบอกว่ามองเห็นสะพานสีทองเหนือลำคลอง จากนั้นเฉินผิงอันก็หยุดท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู บอกว่าต้องการให้เขากับเผยเฉียนกลับจุดพักม้าไปก่อน แล้วเฉินผิงอันก็กระโดดลงไปในลำคลองหมายเหอ เผยเฉียนไม่พูดพร่ำทำเพลงก็กระโดดตามไปติดๆ หลังจากนั้นน้ำในลำคลองหมายเหอก็เกิดน้ำวนขึ้นมาลูกหนึ่งอย่างหน้าอัศจรรย์ใจ ปราณวิญญาณบนผิวน้ำเปี่ยมล้นจนจูเหลี่ยนรู้สึกไม่สบายตัว น้ำวนลูกนั้นห่อหุ้มเฉินผิงอันและเผยเฉียนไว้ข้างใน มันปรากฏตัวอย่างกะทันหันแล้วก็หายไปอย่างฉับพลัน ทิ้งไว้เพียงเรือนกายพร่าเลือนของสตรีร่างเล็กเตี้ยคนหนึ่งให้จูเหลี่ยนได้เห็น

ได้ยินว่าใบถงทวีปเป็นเพียงแค่หนึ่งในเก้าทวีปใหญ่ของใต้หล้าไพศาล

ฟ้าดินกว้างใหญ่ แล้วใหญ่แค่ไหน

ผู้ฝึกตนสูงส่ง แล้วสูงส่งแค่ไหน

ก่อนหน้านี้จูเหลี่ยนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาเหมือนกับคนรวยของอำเภอแห่งหนึ่งที่จู่ๆ ไปเยือนเมืองหลวง แล้วพบว่าเงินน้อยนิดในกระเป๋าตนซื้ออะไรไม่ได้สักอย่าง จึงอดผิดหวังและห่อเหี่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ว่าความคิดเหล่านี้ถูกจูเหลี่ยนเก็บกวาดปัดเป่าให้สะอาดเอี่ยมอย่างว่องไว กลับกลายเป็นว่าเกิดความฮึกเหิมและปณิธานที่อัดแน่นเต็มทรวงอก อย่าเห็นว่าวันๆ จูเหลี่ยนเอาแต่ยิ้มตาหยีตามก้นเฉินผิงอันต้อยๆ เพราะหลายวันมานี้ตบะบนวิถีวรยุทธ์ของเขาทะยานรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีหยุดพักเลยสักนาทีเดียว

คนอื่นๆ อีกสามคนก็ไม่ด้อยไปกว่าจูเหลี่ยวน เว่ยเซี่ยนกำลังมองสำรวจตรวจตราใต้หล้าแห่งนี้อย่างละเอียด มองฟ้าดินจากจุดที่ละเอียดอ่อนที่สุด สุยโย่วเปียนปิดด่านเพื่อบรรลุวิชากระบี่อยู่ในห้องโดยสารรถม้า หลูป๋ายเซี่ยงก็ยิ่งมีพรสวรรค์เลิศล้ำ ทั้งพิณ หมากล้อม พู่กัน ภาพวาด ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เชี่ยวชาญ

นี่ก็คือข้อได้เปรียบที่มองไม่เห็นของพวกจูเหลี่ยน หลูป๋ายเซี่ยงสี่คน

ทุกคนต่างก็เคยเป็นอันดับหนึ่ง เคยเป็นผู้ไร้เทียมทานในโลกมาเหมือนกันโดยไม่มีข้อยกเว้น ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์บริสุทธิ์เต็มตัว สภาพจิตใจแทบจะใกล้เคียงกับคำว่าไร้ตำหนิ คู่ควรกับคำว่า ‘บริสุทธิ์เต็มตัว’ มากที่สุด

และในบรรดาคนทั้งสี่นี้ก็แอบมีการงัดข้อกันอย่างลับๆ

ดูว่าใครจะสามารถฝ่าคอขวดขอบเขตเจ็ดไปได้ก่อนกัน

ขอแค่เลื่อนสู่ขอบเขตร่างทอง ขอบเขตที่แปดทะยานลมและขอบเขตที่เก้ายอดเขา สำหรับพวกเขาแล้วล้วนไม่มีธรณีประตูบานใหญ่กั้นขวาง อยู่แค่ว่าจะใช้เวลาช้าหรือเร็วเท่านั้น

