บทที่ 350.3 ลำคลองหมายเหอได้รับแต่งตั้งสายสืบทอดดั้งเดิม ยืมดาบศาลบู๊ วานรขาวสะพายกระบี่ – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!
ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 350.3 ลำคลองหมายเหอได้รับแต่งตั้งสายสืบทอดดั้งเดิม ยืมดาบศาลบู๊ วานรขาวสะพายกระบี่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
สำหรับเรื่องการประชันหมากล้อมนี้ สุยโย่วเปียนไม่ได้ยึดติดกับผลแพ้ชนะเท่าใดนัก
หลูป๋ายเซี่ยงทบทวนกระดานหมากที่เพิ่งเล่นไปเมื่อสักครู่อยู่เพียงลำพังในห้อง สายตาเขาจ้องนิ่งไปที่กระดานหมาก สองนิ้วคีบเม็ดหมากที่เหลือวางลงบนโต๊ะแล้วหมุนเบาๆ
ในห้องที่ห่างออกไปไม่ไกล เฉินผิงอันกำลังแกะสลักกระบอกไม้ไผ่ เขาพยายามจะแกะสลักบทความของอริยะปราชญ์บทหนึ่งไว้ด้านนอกของกระบอกไม้ไผ่
โชคดีที่การแกะสลักตัวอักษรบนแผ่นไม้ไผ่ตลอดหลายปีมานี้ทำให้เขาพอจะมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง อีกทั้งยังมีพื้นฐานการขึ้นรูปเครื่องปั้นสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่ม ไม่กล้าพูดว่าตัวอักษรที่สลักลงไปเปี่ยมไปด้วยท่วงทำนองแห่งความมีชีวิตชีวา แต่ในระหว่างตัวอักษรก็ยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของความเป็นระเบียบเรียบร้อย รอยสลักไม่ได้ลึกลงไปในเนื้อไม้สามส่วน ไม่ได้มีพลังอำนาจแกร่งกร้าวกดดันผู้อื่น แต่กลับเหมือนธารน้ำเส้นยาวที่ไหลรินอย่างอ่อนโยน สรุปก็คือพอจะน่าสนใจอยู่บ้าง
มีคนกล่าวว่าผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างบำเพ็ญตบะเพื่ออายุขัยที่ยืนยาว ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางแสวงหาความเป็นอมตะไม่เสื่อมสลาย ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนเดินเพียงลำพังอยู่บนมหามรรคาที่สูงกว่าใครและทอดยาวยิ่งกว่าใครโดยที่แทบไม่เคยหยุดพักเลยแม้แต่นาทีเดียว
เฉินผิงอันไม่รู้สึกว่าแบบนี้มีอะไรที่ไม่ถูก ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำสิ่งที่มีประโยชน์จึงจะถือว่าไม่ผิดต่อกาลเวลา เพียงแต่ว่าบางครั้งก็ยังจำเป็นต้องหยุดเดิน บ้างก็ต้องชะลอฝีเท้า ทำจิตใจให้สงบชื่นชมทัศนียภาพที่อยู่ข้างทางบ้าง
การสลักตัวอักษรที่งดงามลงไปบนแผ่นไม้ไผ่ก็คือการทำเช่นนี้ ทำกระบอกเก็บพู่กันที่ไม่มีราคาค่างวด มีเพียงความตั้งใจจริงด้วยมือของตัวเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
หนึ่งค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบสุข
เฉินผิงอันนั่งแกะสลักกระบอกไม้ไผ่อยู่จนเกินครึ่งคืน
นอนหลับไปสองชั่วยามก็ตื่นขึ้นมาฝึกท่าหมัดพร้อมกับท่าจับกระบี่เสมือนจริงต่ออีกครั้ง
ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว
ไม่รู้ว่าจะโชคดีได้เห็นหิมะใหญ่ครั้งแรกของปีที่ท่าเรือข้ามฟากนอกเมืองซิ่นจิ่งหรือไม่
ว่ากันว่าเมืองเซิ่นจิ่งที่อยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลนงดงามราวกับดินแดนแห่งเซียน
