ยามสามของคืนนี้ บรรยากาศในลำคลองหมายเหออึมครึมน่าสะพรึงกลัว
ทางฝั่งของจุดพักม้า บางทีอาจเป็นเพราะมีกองทัพม้าเหล็กตระกูลเหยาเฝ้าอยู่ที่นี่ ทหารมีปราณของการเข่นฆ่าที่น่าเกรงขาม จึงเป็นการสกัดกั้นกลิ่นอายที่น่าขนลุกขนชั้นนั้นไว้ได้โดยที่มองไม่เห็น
เหยาจิ้นจือฝึกวิชาเงินทองอยู่ในห้องของตัวเอง วิชานี้ภาษาชาวบ้านเรียกว่าป่าไข่มุกเพลิง เป็นหนึ่งในวิชาลับบนภูเขา อันที่จริงไม่ถือว่าเป็นวิชาที่เข้าขั้นอย่างแท้จริง เหยาจิ้นจือเจอมาจากในหอตำราตอนยังเป็นเด็กโดยบังเอิญ หลายปีมานี้จึงเอามาใช้เป็นงานอดิเรกฆ่าเวลา วิชาเงินทองนี้จะใช้เหรียญทองแดงสามเหรียญโยนเพื่อขอคำทำนาย บ้างก็ใช้เหรียญหกเหรียญ โดยการใส่เหรียญทองแดงหกเหรียญไว้ในกระบอกไม้ไผ่ หลังจากเทเหรียญทองแดงออกมาแล้วก็ดูว่าเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง ถามถึงอนาคต แล้วทำนายออกมาว่าดีหรือร้าย บางครั้งก็แม่นยำ บางครั้งก็ไม่ ซึ่งอันที่จริงแล้วตัวเหยาจิ้นจือเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องนี้สักเท่าไหร่
วันนี้นางใช้เหรียญสามเหรียญถามว่าการเดินทางเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ของตนจะเป็นอย่างไร ผลออกมาว่ามหามงคล
ก่อนจะใช้เหรียญหกเหรียญถามว่าชะตาแคว้นของสกุลหลิวต้าเฉวียนจะสั้นหรือยาว
หลังจากนั้นก็ทยอยเก็บเหรียญทองแดงมาทีละเหรียญ ใบหน้าเหยาจิ้นจือเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ ครุ่นคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ ได้แต่ตำหนิตัวเองว่าเดิมทีการถามสวรรค์ ถามผีและเทพก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว นางจึงไม่มัวเสียอารมณ์อยู่กับผลลัพธ์ทั้งสองครั้งนี้อีก ลุกขึ้นเดินมาที่หน้าต่าง เห็นว่าเหยาหลิ่งจือกำลังฝึกวิชาดาบ ห่างออกไปไกลอีกนิด ในห้องห้องหนึ่งยังจุดไฟสว่างโร่ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเหยาเซียนจือกำลังจุดตะเกียงอ่านตำราพิชัยยุทธ
นางกลับมานั่งข้างโต๊ะ คิดว่าหลังจากนี้ควรจะไปเล่นหมากล้อมกับท่านหลูผู้นั้นบ่อยๆ นำของเล็กๆ น้อยๆ ฝีมือประณีตมอบให้เด็กหญิงที่ชื่อว่าเผยเฉียนสักสองสามชิ้น แล้วก็ยังต้องหาโอกาสมอบของชิ้นหนึ่งที่ถูกกาละเทศะและเหมาะสมให้กับข้ารับใช้หนุ่มของสกุลหลิว เพราะในฐานะที่เป็นสตรี นางมองความในใจที่ซ่อนไว้ในจุดลึกของดวงตาเส้ายวนหรานออก เพียงแต่ว่าทั้งๆ ที่นางมองออก นางกลับแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้นางเคยพูดคุยกับผู้ฝึกตนหนุ่มคนนั้นแค่สองสามคำเท่านั้น รวมไปถึงมีครั้งหนึ่งที่จงใจมองไปทางแผ่นหลังของคนผู้นั้น จะว่าไปแล้วผู้รับใช้จักรพรรดิหนุ่มคนนั้นก็น่าขำ เขาคิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้านาง สีหน้าที่เย็นชาของตัวเองจะสามารถปกปิดทุกอย่างได้ นางมั่นใจได้เลยว่าการจ้องมองอย่าง ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ ครั้งนั้นของตน มากพอจะทำให้ผู้ฝึกตนปณิธานสูงส่งคนหนึ่งเกิดริ้วกระเพื่อมไหวในใจได้
เหยาจิ้นจือเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า การกระทำมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดนับพันนับหมื่น แล้วนับประสาอะไรกับที่คำพูดของคน เดิมทีก็ไม่ได้มากมายอยู่แล้ว ฟังเข้าหูหรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง จะเข้าสู่ใจคนได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สตรีที่มีรูปโฉมงามเลิศล้ำ บุรุษที่กุมอำนาจสำคัญไว้ในมือ เดิมทีก็เป็นข้อได้เปรียบตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
พอเหยาจิ้นจือคิดถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกอัดอั้นเล็กน้อย เหตุใดคนบางคนถึงสามารถอยู่ร่วมกับตนได้ด้วยจิตใจที่สงบนิ่งมั่นคงอย่างแท้จริง?
