เหมือนอย่างตอนที่เฉินผิงอันพบเจอกับไช่จินเจี่ยนหน้าประตูบ้านตัวเองในตรอกหนีผิง เจอกับเจ้าของเดิมของชุดคลุมอาคมจินหลี่ในร่องเจียวหลง จับผลัดจับผลูเข้าไปในจุดลึกของดอกบัวแล้วจึงเจอกับการล้อมสังหารที่ปรมาจารย์หลายท่านร่วมมือกัน
แค่ต้องดูว่าจะอดทนผ่านมันไปได้หรือไม่
หากผ่านไปได้ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส หากผ่านไปไม่ได้ อย่างมากสุดก็เหมือนพวกผู้ฝึกยุทธ์ที่ตะโกนโหวกเหวกว่าอีกสิบแปดปีให้หลังก็ยังเป็นวีรบุรุษชายชาตรีได้อยู่ดี
อาจารย์เป็นผู้นำพาเข้าสำนัก การฝึกบำเพ็ญตนอยู่ที่ตัวคน
วันนี้จงขุยก็เป็นเช่นนี้
ก่อนหน้าจะถึงวันนี้ การฝึกตนของจงขุยแห่งสำนักศึกษาต้าฝูดีเกินไปและเร็วเกินไป ทำให้คนตกตะลึงและอิจฉามากเกินไป บนมหามรรคาเขาพุ่งนำไปข้างหน้าจนคนด้านหลังมองไม่เห็นฝุ่น ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อทุกคนที่อยู่ในใบถงทวีปต่างก็มองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา
ทว่าวันนี้วานรขาวปรากฏกายบนโลก
ศัตรูตัวฉกาจที่จะตัดสินเป็นตาย
เมื่อเทียบกับอาจารย์ของจงขุย เจ้าขุนเขาสำนักศึกษาต้าฝูที่ไปขัดขวางไม่ให้ปีศาจใหญ่ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้กับสำนักฝูจีลงมหาสมุทรแล้ว อันที่จริงจงขุยกลับอันตรายกว่ามาก
นี่นับว่าผิดต่อความตั้งใจเดิมของเจ้าขุนเขา
สภาพการณ์ของจงขุยในเวลานี้แทบจะเรียกได้ว่าต้องตายสถานเดียว
วานรขาวมองบัณฑิตหนุ่มที่ถูกมองว่ามีหวังจะได้เป็นผู้อำนวยการใหญ่ของสถานศึกษาบางแห่งในอนาคตด้วยสายตาเฉยชา
จงขุยสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง
ต่อให้จะยังไม่ฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตเซียนเหริน ทั้งยังไม่ใช่เผ่าปีศาจที่เกิดมาก็มีเรือนกายแข็งแกร่ง
แต่วานรขาวที่สะพายกระบี่โบราณเล่มหนึ่งไว้ด้านหลังตนนี้ก็ยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบตัวจริงเสียงจริงคนหนึ่ง
หากจะบอกว่าผู้ฝึกลมปราณคือโจรที่ละเมิดวิถีสวรรค์ กล้าที่จะท้าทายโชคชะตาความเป็นความตายที่วัฏจักรแห่งวิถีสวรรค์กำหนดไว้มากที่สุดในใต้หล้า ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ฝึกกระบี่ก็คือหนึ่งในผู้ฝึกลมปราณที่ไม่มีเหตุผลมากที่สุด
วิญญูชนนั้นไซร้ หากมิเกิดเหตุใดย่อมมิไร้หยกพกติดกาย
กระบี่แรกที่วานรขาวชักออกจากฝักก็คือทำลายหยกประดับคุ้มกันกายที่วิญญูชนทุกคนจะได้รับมอบมาจากสำนักต้าฝูให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง
ระหว่างหนึ่งวิญญูชนกับหนึ่งปีศาจใหญ่คือเศษซากหยกประดับที่ซุกซ่อนสัจธรรมแห่งบทประพันธ์ของอริยะปราชญ์ลัทธิขงจื๊อ ตัวอักษรสีทองหลายร้อยตัวพากันสลายหายไปจากโลกมนุษย์คล้ายฝนเม็ดเล็กสีทองที่ตกลงมาครู่สั้นๆ
จงขุยพลันถอยกรูดออกไปหลายสิบจั้งจนไปอยู่ริมขอบด้านนอกอีกฝั่งหนึ่งของบ่ออเวจี ชายแขนเสื้อสองข้างพองโป่ง ลมฤดูใบไม้ร่วงเยียบเย็น ในชายแขนเสื้อสีเขียวเล็กๆ สองข้างเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจหนาข้นยิ่งใหญ่ดุจทหารที่จัดเรียงขบวนทัพอยู่บนสนามรบในฤดูใบไม้ร่วง
บ่ออเวจีแห่งนี้ของภูเขาไท่ผิงคือสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะคล้ายบ่อน้ำขนาดใหญ่มโหฬารแห่งหนึ่ง ผนังบ่อเจาะเป็นขั้นบันไดที่ทอดยาวหมุนวนลงไปด้านล่าง ภายในเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายเยียบเย็นอึมครึมประหนึ่งถ้ำไร้ก้นแห่งหนึ่งที่มุ่งหน้าลงไปสู่โลกแห่งความมืดมิด
ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่างแค่ขยับเข้าใกล้บ่ออเวจีก็จะถูกปราณชั่วร้ายที่สั่งสมมานานหลายปีของบ่อปั่นป่วนลมปราณให้วุ่นวาย รุกรานเข้าไปในร่างกาย
นักพรตที่ได้เข้ามาอยู่ในภูเขาไท่ผิงอย่างเป็นทางการจะต้องผ่านการฝึกบำเพ็ญตนที่ยากลำบากอย่างหนึ่ง นั่นคือต้องนั่งเข้าฌานลืมตนอยู่ใกล้กับบ่อโบราณเพื่อหล่อหลอมเรือนกายและจิตใจ นั่นเป็นความลำบากยากเข็ญที่แทบเอ่ยเป็นคำพูดไม่ได้
การที่นักพรตหญิงหวงถิงถูกมองเป็นหยกงามแห่งการฝึกตนที่มีพรสวรรค์น่าครั่นคร้ามก็เพราะว่าครั้งแรกที่นางเข้าใกล้บ่ออเวจีพร้อมกับศิษย์พี่ชายหญิงในปีนั้น ในขณะที่ทุกคนพยายามประคับประคองตัวไม่ให้ปราณชั่วร้ายไหลบ่าเข้าไปในช่องโพรงลมปราณอย่างยากลำบาก นางกลับไม่รู้สึกอะไรที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแอบเดินไปยังทางเข้าริมขอบบ่ออเวจีด้วย หากไม่เป็นเพราะตอนนั้นนักพรตเฒ่าของภูเขาไท่ผิงที่รับผิดชอบคอยจับตามองการฝึกตนของเด็กรุ่นหลังรีบตามไปดึงคอเสื้อของเด็กหญิงขึ้นมา ไม่แน่ว่าตอนที่หวงถิงอายุเก้าขวบก็น่าจะได้เข้าไปในบ่ออเวจีแล้ว
หลังจากนั้นมาหวงถิงก็คอยประชันปัญญาประชันความกล้าหาญอยู่กับผู้อาวุโสของภูเขาไท่ผิง ในที่สุดตอนที่อายุสิบเอ็ดปีก็สามารถเข้าไปในบ่ออเวจีได้สำเร็จ ผลคือเกือบจะต้องไปตายอยู่ในจุดลึกของบ่อ ลงไปไม่ได้ ออกมาก็ไม่ได้ หมดสติไปอย่างสิ้นเชิง
สุดท้ายเป็นวานรขาวชุดดำตนหนึ่งที่โยนนางออกมานอกบ่ออเวจี
วานรเฒ่าเดินไปข้างหน้าช้าๆ ย่างก้าวผ่อนคลาย มาหยุดอยู่ริมขอบของปากบ่อที่กั้นขวางเขากับจงขุย
กระบี่โบราณที่ออกจากฝักเล่มนั้นปราณกระบี่หนักอึ้งเกินไปจึงมองไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของตัวกระบี่แล้ว หลังจากหนึ่งกระบี่ทำลายหยกประดับที่ถือเป็นสมบัติอาคมชั้นยอดไปแล้ว กระบี่บินเล่มนั้นก็ไม่ได้อยู่บนภูเขาไท่ผิงแห่งนี้ แต่ยังพอจะมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่าห่างออกไปมีรุ้งยาวสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งทะยานดุจสายฟ้า ราวกับงูขาวตัวเล็กบางที่เลื้อยอยู่บนผ้าสีดำขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาไท่ผิงที่เดิมทีควรถูกชักนำจึงหยุดการโคจรในเสี้ยววินาที อีกทั้งยังเกิดความวุ่นวายโกลาหลที่ผิดปกติด้วย
จงขุยไม่สามารถบังคับค่ายกลใหญ่ให้กำราบปีศาจตนนี้ได้
บรรพจารย์กำลังเดินทางไปรับหวงถิงมาจากพื้นที่มงคลดอกบัว เจ้าประมุขไปสกัดขวางปีศาจใหญ่ขอบเขตสิบสองที่สำนักฝูจี เซียนดินก่อกำเนิดที่เป็นผู้จัดการดูแลภูเขาไท่ผิง ก่อนจะลงจากภูเขาได้บอกวิธีควบคุมจุดศูนย์กลางของค่ายกลใหญ่ปกป้องขุนเขาให้กับจงขุยที่เป็นคนนอกอย่างไม่ปิดบัง ไม่ใช่เพราะเห็นแก่สถานะวิญญูชนสำนักศึกษาต้าฝูของเขา เพียงแค่เชื่อมั่นในตัวจงขุยเท่านั้น อันที่จริงการกระทำเช่นนี้ย่อมต้องตกเป็นผู้สงสัยว่ากระทำเกินขอบเขตอำนาจ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้มากว่าจะเปิดเผยความลับวงในของภูเขาไท่ผิง ทว่าคนทั่วทั้งบนและล่างภูเขาไท่ผิงกลับไม่มีใครมีความเห็นต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!