ตอนที่กินอาหารเช้า เฉินผิงอันรู้ว่าขบวนเดินทางตระกูลเหยาจะหยุดพักอยู่ในเมืองฉีเฮ้อสองวันก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
เหยาเซียนจือวิ่งมาหาเฉินผิงอัน บอกว่าทุกคนนัดหมายกันไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะไปเที่ยวภูเขาลูกเล็กที่เซียนผู้นั้นขี่กระบี่บินทะยาน อีกทั้งผู้ว่าฯ ของเมืองก็มาแจ้งกับจุดพักม้าไว้นานแล้วว่า ไม่ว่าแม่ทัพผู้เฒ่าเหยาจะไปหรือไม่ไปที่นั่น วันนี้บริเวณใกล้เคียงกับภูเขาเล็กก็จะถูกปิด ไม่อนุญาตให้คนอื่นขึ้นเขา
พอไปรวมตัวกัน เฉินผิงอันถึงได้สังเกตเห็นว่าคนที่จะไปเที่ยวมีอยู่ไม่น้อย สามเหยาวัยเดียวกัน เส้ายวนหรานนักพรตเต๋าที่สวมชุดสีเขียว และยังมีสุยโย่วเปียนที่น้อยครั้งจะปรากฏตัวด้วย
เว่ยเซี่ยงกับหลูป๋ายเซี่ยงเลือกจะอยู่ที่จุดพักม้า เพียงแต่ว่าท่านแม่ทัพผู้เฒ่าที่ชอบท่องเที่ยวตามภูเขาและแม่น้ำมาตลอดทางกลับไม่ได้ไปด้วยในครั้งนี้ ออกจะผิดปกติอยู่บ้าง
ออกจากจุดพักม้าในวันนี้ เฉินผิงอันเปลี่ยนมาสวมชุดคลุมอาคมจินหลี่ที่ขอบเขตสูงขึ้นไปอีกระดับแล้ว ดังนั้นเขาจึงปรากฏตัวในชุดขาว หากมีคนตั้งใจสังเกตก็จะเห็นว่าบนมวยผมยังปักปิ่นหยกสีขาวชิ้นหนึ่งด้วย
ราชวงศ์ต้าหลีอยู่ทางเหนือสุดของแจกันสมบัติทวีป เดิมทีบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ก็มีเรือนกายที่สูงใหญ่อยู่แล้ว สูงกว่าคนทางใต้อย่างนครมังกรเฒ่าอย่างน้อยก็ครึ่งศีรษะ อีกทั้งบุรุษที่อายุสิบห้าสิบหกปีก็แต่งงานมีครอบครัวกันได้แล้ว นี่ถือเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้บ่อยในชนบทของแจกันสมบัติทวีป มีเพียงตระกูลชนชั้นสูงและตระกูลปัญญาชนเท่านั้นที่จะพิถีพิถันเรื่องที่ต้องรอให้บุรุษอายุยี่สิบปีก่อนจึงจะแต่งงาน
หลังจากที่เฉินผิงอันฝึกวิชาหมัดมา เรือนกายของเขาก็สูงชะลูดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทันรู้ตัวเขาก็มีรูปลักษณ์ของคนหนุ่มอย่างแท้จริงแล้ว
ด้านหลังมีเผยเฉียนที่ร่างผอมแห้งผิวดำเกรียมตามก้นมาด้วย
มีเพียงอยู่ข้างกายเฉินผิงอันเท่านั้น นางถึงจะไม่รู้สึกกลัวจูเหลี่ยน
คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปยังภูเขาลูกเล็กที่อยู่ใจกลางเมือง ตอนที่เดินผ่านศาลบู๊ของเขตการปกครองได้เห็นคนประหลาดคนหนึ่งและเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง
นั่นคือเด็กหนุ่มร่างสูงกำยำที่บนกายมีคราบเลือด เขาบุกเข้าไปในศาลบู๊ ผลกลับถูกคนเฝ้าศาลพาคนมาช่วยกันจับเขาโยนออกมาจากประตูใหญ่อย่างรวดเร็ว
ศาลบุ๋นบู๊สองแห่งของเขตการปกครองไม่ใช่สถานที่ที่คนไม่เกี่ยวข้องจะไปก่อความวุ่นวายได้
หลังจากที่เด็กหนุ่มคนนั้นถูกโยนออกไปนอกประตู เขาก็โขกหัวให้กับทางศาลบู๊อย่างแรงเสียงดังตึงๆ เป็นการวิงวอนขอร้อง
คนเฝ้าศาลคือผู้เฒ่าร่างผอมสูงคนหนึ่ง เขายืนอยู่บนบันไดขั้นสูงสุด ตวาดใส่เด็กหนุ่มด้วยสีหน้าดุดัน “ดาบที่อริยะของศาลบู๊ถือไว้ในมือจะปล่อยให้มนุษย์ธรรมดามาแตะต้องได้อย่างไร?! เห็นแก่ที่เจ้าอายุน้อยไม่รู้ความ เรื่องที่บุกเข้ามาในศาล ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า รีบไปซะ หยุดคิดเพ้อเจ้อได้แล้ว!”