……
ตั้งแต่ดึกดื่นค่อนคืนจนฟ้าใกล้จะสาง จูเหลี่ยนเฝ้าอยู่ตรงริมลำคลองหมายเหอตลอดเวลาไม่ไปไหน
เมื่อคืนนี้มีเรื่องประหลาดมากมายเกิดขึ้น ตอนแรกก็เป็นนังหนูเผยเฉียนที่พูดจาเหลวไหลบอกว่ามองเห็นสะพานสีทองเหนือลำคลอง จากนั้นเฉินผิงอันก็หยุดท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู บอกว่าต้องการให้เขากับเผยเฉียนกลับจุดพักม้าไปก่อน แล้วเฉินผิงอันก็กระโดดลงไปในลำคลองหมายเหอ เผยเฉียนไม่พูดพร่ำทำเพลงก็กระโดดตามไปติดๆ หลังจากนั้นน้ำในลำคลองหมายเหอก็เกิดน้ำวนขึ้นมาลูกหนึ่งอย่างหน้าอัศจรรย์ใจ ปราณวิญญาณบนผิวน้ำเปี่ยมล้นจนจูเหลี่ยนรู้สึกไม่สบายตัว น้ำวนลูกนั้นห่อหุ้มเฉินผิงอันและเผยเฉียนไว้ข้างใน มันปรากฏตัวอย่างกะทันหันแล้วก็หายไปอย่างฉับพลัน ทิ้งไว้เพียงเรือนกายพร่าเลือนของสตรีร่างเล็กเตี้ยคนหนึ่งให้จูเหลี่ยนได้เห็น
ได้ยินว่าใบถงทวีปเป็นเพียงแค่หนึ่งในเก้าทวีปใหญ่ของใต้หล้าไพศาล
ฟ้าดินกว้างใหญ่ แล้วใหญ่แค่ไหน
ผู้ฝึกตนสูงส่ง แล้วสูงส่งแค่ไหน
ก่อนหน้านี้จูเหลี่ยนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาเหมือนกับคนรวยของอำเภอแห่งหนึ่งที่จู่ๆ ไปเยือนเมืองหลวง แล้วพบว่าเงินน้อยนิดในกระเป๋าตนซื้ออะไรไม่ได้สักอย่าง จึงอดผิดหวังและห่อเหี่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ว่าความคิดเหล่านี้ถูกจูเหลี่ยนเก็บกวาดปัดเป่าให้สะอาดเอี่ยมอย่างว่องไว กลับกลายเป็นว่าเกิดความฮึกเหิมและปณิธานที่อัดแน่นเต็มทรวงอก อย่าเห็นว่าวันๆ จูเหลี่ยนเอาแต่ยิ้มตาหยีตามก้นเฉินผิงอันต้อยๆ เพราะหลายวันมานี้ตบะบนวิถีวรยุทธ์ของเขาทะยานรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีหยุดพักเลยสักนาทีเดียว
คนอื่นๆ อีกสามคนก็ไม่ด้อยไปกว่าจูเหลี่ยวน เว่ยเซี่ยนกำลังมองสำรวจตรวจตราใต้หล้าแห่งนี้อย่างละเอียด มองฟ้าดินจากจุดที่ละเอียดอ่อนที่สุด สุยโย่วเปียนปิดด่านเพื่อบรรลุวิชากระบี่อยู่ในห้องโดยสารรถม้า หลูป๋ายเซี่ยงก็ยิ่งมีพรสวรรค์เลิศล้ำ ทั้งพิณ หมากล้อม พู่กัน ภาพวาด ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เชี่ยวชาญ
นี่ก็คือข้อได้เปรียบที่มองไม่เห็นของพวกจูเหลี่ยน หลูป๋ายเซี่ยงสี่คน
ทุกคนต่างก็เคยเป็นอันดับหนึ่ง เคยเป็นผู้ไร้เทียมทานในโลกมาเหมือนกันโดยไม่มีข้อยกเว้น ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์บริสุทธิ์เต็มตัว สภาพจิตใจแทบจะใกล้เคียงกับคำว่าไร้ตำหนิ คู่ควรกับคำว่า ‘บริสุทธิ์เต็มตัว’ มากที่สุด
และในบรรดาคนทั้งสี่นี้ก็แอบมีการงัดข้อกันอย่างลับๆ
ดูว่าใครจะสามารถฝ่าคอขวดขอบเขตเจ็ดไปได้ก่อนกัน
ขอแค่เลื่อนสู่ขอบเขตร่างทอง ขอบเขตที่แปดทะยานลมและขอบเขตที่เก้ายอดเขา สำหรับพวกเขาแล้วล้วนไม่มีธรณีประตูบานใหญ่กั้นขวาง อยู่แค่ว่าจะใช้เวลาช้าหรือเร็วเท่านั้น
