กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 350

สรุปบท บทที่ 350.1: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 350.1 – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 350.1 ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 350.1 ลำคลองหมายเหอได้รับแต่งตั้งสายสืบทอดดั้งเดิม ยืมดาบศาลบู๊ วานรขาวสะพายกระบี่
ProjectZyphon

สตรีร่างเล็กเตี้ยสวมชุดหรูหราดั่งฮูหยินตราตั้งคนหนึ่งมาปรากฏตัวอยู่ริมลำคลองหมายเหอแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า

เมื่อตบะและขอบเขตของนางไต่ทะยานอย่างรวดเร็ว เจ้าแม่เทพวารีลำคลองหมายเหอจึงสามารถควบคุมชะตาสายน้ำสองริมฝั่งได้อย่างคล่องแคล่วถนัดมือมากขึ้น นี่ก็เหมือนขุนพลฝ่ายบู๊ที่บุกเบิกพื้นที่ ที่ใดที่กีบม้าควบไปถึงล้วนเป็นผืนแผ่นดินของบ้านเมือง

เดิมทีลำคลองหมายเหอก็เป็นลำคลองใหญ่เส้นหนึ่งที่แทบจะทอดขวางกินพื้นที่เกินครึ่งตั้งแต่ตะวันออกจรดตะวันตกของราชวงศ์ต้าเฉวียนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้อาศัยการหลอมอาวุธชิ้นหนึ่งจึงพอจะฝืนประคับประคองพลังอำนาจของลำคลองหมายเหอเอาไว้ได้ เมื่อนางเผชิญหน้ากับการก่อกวนจากปีศาจลำคลองที่ยังไม่เป็นขอบเขตโอสถทองตนหนึ่งก็ถือว่ากินแรงมากแล้ว หากบุ่มบ่ามเลื่อนจวนปี้โหยวเป็นตำหนักปี้โหยว อีกทั้งราชสำนักยังไม่ยินดีมอบโชคชะตาแคว้นส่วนหนึ่ง แล้วสั่งให้ผู้ฝึกตนของกองโหราศาสตร์เอามาใส่ไว้ในศาลเทพวารี

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เจ้าแม่เทพวารีท่านนี้ไม่ยอมตอบรับข้อเสนอ เพราะหากป้ายหน้าจวนเปลี่ยนเป็นตำหนักปี้โหยวขึ้นมา คนจากสี่ด้านแปดทิศล้วนต้องอิจฉาตาร้อนและปรารถนาอยากครอบครอง ไม่แน่ว่าป้ายคำว่าจวนและตำหนักสองแผ่นนั้นอาจถูกคนเอามาเผาทำเป็นฟืนในวันนั้นเลยก็เป็นได้

นางเกิดมามีนิสัยโผงผาง ฉุนเฉียวขี้หงุดหงิดง่ายก็จริง แต่การที่นางสามารถบัญชาการณ์ลำคลองหมายเหอมานานหลายร้อยปี โชควาสนาทุกอย่างล้วนถูกนางกุมไว้ในกำมืออย่างมั่นคง แน่นอนว่านางย่อมไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา

นางทรุดตัวลงนั่งยอง วักน้ำกอบหนึ่งมาจากลำคลองหมายเหอ ภายใต้แสงจันทร์ น้ำที่อยู่ในฝ่ามือมีริ้วกระเพื่อมเบาๆ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ปราณวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะมาก

ก่อนจะไปเยือนจุดพักม้า ตอนแรกก็เป็นแก่นควันธูปจำนวนมากที่ศาลเทพวารีรับไหวไม่ไหวจึงไหลรินย้อนกลับทะลักเข้าไปในศาล แก่นควันธูปที่เดิมทีเป็นสีเงินยวงกลับเปลี่ยนเป็นสีทองอ่อนจาง แต่ละเส้นล่องลอยเข้าไปหารูปปั้นร่างทองที่อยู่ในตำหนักหลัก คำว่าร่างทองนี้ ไม่ใช่ว่าช่างทำรูปปั้นใช้การหล่อทองหรือชุบทอง แต่เป็นรากฐานแห่งวิถีเทพของเทพวารี คือการแสดงออกของมหามรรคาอย่างหนึ่ง ควันธูปเข้มข้นสีทองอ่อนเหล่านั้นค่อยๆ รมไปทั่วเทวรูปร่างทองที่ตั้งอยู่บนแท่นบูชา บนวิถีแห่งเทพ นี่เรียกว่าการ ‘เดินทอง’ ภาพปรากฎการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์สองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือผู้ฝึกตนของกองโหราศาสตร์ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ให้ใช้พู่กันพระราชทานด้ามหนึ่งแต้มทองวาดลายลงไปบนร่างทองขององค์เทพบางองค์ ส่วนใหญ่แล้วจะแค่ ‘แต่งแต้มหลายครั้ง’ เท่านั้น และยังมีอีกสถานการณ์หนึ่งคืออริยะลัทธิขงจื๊อ ‘ชี้นำแม่น้ำและภูเขา’ อีกทั้งอริยะลัทธิขงจื๊อที่ว่านี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นพวกเจ้าขุนเขาของเจ็ดสิบสองสำนักศึกษา

นอกจากศาลเทพวารีลำคลองหมายเหอจะได้รับโชควาสนายิ่งใหญ่ไม่คาดฝันนี้แล้ว โชคชะตาสายน้ำของจวนปี้โหยวก็ยิ่งพุ่งทะยาน เมฆมงคลมารวมตัวกันลอยอยู่เหนือศีรษะ

จนสถานที่แห่งนี้แทบจะกลายเป็นถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลในการฝึกตนแห่งหนึ่งแล้ว

การกระทำเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นการได้รับแต่งตั้งให้เป็นสายสืบทอดดั้งเดิม!

คือการได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้สืบทอดดั้งเดิมจากฟ้าดินที่กว้างใหญ่อย่างแท้จริง!

ต่อให้เจ้าแม่เทพวารีเป็นคนไม่ละเอียดรอบคอบแค่ไหนก็รู้ว่าพระคุณยิ่งใหญ่ที่มาเยือนโดยที่นางไม่ทันตั้งตัวนี้ไม่เป็นรองจากครั้งแรกที่อาจารย์น้อยเฉินถ่ายทอดความรู้ไขข้อข้องใจให้นางเลย

แม้ตอนอยู่จุดพักม้าจะพูดล้อเล่นว่าจะใช้ร่างกายตอบแทน แต่การที่นางพูดเช่นนี้ อันที่จริงก็เป็นเพราะนางไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนอย่างไร

แผ่นหยกชิ้นนั้น แท้จริงแล้วคือสมบัติพิทักษ์จวนปี้โหยวของนางแล้ว

ในยุคบรรพกาล ลำคลองหมายเหอเคยเป็นหนึ่งในสามลำน้ำหลักสายใหญ่ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรของใบถงทวีป ภายหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นมหาสมุทรกลายเป็นผืนนา แม่น้ำลำคลองกลายเป็นถนน การสั่งสมตกตะกอน การอุดตันขัดขวาง ฯลฯ ยิ่งนานขนาดของลำน้ำใหญ่ก็เล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายจึงเหลือแค่ช่วงหนึ่งซึ่งก็คือลำคลองหมายเหอแห่งนี้ ในอดีตจวนปี้โหยวคือซากปรักของ ‘วังมังกรในแม่น้ำลำคลอง’ แห่งหนึ่ง ส่วนแผ่นหยกชิ้นนั้นก็คือสมบัติล้ำค่าที่นางหาเจอจากซักปรักของวังมังกร ผ่านมาหมื่นปีสีสันของมันก็ไม่แปรเปลี่ยน เพราะเกิดจากการรวมตัวกันของแก่นแม่น้ำลำคลองที่กลายเป็นสิ่งของจับต้องได้จริง ยิ่งเป็นรูปธรรมของโชคชะตาแห่งสายน้ำของฟ้าดินแถบหนึ่ง จากนั้นจึงถูกราชามังกรเฒ่าเอามาหล่อหลอมเป็นแผ่นหยก คิดดูแล้วในยุคโบราณอันห่างไกลที่วังมังกรยังคงดำรงอยู่นั้น แผ่นหยกชิ้นนี้ก็น่าจะเป็นของรักที่ราชามังกรเก็บไว้ติดตัวอยู่เสมอ