ที่แท้เด็กหนุ่มบุกเข้าไปในศาลบู๊ก็เพราะอยากจะยืมดาบของอริยะ
เด็กหนุ่มโขกหัวจนศีรษะบวมแดงและมีเลือดไหลลงมาเป็นทางแล้ว เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสิ้นหวัง พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “อาจารย์คือชาวบ้านของเขตการปกครองแห่งนี้ มุ่งมั่นอยากกำจัดปีศาจปราบความชั่วร้าย ตอนนี้ถูกกักตัวอยู่ในป่าเขาวงกต ชีวิตตกอยู่ในอันตราย! หลังจากที่อาจารย์ส่งข้าพ้นจากไอพิษหมอกภูเขามาแล้วก็บอกว่ามีเพียงขอยืมดาบยาวเล่มนั้นจากนายท่านในศาลบู๊มา ถึงจะมีโอกาสสังหารปีศาจใหญ่ดุร้ายที่สร้างหายนะให้แก่ผู้คนตนนั้น! ท่านผู้เฒ่าผู้เฝ้าศาล ข้าขอร้องท่านล่ะ นี่เป็นเรื่องของการทำความดีสั่งสมบุญกุศล นายท่านอริยะบู๊ไม่มีทางโกรธแน่…”
ผู้เฒ่าที่มากบารมีหัวเราะเสียงเย็น “นายท่านอริยะบู๊จะโกรธหรือไม่โกรธ เจ้าเป็นคนตัดสินใจเองได้งั้นหรือ?! เอาอาวุธของอริยะศาลบู๊ท่านหนึ่งไปใช้กับเรื่องส่วนตัว ตามกฎหมายของต้าเฉวียนแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีโทษเช่นไร?! หากเป็นขุนนางในพื้นที่หรือนายอำเภอจะต้องถูกถอดออกจากตำแหน่ง! เจ้าเมืองต้องถูกลดระดับขั้น ผู้ว่าฯ ถูกปรับเงินเดือนสามปี!”
เด็กหนุ่มพึมพำอย่างร้าวรานใจสุดขีด “ในท้องถิ่นมีปีศาจออกอาละวาดทำร้ายผู้คน เหล่าขุนนางไม่สนใจก็ช่างเถิด ทว่าตอนนี้แม้แต่นายท่านอริยะบู๊ก็ยังไม่คิดจะสนใจอีกหรือ?”
ผู้เฒ่ามองดูเหมือนพูดจาดุดัน สายตาเย็นชา แต่ความจริงกลับถอนหายใจอยู่ในใจ
เด็กหนุ่มเอ๋ย เรื่องราวในโลกง่ายดายอย่างที่เจ้าคิดซะเมื่อไหร่
จูเหลี่ยนเลิกเปลือกตาขึ้นชำเลืองมองเฉินผิงอันที่อยู่ตรงหน้าเขา
เฉินผิงอันกำลังจะยกเท้าขึ้น เส้ายวนหรานกลับก้าวยาวๆ ออกไปก่อนแล้ว เฉินผิงอันจึงหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลงอย่างเงียบเชียบ
เส้ายวนหรานมาหยุดอยู่ข้างกายเด็กหนุ่ม ย่อตัวลงถาม “อาจารย์ของเจ้าถูกกักตัวอยู่ที่ไหน รู้หรือไม่ว่าปีศาจมีตบะอยู่ในขั้นใด?”
