กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 346

บทที่ 346.2 ยันต์หกแผ่นของวิญญูชน ปราบผีสยบกระบี่
ProjectZyphon
เฉินผิงอันวางพวกมันลงบนโต๊ะเบาๆ ยิ้มตาหยีพูดว่า “ในเมื่อไม่เหนื่อย ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยวาดให้ข้าอีกสักสามแผ่น ให้ดีที่สุดแผ่นหนึ่งคือยันต์วิชาอสนี แผ่นหนึ่งคือยันต์นำทาง สามารถทำลายคาถาอำพรางตาในขอบเขตของภูเขาและแม่น้ำบางแห่งได้ อีกแผ่นหนึ่งคือยันต์ที่สามารถช่วยกักกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่เหมือนยันต์บ่อน้ำ”

เจ้าแม่เทพวารีเต็มไปด้วยความสงสัยไม่เข้าใจ คุณชายต่างถิ่นผู้นี้ไม่ได้แค่มีเงินธรรมดาเท่านั้น

จงขุยปาดเหงื่อบนหน้าผาก ทอดถอนใจกล่าวว่า “ช่างเถิดๆ เป็นคนดีแล้วก็ต้องเป็นให้ถึงที่สุด วาดอีกสามแผ่นก็สามแผ่น”

ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจได้ จงขุยเอ่ยเสียงหนักว่า “ข้าจะวาดยันต์ห้าอสนี ‘วิชาหลัก’ ที่เทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์เชี่ยวชาญให้เจ้าแผ่นหนึ่ง เดิมทีวิชาห้าอสนีก็อยู่ในตำแหน่งผู้นำของหมื่นวิชาอยู่แล้ว การสืบทอดของวิชาอสนีนั้นซับซ้อน ซึ่งมีภูเขามังกรพยัคฆ์เป็นสำนักดั้งเดิม เป็นวิชาหลัก อาจารย์ของข้าเคยเดินทางไปเยือนภูเขามังกรพยัคฆ์หลายครั้ง เคยได้เห็นเทียนซือใหญ่มาครั้งหนึ่ง จึงได้เรียนวิชาเขียนยันต์ห้าอสนีแผ่นหนึ่งพอดี ห้ามังกรคาบไข่มุกที่ซุกซ่อนสายฟ้า พลังอำนาจค่อนข้างจะ…”

เห็นสายตาประหลาดของเฉินผิงอัน

จงขุยก็ร้องโธ่เอ้ย แล้วพูดอย่างน่าสงสารว่า “จะให้ข้าพักสักครู่ก่อนจรดพู่กันเขียนอีกครั้งไม่ได้เลยหรือไง เขียนยันต์ระดับสูงสามแผ่นรวด เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะหยิบกระดาษยันต์ที่ดีขนาดนี้ออกมาตั้งสามแผ่น หากรู้แต่แรกข้าก็แกล้งทำตัวเป็นหลานไปแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มแล้วนั่งลง “ดื่มเหล้าแล้วรอให้จิตใจสงบค่อยวาดยันต์ก็ยังไม่สาย ข้าไม่เร่งรัดเจ้าก็แล้วกัน”

จงขุยถึงได้ผ่อนลมหายใจโล่งอก ดื่มเหล้าอึกใหญ่ หยิบยันต์กระดาษสีทองแผ่นนั้นแยกออกมาต่างหาก แล้ววางให้ตรง

เห็นเพียงว่าปลายพู่กันของเหล็กหมาดหิมะที่ลอยอยู่กลางอากาศเหนือกระดาษยันต์ไปหนึ่งฉื่อกว่ามีเสียงฟ้าร้องและมีสายฟ้าสีขาวประกายม่วงแลบปลาบ อยู่ใกล้ในระยะประชิด แต่กลับยังมีอานุภาพสะเทือนฟ้าถึงเพียงนี้

เจ้าแม่เทพวารีอกสั่นขวัญแขวน

วาดยันต์อสนีห้ามังกรคาบไข่มุกที่มีพลังอำนาจน่าพรั่นพรึงเสร็จแล้ว จงขุยก็วาดยันต์ทำลายอาคมพรางตาอีกแผ่นหนึ่ง

จากนั้นก็นั่งแปะลงไปบนเก้าอี้ เหม่อมองกระดาษยันต์สีเขียวแผ่นสุดท้ายนั่น

เฉินผิงอันพลันเข้าใจ จึงยื่นมือไปหยิบยันต์แผ่นนั้นมา ยิ้มพูดว่า “ช่างเถอะ ไม่แกล้งขู่เจ้าแล้ว ยันต์สองแผ่นก่อนหน้านี้ก็เพียงพอแล้ว”

สีหน้าของจงขุยเคร่งขรึม คว้าแขนข้างที่ใช้สองนิ้วคีบยันต์กระดาษสีเขียวของเฉินผิงอันเอาไว้ “ยันต์แผ่นนี้ข้าต้องวาด เพียงแต่ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมตัวให้ดีก่อนครู่หนึ่งถึงจะวาดลงไปอย่างระมัดระวังได้ หากวาดพลาด ต่อให้เจ้าเฉินผิงอันไม่ตีข้า ข้าก็ต้องด่าตัวเองแน่ๆ”

เฉินผิงอันถาม “จะวาดได้สำเร็จหรือ?”