นางบอกเฉินผิงอันว่าหลังจากจดจำคาถาเต๋าตระกูลเซียนบทนั้นได้แล้วให้รีบทำลายแผ่นหยกทิ้งทันที อันที่จริงก็แค่คิดอยากจะหยอกล้อเขาเท่านั้น

เพราะเว้นเสียจากว่าเฉินผิงอันเป็นเทพเซียนห้าขอบเขตบนเท่านั้น ถึงจะมีความสามารถทำลายแผ่นหยกนั้นได้

แต่การที่จะหล่อหลอมมันให้เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิต ในเมื่อได้ครอบครองคาถาเต๋าที่ ‘หนึ่งก้าวกลายเป็นเซียน’ บทนั้นแล้ว นางเชื่อว่าขอแค่เฉินผิงอันตั้งใจ ย่อมมีความหวังไม่น้อยแน่นอน

อ่านนิยาย

นางเดินหนึ่งก้าวเข้าไปในลำคลองหมายเหอ เดินไปบนผิวน้ำ ประหนึ่งเทพธิดาที่ถูกกล่าวถึงในนิทานเรื่องประหลาด

ข้อบกพร่องเดียวในความสมบูรณ์แบบก็คือปีศาจลำคลองตนนั้นต้องสมคบคิดกับเทพภูเขาบางคนที่อยู่ใกล้เคียง แอบขึ้นฝั่งแล้วไปหลบซ่อนตัวในภูเขาบางแห่งแล้ว ถึงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เจ้าแม่เทพวารีทิ้งตัวหงายไปด้านหลัง นอนอยู่บนผิวน้ำทั้งอย่างนั้น ปล่อยให้ร่างของตัวเองล่องลอยไปตามกระแสน้ำตอนล่าง

ผีพรายที่ตายเพราะจมน้ำติดตามเจ้าแม่เทพวารีท่านนี้ล่องลอยไปยังศาลเทพวารีเป็นขบวนใหญ่อยู่ใต้น้ำ

นางพลันยกมือกุมหน้า ท่าทางเขินอายไม่กล้าสู้หน้าคน “คำพูดน่าอายแบบนั้น คุณหนูในห้องหอตระกูลใหญ่คนใดจะกล้าพูดกันเล่า”

ยังดีที่เพียงไม่นานความฮึกเหิมของนางก็กลับมา นางลุกขึ้นนั่ง กล่าวอย่างลิงโลดว่า “รีบให้คนไปเชิญช่างที่เมืองเซิ่นจิ่งมาสร้างเทวรูปอันใหม่! คนงามเพราะแต่ง เทพงามเพราะเครื่องประดับทอง! ส่วนเว้าส่วนโค้งตรงหน้าอกเทวรูปให้นูนเด่นเกินจริงสักหน่อย ส่วนขาก็สามารถยาวได้อีกนิด!”