จูเหลี่ยนเงยหน้ามองสีท้องฟ้าแล้วเริ่มเดินย้อนกลับไปทางเดิม ในมือชั่งน้ำหนักหินไข่ห่านก้อนหนึ่ง ถูมันเข้ากับฝ่ามือเบาๆ เศษหินหล่นร่วงลงมา ก่อนจะถูกลมเย็นพัดพาให้สลายหายไป

คนทั้งสี่นอกจากคอขวดของวิถีวรยุทธ์แล้ว แน่นอนว่าทุกคนย่อมไม่พอใจโซ่ตรวนที่พันธนาการกาย อย่าลืมว่าเว่ยเซี่ยนคือฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นหนันเยวี่ยน หลูป๋ายเซี่ยงคือบรรพบุรุษผู้บุกเบิกภูเขาลัทธิมาร สุยโย่วเปียนก็ยิ่งเป็นเซียนกระบี่หญิงที่แม้แต่กฎเกณฑ์ของพื้นที่มงคล นางก็ยังคิดจะใช้หนึ่งกระบี่แหวกผ่าออกไป หากจะบอกว่าคนทั้งสี่ศิโรราบทั้งกายและใจ เต็มใจจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้คนหนุ่มที่ได้ครอบครองม้วนภาพวาดทั้งสี่ฉบับนั้น อย่าว่าแต่เฉินผิงอันเลย เกรงว่าต่อให้เป็นเด็กหญิงที่ชื่อว่าเผยเฉียนคนนั้นก็คงไม่เชื่อ

เพียงแต่เหตุการณ์ตอนอยู่ในโรงเตี๊ยม ทำให้คนทั้งสี่เกิดความประทับใจที่ลึกล้ำต่อเฉินผิงอัน

จูเหลี่ยนกำหินที่อยู่ในฝ่ามือแน่น พูดพึมพำกับตัวเองว่า “ดูจากท่าทางเป็นธรรมชาติที่เฉินผิงอันแสดงออกมาในเวลานี้ หลูป๋ายเซี่ยงน่าจะเป็นคนที่เปิดเผยความจริงเร็วที่สุด ดังนั้นคนทั้งสองถึงได้ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนี้?”

จงขุยวาดยันต์สยบกระบี่ที่ชวนอกสั่นขวัญผวาแผ่นนั้นเสร็จ แล้วเดินตามอาจารย์ไปจากลำคลองหมายเหอ โชคชะตาแม่น้ำและภูเขาของจวนปี้โหยวจึงค่อยๆ กลับมามั่นคงดังเดิม เผยเฉียนที่สาวใช้อายุน้อยพาออกไปเล่นก็ย้อนกลับมาที่ห้องโถงใหญ่

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่หน้าผนังบังตา เผยเฉียนเพิ่งจะคืนน้ำจากลำคลองหมายเหอหนึ่งกอบมือกลับไป กลับมองเห็นว่าภาพควันธูปบนผนังลอยสะเปะสะปะ น้ำในลำคลองโถมซัดสาดราวกับว่าอีกเดี๋ยวน้ำเหล่านั้นจะทะลักทลายออกมานอกกำแพงหิน ท่วมทับจวน เผยเฉียนตกใจสะดุ้งโหยง ร้องโวยวายว่าจะกลับไปอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน สาวใช้ผีพรายที่ในอดีตต้องตายอย่างอยุติธรรมในลำคลองหมายเหอถูกเจ้าแม่เทพวารีใช้วิชาอภินิหารขับไล่ออกไปจากจวนแล้ว ทิ้งเผยเฉียนให้ยืนเดียวดายอยู่ตรงผนังบังตาเพียงลำพัง นางจึงร้องไห้จ้า ร้องจนเสียงแหบแห้ง

ตอนนี้กลับมาถึงห้องโถงใหญ่ บนใบหน้าของเผยเฉียนจึงยังเหลือคราบน้ำตา ยืนอยู่ตรงธรณีประตูอย่างขลาดๆ ไม่กล้าเข้ามาข้างใน สายตาแค่นี้นางยังพอจะมีอยู่บ้าง รู้ว่าเฉินผิงอันกำลังพูดคุยธุระอยู่กับคนอื่น หากคราวนี้นางบุกเข้าไป ทำให้เฉินผิงอันโมโห คราวก่อนมีจงขุยช่วยพูดให้ แต่คราวนี้ไม่มีใครช่วยพูดผดุงคุณธรรมแทนนางแล้ว

เฉินผิงอันหันมาถาม “เป็นอะไรไป?”

