กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 351

บทที่ 351.2 วานรขาวลากดาบ คำพูดของวิญญูชน
ProjectZyphon

สำหรับใบถงทวีปแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นสำนักใหญ่อันดับที่สามตามหลังสำนักใบถงและสำนักกุยหยกนั้น

ตลอดพันปีที่ผ่านมา ผู้ฝึกตนของใบถงทวีปต่างก็พูดกันว่าสำนักฝูจีที่ทั้งเจ้าสำนักและคู่บำเพ็ญเพียรของเขาต่างก็เป็นห้าขอบเขตบน ไม่ว่าคนนอกจะประจบยกยอ หรือให้การยอมรับจากใจจริงแค่ไหน สำนักฝูจีก็ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองคือสำนักอันดับที่สามของใบถงทวีป สำหรับข้อถกเถียงนี้ เจ้าสำนักของสำนักฝูจีเคยพูดจาบ่ายเบี่ยงข้อถกเถียงที่เกี่ยวข้องกับเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่าหากสำนักฝูจีย้ายไปอยู่แจกันสมบัติทวีปอันเป็นทวีปเล็กๆ ทางทิศเหนือแห่งนั้น ต่อให้พยายามจะช่วงชิงเป็นอันดับหนึ่ง จะมีอะไรยาก?

สายรุ้งสีขาวที่ว่ายวนไม่หยุดนิ่งอยู่นอกภูเขาไท่ผิงเส้นนั้นแหวกผ่าชะตาแห่งแม่น้ำและภูเขาชั้นหนึ่งที่มองไม่เห็นเข้ามาอีกครั้ง ร่วงดิ่งลงมาจากท้องฟ้า ตรงปักเข้าใส่ศีรษะของจงขุย

หน้าหนังสือแต่ละแผ่นที่เป็นดั่งม่านน้ำตกไหลย้อนทวนขึ้นไปด้านบนในแนวเฉียง ก่อตัวเป็นค่ายกลหิมะครึ่งวงกลมอยู่รอบกายและเหนือศีรษะของจงขุย

หลังจากปลายกระบี่ของกระบี่ยาวชนเข้ากับม่านน้ำตก ประกายไฟจำนวนนับไม่ถ้วนก็แตกออก

ความเร็วในการลดลงสู่เบื้องล่างของกระบี่ยาวถูกขัดขวางให้ชะลอช้าลงไปหลายส่วน ทว่าปราณเที่ยงธรรมแห่งฟ้าดินที่แฝงเร้นอยู่ในน้ำตกกลับสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

ต่อให้จะเป็นแค่สะเก็ดไฟที่สาดกระเซ็นออกไปก็ทำให้ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้า ศาลาชมทัศนียภาพและถ้ำสถิตอันเป็นที่ฝึกตนของเซียนซือซึ่งตั้งอยู่บริเวณโดยรอบบ่ออเวจีของภูเขาไท่ผิงถูกทำลายจนมีแต่หลุมบ่อเต็มไปหมด สัตว์ป่าจำนวนนับไม่ถ้วนร้องโหยหวนแตกฮือเผ่นหนีไปคนละทิศคนละทาง

จงขุยไม่สนใจกระบี่โบราณที่ไม่ช้าก็เร็วต้องแหวกกระแสน้ำตกพุ่งมาถึงตัวเล่มนั้น แต่กลับจ้องไปยังปีศาจใหญ่ที่ยืนนิ่งไม่ขยับตนนั้นเขม็ง

สีหน้าของวานรขาวเป็นปกติ มุมปากยกยิ้มมีเลศนัย เห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งตารอ อยากจะเห็นว่าวิญญูชนแห่งสำนักศึกษาที่เขาต้องฆ่าสถานเดียวผู้นี้จะยังมีความสามารถอะไรเก็บไว้ก้นกรุอีก