ผีพรายที่มีสติปัญญาบางส่วนซึ่งล่องลอยอยู่ใต้น้ำเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ ไม่นึกเลยว่าในโลกนี้จะมี…เจ้าแม่เทพวารีที่น่าสนใจขนาดนี้

……

เส้นทางขึ้นเหนือของขบวนตระกูลเหยาพบเจอเรื่องที่ชวนให้คนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีอยู่หลายครั้ง

ผู้กล้าในยุทธภพคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพกทวนแปดอัญมณีขนาดเล็กกะทัดรัดที่ทำจากเหล็กอันหนึ่งมาเยือนด้วยความเลื่อมใส บอกว่าต้องการมาขอความรู้วิชาทวนที่เลื่องลือไปทั่วชายแดนจากตระกูลเหยา

คนผู้นี้เรียกสหายมาด้วยอีกสิบกว่าคน พวกเขาหยุดม้าอยู่บนทางหลวงอย่างพร้อมเพรียงกัน เขานั่งอยู่บนหลังม้าสูง หมุนควงทวนแสดงทักษะลูกเล่นให้ดูหนึ่งรอบ จะบอกว่าเขามีฝีมือแค่งูๆ ปลาๆ ก็ไม่ได้ ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสาม ฝึกฝนมาหลายสิบปีย่อมต้องมีฝีมืออยู่บ้าง เพียงแต่ว่าการประลองฝีมือแลกเปลี่ยนความรู้ในยุทธภพแบบนี้ เมื่อเทียบกับวิชาทวนเหล็กของตระกูลเหยาแล้วย่อมอยู่กันคนละชั้น เพียงแค่ชั่วพริบตา ฝ่ายหลังก็สามารถแบ่งผลรู้เป็นรู้ตายได้แล้ว

เรื่องวุ่นวายในครั้งนี้ถูกระงับด้วยฝีมือของเทพอภิบาลเมืองในเขตการปกครองที่ทะยานลมมาเยือนด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ เขาหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ด่าองค์เทพทั้งสองท่านเสียจนไม่เหลือชิ้นดี

ชุดขุนนางที่เทพอภิบาลเมืองท่านนี้สวมใส่เป็นชุดที่กรมพิธีการต้าเฉวียนตัดเย็บให้เป็นพิเศษ ลายปักด้านหน้าและด้านหลังเหมือนชุดขุนนางของโลกมนุษย์ แต่จะเป็นระดับขั้นไหนก็อยู่ที่ว่าเป็นลายอะไร เพียงแต่ชุดขุนนางของเทพอภิบาลเมืองนั้นจะเป็นสีดำทั้งหมด นี่มีความหมายว่ากษัตริย์ในโลกมนุษย์ได้เดินทางไปเยือนโลกมืด พันธนาการพวกภูตผีปีศาจมากมายที่ออกมาในยามค่ำคืน เมื่อเทียบกับศาลเถื่อนที่กระจายอยู่หลายพื้นที่ใต้หล้า ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอย่างห้ามไม่ได้แล้ว เทพอภิบาลเมืองจำเป็นต้องได้รับการแต่งตั้งจากทางราชสำนัก อีกทั้งยังแทบจะไม่มีสถานการณ์ที่ ‘ได้มาโดยมิชอบ’ ดำรงอยู่ ไม่ว่าแซ่ใดที่เป็นผู้ครองแคว้น สำหรับเทพอภิบาลเมืองที่จำเป็นต้องตั้งรกรากอยู่ในเมืองแล้วล้วนควบคุมได้ง่ายที่สุด อีกทั้งเทพอภิบาลเมืองยังมีความจงรักภักดีต่อราชสำนักมาตั้งแต่ถือกำเนิด

เฉินผิงอันมองความวุ่นวายในภูเขาและแม่น้ำแถบนี้ด้วยหัวใจที่สงบนิ่ง

เมื่อเทียบกับสิ่งที่ตนพบเห็นและได้ยินมาจากการหาประสบการณ์ในเมืองเล็กหลงเฉวียนและระหว่างการเดินทางสองครั้งแล้ว เหตุการณ์ตรงนี้ก็เป็นแค่การทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ เท่านั้น ไม่อาจพูดได้ว่าตลก เพียงแต่ว่าเขาไม่มีความรู้สึกเหมือนตอนที่เดินขึ้นภูเขาพีอวิ๋นของบ้านเกิดเป็นครั้งแรกแล้วเห็นได้ภาพภูเขาและแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่