ความโดดเด่นของพรสวรรค์เผยเฉยอยู่เหนือขอบเขตของห้าธาตุไปนานแล้ว ดังนั้นเวลาจูเหลี่ยนมองเผยเฉียนก็จะรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์ แม้แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่เหยาจิ้นจือซื้อเหรียญทองแดงก็ยังคิดในใจว่า เด็กหญิงอาจจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านวิชาการทำนายพยากรณ์ ขอแค่ติดตามนางเล่าเรียนวิชาพยากรณ์ก็จะเปลืองแรงน้อยแต่ได้ผลมาก

มีเพียงวิญญูชนจงขุยคนเดียวที่มองได้รอบด้านและลึกล้ำมากกว่า

น่าเสียดายก็แต่เผยเฉียนมาเจอกับเฉินผิงอันที่ไม่เต็มใจอยากพูดเรื่องเหตุผลหลักการกับนาง ส่วนเรื่องการฝึกวรยุทธ์หรือฝึกบำเพ็ญตนนั้น เผยเฉียนก็ยิ่งไม่ต้องคาดหวัง

ทุกวันนี้นังหนูคนนี้ติดตามเฉินผิงอันขึ้นเขาลงห้วย ขอแค่บนหน้าผากได้แปะยันต์ที่มีมูลค่าเท่ากับบ้านหลังหนึ่ง นางก็ดีอกดีใจอย่างยิ่งยวด เดินไกลแค่ไหนก็ไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว

นี่น่าจะเป็นดั่งคำว่าสิ่งหนึ่งสยบสิ่งหนึ่งได้เสมอ

เผยเฉียนติดตามจูเหลี่ยนฝึกวรยุทธ์ก็ดี อยู่ในจวนปี้โหยวต่อเพื่อเป็นเทพวารีลำคลองหมายเหอก็ช่าง ไม่ว่าความสำเร็จของนางจะสูงแค่ไหนก็ไม่ต้องคาดหวังว่านางจะซาบซึ้งในบุญคุณของจูเหลี่ยนและเทพวารี ไม่แน่ว่าวันใดเกิดทะเลาะกันขึ้นมา พวกเขาอาจถูกเผยเฉียนตบตายด้วยฝ่ามือเดียว หลังจบเรื่องนางยังรู้สึกว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว พวกเจ้าทำให้ข้าโมโห ความสามารถของข้ายังเหนือกว่าเจ้า ไม่ฆ่าพวกเจ้า หรือจะยังต้องเก็บพวกเจ้าไว้ข้างกายให้เกะกะสายตา?

เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ความคิดของเผยเฉียนกลับต่างออกไป ซึ่งเป็นเพียงกับเฉินผิงอันคนเดียวเท่านั้น

แต่คนทั้งสองที่เป็นคนในเหตุการณ์ไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น

เจ้าแม่เทพวารีโบกมือ สาวใช้ก็ถอยออกไปเงียบๆ

เจ้าแม่เทพวารีถึงถามว่า “เฉินผิงอัน ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา เจ้าเองก็เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจงขุยคงไม่คบหากับเจ้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะพูดตามตรงเลยนะ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “เจ้าแม่เทพวารีเชิญพูดได้เลย”

เจ้าแม่เทพวารีสีหน้าเคร่งเครียดคล้ายกำลังคิดหาคำพูดเพราะมีเรื่องใหญ่ที่ต้องปรึกษา

เฉินผิงอันไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด ตามหลักแล้วหากเป็นเรื่องการเลื่อนขั้นจากจวนเป็นตำหนัก จงขุยได้ช่วยจัดการให้อย่างมั่นคงแล้ว จวนปี้โหยวไม่ควรมีเรื่องยุ่งยากอะไรอีกถึงจะถูก แต่ในเมื่อนางทำท่าจริงจังเช่นนี้ เฉินผิงอันจึงรอฟังอย่างสงบ

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!