กระบี่ที่อยู่เหนือศีรษะของจงขุยนั้นเป็นแค่กระบี่ที่สองของมันเท่านั้น

เดิมทีหากพวกเผ่าปีศาจคิดจะฝึกตนก็เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว คิดจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ก็ยิ่งยากอย่างถึงที่สุด ดังนั้นปีศาจใหญ่ผู้ฝึกกระบี่ที่สามารถเลื่อนขั้นสู่ห้าขอบเขตบนได้นั้นล้วนเป็นผู้พิชิตของพื้นที่แถบหนึ่งในใต้หล้าเปลี่ยวร้างอย่างสมเกียรติ ผู้ฝึกกระบี่เผ่าปีศาจที่เป็นห้าขอบเขตกลาง เมื่ออยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย แทบจะเท่าเทียมกับลูกศิษย์ของสำนักศึกษาในใต้หล้าไพศาล ต่อให้ไปแก้แค้นหรือโจมตีผู้อื่นโดยมีเหตุผลที่ถูกต้อง ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลางก็ยังสามารถได้รับการละเว้นโทษตายหนึ่งครั้ง แต่คนที่ไม่รักษากฎ สังหารผู้ฝึกกระบี่อย่างกำเริบเสิบสาน ไม่ว่าสถานะจะสูงส่งมากเท่าไหร่ หากถูกจับได้ล้วนต้องถูกลงโทษสถานหนัก

ผู้ฝึกลมปราณของใต้หล้าไพศาลอาจจะไม่ค่อยรู้ถึงความน่ากลัวของปีศาจใหญ่ที่เป็นผู้ฝึกกระบี่เท่าใดนัก เพราะถึงแม้จำนวนของภูตผีปีศาจจะมีเยอะมาก แต่ปีศาจใหญ่ที่แท้จริงกลับมีน้อยนิด ทว่าทางฝั่งของกำแพงเมืองปราณกระบี่กลับรู้ถึงระดับความรับมือยากของปีศาจใหญ่ที่เป็นผู้ฝึกกระบี่เป็นอย่างดี เพราะต้องให้ผู้ฝึกกระบี่เผ่ามนุษย์จำนวนเหลือคณานับกระโจนเข้าสู่ความตายอย่างห้าวหาญถึงจะรับรู้พลังการสังหารที่น่าหวาดกลัวและวิธีการอันอำมหิตของพวกมัน

อาเหลียงแข็งแกร่งถึงเพียงไหน เหตุใดคนจำนวนนับไม่ถ้วนของกำแพงเมืองปราณกระบี่ถึงได้ชื่นชมเลื่อมใส ให้การสนับสนุนอาเหลียงมากขนาดนั้น นั่นก็เพราะว่าอาเหลียงขัดเกลาวิถีกระบี่ของตัวเองอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่มานานนับร้อยปี ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจใหญ่ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตบนซึ่งเป็นขอบเขตเท่าเทียมกันล้วนไม่มีศัตรูคนใดทัดทานเขาได้ ไม่เพียงแต่ไม่เคยพ่ายแพ้ กลับยังไล่ล่าอีกฝ่ายไปไกลหลายหมื่นลี้ ถึงขั้นทำสถิติสังหารศัตรูตายคาที่ได้มากที่สุด

ดังนั้นสำหรับเรื่องที่อาเหลียงบินทะยานจากใต้หล้าไพศาลไปยังสถานที่ประหลาดที่มีเทวบุตรมารอาละวาดอย่างโอหังซึ่งเป็นที่อยู่ของเต๋าเหล่าเอ้อร์ พวกเขาต่อสู้กันจนฟ้าพลิกดินสะเทือน ผู้ฝึกลมปราณของใต้หล้าไพศาลต่างก็รู้สึกว่าถึงแม้อาเหลียงจะพ่ายแพ้ แต่กลับเป็นความพ่ายแพ้อย่างทรงเกียรติ ทว่าหากหันกลับมามองเผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง พวกมันส่วนใหญ่ล้วนเชื่อมั่นว่าอาเหลียงที่ต่อให้ตายเป็นหมื่นครั้งก็ยังไม่เพียงพอผู้นั้น จะต้องเล่นงานให้ ‘ผู้ไร้ศัตรูที่แท้จริง’ ผู้นั้นกลายมาเป็นมีศัตรูได้จริงๆ อย่างแน่นอน