จูเหลี่ยนยืนอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ในบรรดาข้ารับใช้ทั้งสี่คน คนตระกูลเหยามีความประทับใจต่อคนผู้นี้อย่างลึกล้ำ เพราะเมื่อเทียบกับอีกสามคนที่เหลือ ผู้เฒ่าหลังค่อมคนนี้เหมือนผู้ติดตามคนหนึ่งจริงๆ บวกกับที่ทุกคนต่างก็เคยได้เห็นและได้ยินผลงานของคนทั้งสี่ที่เปิดฉากเข่นฆ่าในโรงเตี๊ยม จึงพอจะรู้ว่าหญิงสาวงามเลิศล้ำที่สะพายกระบี่คนนั้นคือผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง ท่านหลูที่บุคลิกองอาจห้าวหาญคือปรมาจารย์ในการใช้ดาบ เว่ยเซี่ยนผู้เงียบขรึมคือหนึ่งบุรุษที่ตั้งตนเป็นด่านหน้า ขัดขวางการโจมตีจากกลุ่มผู้ฝึกลมปราณของราชวงศ์ ส่วนตาเฒ่าหน้าตาใจดีคนนี้กลับลงมือได้อย่างเหี้ยมโหดที่สุด ในขณะที่ศึกใหญ่ปิดฉากลง บนพื้นรอบตำแหน่งที่ผู้เฒ่ายืนอยู่ล้วนมีแต่เศษซากโครงกระดูก

จูเหลี่ยนไม่ได้หันไปมองเฉินผิงอัน

ในหลายๆ ครั้ง ใจคนไม่จำเป็นต้องใช้ตามอง

จูเหลี่ยนยิ่งรู้สึกสนใจใคร่รู้ในเขตการปกครองหลงเฉวียนแห่งนั้น รวมไปถึงถ้ำสวรรค์หลีจูก่อนหน้าที่จะมาเป็นเขตการปกครองหลงเฉวียนว่าเป็นสถานที่มังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแบบใดกันแน่ ถึงได้สามารถทำให้เฉินผิงอันที่อายุน้อยแค่นี้กลายมาเป็นเหมือนคนที่ผ่านคลื่นมรสุมครั้งใหญ่ในโลกมนุษย์มานาน จนยากที่จะเกิดริ้วคลื่นกระเพื่อมไหวในจิตใจได้อีก

อายุน้อยๆ แต่หัวใจกลับนิ่งสนิทดุจบ่อน้ำเก่าแก่

นี่ย่อมทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าแก่เกินวัย มีกลอุบายลึกล้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้

แต่จูเหลี่ยนกลับไม่คิดอย่างนี้ เฉินผิงอันที่พร้อมจะทำความดีกับผู้อื่นในทุกเรื่องกลับมอบความรู้สึกที่คลุมเครือเลือนรางให้แก่เขา ราวกับว่าในจุดลึกของบ่อน้ำโบราณซึ่งเป็นสภาพจิตใจของเฉินผิงอันนั้นมีเจียวหลงที่ชั่วร้ายตัวหนึ่งแหวกว่ายให้เห็นเงาร่างผลุบโผล่

เพียงแต่ว่าเจียวหลงที่ไม่มีใครรู้จักตัวนี้น่าจะถูกพันธนาการจากกฎเกณฑ์พิธีการ และการแบ่งแยกความดีความเลวอยู่ใต้บ่ออย่างแน่นหนา ต่อให้อยากจะลอยขึ้นมาสู่ผิวน้ำ แต่แค่โผล่หัวขึ้นมาก็ยังทำไม่ได้

จูเหลี่ยนไม่กล้าคาดเดาเรื่องอื่น แต่แน่ใจในเรื่องหนึ่ง จุดลึกในหัวใจของเฉินผิงอันต้องมีความยึดมั่นที่ยิ่งใหญ่มากซึ่งเขาวางไม่ลงอยู่สองอย่าง

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!