จงขุยถามกลับ “ทำไมถึงจะวาดไม่สำเร็จ? แน่นอนว่าต้องสำเร็จ ข้าแค่รู้สึกว่ายันต์บ่อน้ำที่ธรรมดาแผ่นหนึ่ง หากทำได้แค่พันธนาการ กักขังกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ที่มีขอบเขตต่ำกว่าก่อกำเนิดถือเป็นการสิ้นเปลืองสมบัติสวรรค์เกินไป”

เฉินผิงอันเอ่ยชื่นชม “จงขุย พรสวรรค์ในการวาดยันต์ของเจ้าดีกว่าข้าเยอะเลย”

จงขุยกล่าวอย่างระอาใจ “เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวคนหนึ่ง บอกว่าตัวเองวาดยันต์สู้ข้าไม่ได้ เจ้าคิดว่าข้าควรจะดีใจไหม?”

เฉินผิงอันพูดไม่ออก แล้วก็เงียบเสียงไป ไม่รบกวนเวลาพักผ่อน หล่อเลี้ยงปราณแห่งความเที่ยงธรรมระหว่างหัวใจของจงขุยอีก

เพียงแต่ว่าในใจเขาก็ตัดสินใจได้อย่างหนึ่งแล้ว

จงขุยสูดลมหายใจเข้าลึก พูดกับเจ้าแม่เทพวารี “ส่งตัวภูตผีทั้งหมดในจวนออกไปจากจวนปี้โหยว รอให้ข้าวาดยันต์เสร็จแล้วค่อยให้พวกมันกลับมา”

แม้นางจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ก็ยังใช้วิชาอภินิหารของเทพวารีลำคลองหมายเหอ รวมไปถึงวิชาเฉพาะของจวนปี้โหยว ‘ขับไล่’ พ่อบ้าน หญิงรับใช้และคนงานทั้งหมดในจวนออกไปในเสี้ยววินาที

จงขุยยืนนิ่ง เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งถือเหล็กหมาดหิมะ ในชายแขนเสื้อสองข้างมีลมเย็นพัดดังพึ่บพั่บ

ทันใดนั้นทั้งจวนปี้โหยวก็เริ่มสั่นสะเทือนไม่หยุด สายน้ำใต้ดินโถมซัดสาดขึ้นๆ ลงๆ

เจ้าแม่เทพวารีพลันรู้สึกหายใจได้ยากลำบาก จึงถอยห่างไปด้านหลัง พยายามอยู่ให้ห่างจากวิญญูชนสำนักศึกษาต้าฝูท่านนี้ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวอย่างยิ่ง นางจึงพลิ้วกายออกไปจากห้องโถงใหญ่ ถึงรู้สึกดีขึ้นมาได้นิดหน่อย

นางกัดริมฝีปาก สายตาเลื่อนลอย

บัณฑิตที่ชื่อว่าจงขุยผู้นี้ต้องไม่ได้เป็นแค่วิญญูชนของสำนักศึกษาอย่างเดียวแน่นอน!

ตอนที่จงขุยจรดพู่กัน ปากก็ท่องเบาๆ ว่า “สะบัดชายแขนเสื้อกระบี่ผงาด ลำคลองแม่น้ำใสกระจ่าง ขุนเขาสี่ทิศแตกทลาย มหาสมุทรเก้าทวีปเดือดพล่าน”

หลังยันต์ถูกวาดเสร็จ จิตแห่งยันต์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในกลับจำแลงกายขึ้นมาอย่างชัดเจน นั่นคือเซียนกระบี่ชุดขาวที่สูงเท่าหนึ่งนิ้วมือท่านหนึ่ง เขาลอยตัวอยู่เหนือกระดาษยันต์ ชักกระบี่ออกมาอย่างว่องไวปราดเปรียว ปราณกระบี่ไหลเวียนวน รวดเร็วดุจฟ้าแลบ