จูเหลี่ยนเงยหน้ามองสีท้องฟ้าแล้วเริ่มเดินย้อนกลับไปทางเดิม ในมือชั่งน้ำหนักหินไข่ห่านก้อนหนึ่ง ถูมันเข้ากับฝ่ามือเบาๆ เศษหินหล่นร่วงลงมา ก่อนจะถูกลมเย็นพัดพาให้สลายหายไป
คนทั้งสี่นอกจากคอขวดของวิถีวรยุทธ์แล้ว แน่นอนว่าทุกคนย่อมไม่พอใจโซ่ตรวนที่พันธนาการกาย อย่าลืมว่าเว่ยเซี่ยนคือฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นหนันเยวี่ยน หลูป๋ายเซี่ยงคือบรรพบุรุษผู้บุกเบิกภูเขาลัทธิมาร สุยโย่วเปียนก็ยิ่งเป็นเซียนกระบี่หญิงที่แม้แต่กฎเกณฑ์ของพื้นที่มงคล นางก็ยังคิดจะใช้หนึ่งกระบี่แหวกผ่าออกไป หากจะบอกว่าคนทั้งสี่ศิโรราบทั้งกายและใจ เต็มใจจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้คนหนุ่มที่ได้ครอบครองม้วนภาพวาดทั้งสี่ฉบับนั้น อย่าว่าแต่เฉินผิงอันเลย เกรงว่าต่อให้เป็นเด็กหญิงที่ชื่อว่าเผยเฉียนคนนั้นก็คงไม่เชื่อ
เพียงแต่เหตุการณ์ตอนอยู่ในโรงเตี๊ยม ทำให้คนทั้งสี่เกิดความประทับใจที่ลึกล้ำต่อเฉินผิงอัน
จูเหลี่ยนกำหินที่อยู่ในฝ่ามือแน่น พูดพึมพำกับตัวเองว่า “ดูจากท่าทางเป็นธรรมชาติที่เฉินผิงอันแสดงออกมาในเวลานี้ หลูป๋ายเซี่ยงน่าจะเป็นคนที่เปิดเผยความจริงเร็วที่สุด ดังนั้นคนทั้งสองถึงได้ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนี้?”
จงขุยวาดยันต์สยบกระบี่ที่ชวนอกสั่นขวัญผวาแผ่นนั้นเสร็จ แล้วเดินตามอาจารย์ไปจากลำคลองหมายเหอ โชคชะตาแม่น้ำและภูเขาของจวนปี้โหยวจึงค่อยๆ กลับมามั่นคงดังเดิม เผยเฉียนที่สาวใช้อายุน้อยพาออกไปเล่นก็ย้อนกลับมาที่ห้องโถงใหญ่
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่หน้าผนังบังตา เผยเฉียนเพิ่งจะคืนน้ำจากลำคลองหมายเหอหนึ่งกอบมือกลับไป กลับมองเห็นว่าภาพควันธูปบนผนังลอยสะเปะสะปะ น้ำในลำคลองโถมซัดสาดราวกับว่าอีกเดี๋ยวน้ำเหล่านั้นจะทะลักทลายออกมานอกกำแพงหิน ท่วมทับจวน เผยเฉียนตกใจสะดุ้งโหยง ร้องโวยวายว่าจะกลับไปอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน สาวใช้ผีพรายที่ในอดีตต้องตายอย่างอยุติธรรมในลำคลองหมายเหอถูกเจ้าแม่เทพวารีใช้วิชาอภินิหารขับไล่ออกไปจากจวนแล้ว ทิ้งเผยเฉียนให้ยืนเดียวดายอยู่ตรงผนังบังตาเพียงลำพัง นางจึงร้องไห้จ้า ร้องจนเสียงแหบแห้ง
ตอนนี้กลับมาถึงห้องโถงใหญ่ บนใบหน้าของเผยเฉียนจึงยังเหลือคราบน้ำตา ยืนอยู่ตรงธรณีประตูอย่างขลาดๆ ไม่กล้าเข้ามาข้างใน สายตาแค่นี้นางยังพอจะมีอยู่บ้าง รู้ว่าเฉินผิงอันกำลังพูดคุยธุระอยู่กับคนอื่น หากคราวนี้นางบุกเข้าไป ทำให้เฉินผิงอันโมโห คราวก่อนมีจงขุยช่วยพูดให้ แต่คราวนี้ไม่มีใครช่วยพูดผดุงคุณธรรมแทนนางแล้ว
เฉินผิงอันหันมาถาม “เป็นอะไรไป?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!