เผ่าปีศาจเคารพยำเกรงและเลื่อมใสคนที่แข็งแกร่งที่สุด ต่อให้จะเกลียดแค้นเจ้าอาเหลียงที่เรียกตัวเองว่ามือกระบี่ผู้นั้นเข้ากระดูกดำ แต่หลังจากที่ปีศาจใหญ่ขั้นสูงสุดตนหนึ่งป่าวประกาศว่าจะต่อสู้ตัดสินเป็นตายกับอาเหลียงแล้วพ่ายแพ้ ทว่าจุดที่ฝังร่างของเขาในใต้หล้าเปลี่ยวร้างกลับใช้กระบี่เป็นป้ายหน้าหลุมศพ

ตลอดทั้งใต้หล้าเปลี่ยวร้างคือสถานที่ป่าเถื่อนที่ใต้หล้าไพศาลมองว่า ‘ไม่มีเสียงท่องตำราแม้แต่ประโยคเดียว’ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้กลับถูกมองว่าเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล

นักพรตร้อยกว่าคนที่อยู่บนภูเขาไท่ผิงไม่ได้นิ่งดูดาย ทุกคนเป็นนักพรตที่มีลำดับศักดิ์ต่ำที่สุดในสำนักแทบทั้งสิ้น และส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักพรตเด็กที่สีหน้าซีดขาว ทว่าสายตากลับเด็ดเดี่ยว

จงขุยกลับตวาดพวกเขาเสียงกร้าว “ถอยกลับไป! อย่าพาตัวมาตาย!”

แม้ว่านักพรตเฒ่าขอบเขตโอสถทองคนหนึ่งในบรรดาคนมากมายพอจะรู้ตัวตนของวานรขาวแล้ว แต่กลับเอ่ยด้วยประโยคหนึ่งที่ทำให้จงขุยหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้ “ในการกำจัดปีศาจปราบมาร ไม่มีเหตุผลให้นักพรตของภูเขาไท่ผิงอย่างข้าตายอยู่เบื้องหลังคนอื่น”

วานรขาวไม่แม้แต่จะชายตามองนักพรตโอสถทองคนนั้น กำหมัดง่ายๆ ครั้งเดียว พายุหมัดก็ต่อยให้เรือนกายของเซียนดินโอสถทองในสายตาของคนบนโลกแหลกสลาย โอสถทองปริแตก

ใช้ความดีตอบแทนความดี แม้ตายก็ไม่เสียดาย

นักพรตภูเขาไท่ผิงเป็นเช่นนี้

จงขุยเองก็ไม่ต่างกัน

ชายแขนเสื้อสองข้างสะบัดโบกหนึ่งครั้ง ลมฤดูใบไม้ร่วงสองขุมในชายแขนเสื้อห่อหุ้มนักพรตของภูเขาไท่ผิงเหล่านั้นเอาไว้แล้วโยนออกไปไกล

วานรขาวไม่สนใจเรื่องนี้ ปล่อยให้จงขุยโยนนักพรตเหล่านั้นออกไปนอกสนามรบตามใจชอบ

novel-lucky

จงขุยคนเดียวก็ชดเชยกับภูเขาไท่ผิงทั้งแห่งได้แล้ว

ความคิดของวานรขาวฉุกขึ้น

กระบี่โบราณที่ออกจากฝักลดระดับความเร็วลง

นิ้วมือสองข้างของจงขุยคีบแผ่นยันต์กระดาษเขียวแผ่นหนึ่งไว้อย่างเงียบเชียบ

กระดาษต้นฉบับของอริยะ ถูกจงขุยวิญญูชนใช้เหล็กหมาดหิมะที่สลักคำว่า ‘ตวัดพู่กันดุจเทพช่วย’ วาดยันต์สยบกระบี่ที่จงขุยสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวเอง!