จงขุยหน้าซีดขาวเล็กน้อย เก็บเหล็กหมาดหิมะลงไปแล้วกรอกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่ แม้ว่าจะเหนื่อยล้าสิ้นเรี่ยวแรง แต่รอยยิ้มกลับคลี่สยายเต็มใบหน้า “ยันต์แผ่นนี้ก็คือยันต์ที่ข้าภาคภูมิใจมากที่สุดในบรรดายันต์ที่ข้าสร้างขึ้นมา ตั้งชื่อให้ว่ายันต์สยบกระบี่ ใช้ปณิธานกระบี่ที่มากมหาศาลของเซียนกระบี่บรรพกาลท่านหนึ่งมาสยบกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของคนที่ต่ำกว่าห้าขอบเขตบนทั้งหมด กระดาษยันต์ดีเกินไป และยันต์นี้ที่ข้าวาดก็ดีเกินไป ไม่เหมือนยันต์บ่อน้ำอะไรนั่นที่ได้แค่กักกระบี่บินไว้ชั่วครู่ชั่วยาม หากยันต์สยบกระบี่แผ่นนี้ถูกเอาออกมาใช้จะสามารถช่วงชิงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของขอบเขตโอสถทองท่านหนึ่งมาได้โดยตรงเลย กระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดอาจจะกักไว้ไม่ได้นานนัก ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องฝ่ายันต์ออกมาได้ แต่จำไว้ว่ายันต์แผ่นนี้จะเอาออกมาใช้ง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด อย่าให้คนอื่นเห็นเข้า อาจารย์เคยกำชับข้าว่า ยันต์สยบกระบี่แผ่นนี้ไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ พุ่งเป้าเล่นงานผู้ฝึกกระบี่มากเกินไป ย่อมง่ายที่จะนำภัยมาสู่ตัว”

เฉินผิงอันรู้สึกละอายใจเล็กน้อย “ลำบากเจ้าแล้ว”

จงขุยโบกมือด้วยรอยยิ้ม ใช้เสียงในใจบอกกับเฉินผิงอันว่า “กระดาษยันต์แผ่นนี้คือกระดาษต้นฉบับที่อริยะใช้เขียนความรู้ของตัวเองลงไป เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน? ต่อให้เป็นอาจารย์ของข้า ตอนที่ออกมาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางก็ยังพกติดตัวไปแค่สามแผ่นเท่านั้น ตอนข้ามมหาสมุทรใช้ไปแผ่นหนึ่ง มาถึงใบถงทวีปใช้ไปอีกแผ่นหนึ่ง ตอนนี้เหลือแค่แผ่นเดียวแล้ว ของรักของหวงของท่านอาจารย์ ขนาดข้าก็ยังได้แค่มอง ไม่อาจสัมผัส ดังนั้นหากเขียนลงบนกระดาษยันต์สีทอง พลานุภาพของยันต์สยบกระบี่นี้ของข้าจะถูกลดขั้นลงไประดับใหญ่ อย่างมากสุดก็ได้แค่กักกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่โอสถทองเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปเท่านั้น”

จงขุยร้องว่าสะใจๆ แล้วก็เริ่มดื่มเหล้าอีกครั้ง

เฉินผิงอันบิดข้อมือแอบยื่นกระดาษยันต์แผ่นหนึ่งให้จงขุย

จงขุยอึ้งงันเป็นไก่ไม้ ถลึงตาพูด “เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง? ตอนที่ไม่รู้มูลค่าของมันก็ช่างเถอะ แต่ข้าบอกถึงระดับความล้ำค่าของมันให้เจ้ารู้แล้ว เจ้ายังทำเป็นเล่นแบบนี้? รีบเก็บกลับไปซะ!”

เฉินผิงอันไม่พูดไม่จา คลายนิ้วออก ปล่อยให้กระดาษยันต์สีเขียวแผ่นนั้นร่วงลงเบื้องล่าง จงขุยได้แต่รีบยื่นมือไปรับไว้แล้วเก็บเข้าไปในชายแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว

เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมา ชูขึ้นสูง เอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ “ขออวยพรให้การเดินทางไปเยือนภูเขาไท่ผิงของเจ้า สามารถกำจัดปีศาจปราบมารได้อย่างราบรื่น”

จงขุยขยับปากจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไร แค่หยิบถ้วยเหล้าขึ้นมาเงียบๆ ชนกับน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ในมือเฉินผิงอันเบาๆ ต่างคนต่างดื่มเหล้าอึกใหญ่

จงขุยดื่มเหล้าหมักที่อยู่ในถ้วยหมดแล้วก็ลุกขึ้น “ไปล่ะ”

เฉินผิงอันกุมหมัดน้อมส่งอีกฝ่าย

จงขุยกำลังจะจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!