วินาทีที่กระบี่ยาวแหวกผ่านม่านน้ำตกเข้ามา เหนือศีรษะของจงขุยก็มียันต์สยบกระบี่แผ่นนั้นลอยขึ้น

กระบี่โบราณเล่มนั้นเหมือนตกเข้าไปในถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลของเจ๋อเซียนท่านหนึ่ง แล้วหายวับไปอย่างสิ้นเชิง

แม้แต่วานรขาวที่หล่อหลอมมันมานานเป็นพันปีก็ยังสัมผัสไม่ถึง

ค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาสองแห่งของภูเขาไท่ผิงซาน กระจกจันทร์กระจ่างที่เป็นดั่งดวงจันทร์ลอยขึ้นกลางนภามีไว้เพื่อใช้ส่องปีศาจตามหาตัวภูตผี ต่อให้เป็นนักพรตขอบเขตหยกดิบก็ยังถูกมันกักขังไว้ด้านในครู่หนึ่ง แต่กระบวนท่าสังหารที่แท้จริงกลับตามมาติดๆ หลังจากนั้น นั่นก็คือกระบี่เซียนบรรพกาลที่สร้างเลียนแบบกระบี่สี่เล่มซึ่งบรรพบุรุษผู้บุกเบิกขุนเขาที่มีตบะเลิศล้ำค้ำฟ้าของภูเขาไท่ผิงทุ่มทั้งแรงคนและทรัพย์สินสร้างขึ้นมา แม้จะเป็นของเลียนแบบ แต่ทุกเล่มล้วนมีระดับขั้นเป็นอาวุธกึ่งเซียน หลังจากกระบี่ทั้งสี่เล่มก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกล พลานุภาพก็จะยิ่งผงาดค้ำฟ้า สามารถเทียบกับอาวุธเซียนที่ใช้ในการพิฆาตสังหารอย่างแท้จริงชิ้นหนึ่งได้เลยทีเดียว

แต่กระบี่ที่วานรขาวตัวนี้สะพายอยู่ด้านหลังกลับเป็นหนึ่งในกระบี่สี่เล่มพอดี

ในฐานะข้ารับใช้ผู้พิทักษ์ขุนเขา เวลาสามพันปีที่ผ่านมา มันไม่เพียงแต่ไล่จับและสังหารพวกปีศาจใหญ่ในบ่ออเวจีที่ ‘หนีไป’ แต่ยังเคยแอบลงจากภูเขาไปสังหารศัตรูนับครั้งไม่ถ้วน คุณความชอบที่มันสร้างไว้มีมากมายเกินจะกล่าวได้หมด

สุดท้ายเมื่อหนึ่งพันปีก่อน เจ้าสำนักของภูเขาไท่ผิงในปีนั้นไม่สนใจคำคัดค้านของผู้คนมากมาย ยืนกรานจะมอบกระบี่โบราณเล่มหนึ่งให้กับวานรขาวที่ ‘มีคุณูปการมากมายจนมิอาจโต้แย้งได้’

แม้ว่าวานรขาวจะไม่สามารถควบคุมค่ายกลใหญ่สี่กระบี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่หากคิดจะอาศัยช่องโหว่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งกลับง่ายมาก หากเป็นเซียนดินทั่วไปที่อยู่ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนแล้วถูกบีบให้ควบคุมค่ายกลใหญ่อย่างฉุกละหุก วานรขาวยังสามารถบังคับให้กระบี่ทั้งสี่เล่มแว้งกลับมาเล่นงานผู้ควบคุมค่ายกลได้

ไม่มีกระบี่โบราณที่เป็นทั้งกระบี่ประจำกายและวัตถุแห่งชะตาชีวิตเล่มนั้นแล้ว

วานรขาวก็หรี่ตาลงเล็กน้อย กระตุกมุมปาก ความเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยนี้กลับเต็มไปด้วยความอำมหิตป่าเถื่อนและกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งตลบฟ้า

จงขุยเอามือหนึ่งไพล่หลัง มืออีกข้างหนึ่งถือเหล็กหมาดหิมะ เริ่มเขียนตัวอักษรแรกลงไปเหมือนอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!