เด็กหนุ่มตอบทุกคำถามอย่างละเอียด
เส้ายวนหรานยื่นมือประคองเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้น มือข้างหนึ่งจับไหล่เขา ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ข้าจะไปช่วยอาจารย์ของเจ้า ช่วยเขากำจัดปีศาจ”
ทุกคนต่างก็ไม่มีความเห็นต่าง การเดินทางกำจัดปีศาจปราบมารทั่วสารทิศในครั้งนี้ จงขุยคือคนที่สังหารฝ่ายศัตรูได้มากที่สุด อีกทั้งเขายังไม่ได้แค่ปกป้องลูกศิษย์ในสำนักศึกษาของตัวเองเท่านั้น หลายครั้งที่การเข่นฆ่าด้านล่างภูเขาเผชิญกับความอันตราย เขาก็จะเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มของผู้ฝึกลมปราณสำนักอื่น ดังนั้นก่อนจะลงไปจากภูเขาด้วยตัวเอง เซียนดินก่อกำเนิดของภูเขาไท่ผิงที่เดิมทีรับผิดชอบควบคุมสถานการณ์ใหญ่จึงพูดกับจงขุยด้วยรอยยิ้มว่า คงต้องฝากสำนักให้ท่านอาจารย์ขุยช่วยดูแลชั่วคราวแล้ว
เซียนดินก่อกำเนิดผู้นั้นเปิดเผยกับจงขุยเป็นการส่วนตัวว่า อีกไม่นานบรรพาจารย์ของภูเขาไท่ผิงท่านนั้นก็จะกลับมาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะพานักพรตหญิงหวงถิงกลับมาจากพื้นที่มงคลดอกบัวด้วย
จงขุยจึงหัวเราะเสียงดังพูดว่ารีบกลับมาสิถึงจะดี เขาจะได้ไม่ต้องคอยจับจ้องบ่ออเวจีนั่นทุกวัน
หลังจากนั้นมาทุกวันจงขุยจะต้องเดินไปสำรวจชั้นใต้ดินของบ่ออเวจีเพียงลำพังทุกวัน
กลางดึกคืนนี้เขาเพิ่งจะเดินออกมาจากบ่ออเวจีก็ได้เห็นปีศาจใหญ่ตนหนึ่งที่…เคยได้ยินชื่อเสียงอันเลื่องลือ แต่กลับไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
อันที่จริงอย่าว่าแต่เขาจงขุยที่เป็นคนนอกเลย ต่อให้เป็นนักพรตของภูเขาไท่ผิงหลายคนที่มีตบะสูงมากก็ยังไม่เคยพบเจอปีศาจใหญ่ที่ฝึกตนอยู่บนภูเขาไท่ผิงตนนี้
นั่นคือวานรขาวสะพายกระบี่ สวมชุดดำตนหนึ่ง
ความสูงเท่าเทียมกับบุรุษวัยผู้ใหญ่ทั่วไป เพียงแต่ว่าวานรขาวที่ตบะสูงล้ำกลับไม่ได้จำแลงร่างกลายเป็นคน กลับยังคงสภาพร่างวานรขาวดั้งเดิมของตัวเองเอาไว้
แม้ว่าวานรเฒ่าจะเป็นปีศาจใหญ่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วใบถงทวีป แต่ก็เป็นข้ารับใช้ที่พิทักษ์ภูเขาของภูเขาไท่ผิงด้วย ไม่พูดถึงอายุในการบำเพ็ญเพียรของวานรเฒ่าก่อนหน้านี้ ลำพังเพียงแค่เรื่องที่ช่วยคุ้มครองภูเขาไท่ผิงก็ยาวนานถึงสามพันปีแล้ว
อายุของวานรเฒ่าตนนี้สูงกว่าบรรพจารย์ที่หลงเหลืออยู่เพียงคนเดียวของภูเขาไท่ผิงซึ่งลงจากเขาเดินทางไปข้างนอกด้วยซ้ำ การสร้างบ่ออเวจีเป็นฝีมือที่ใหญ่เทียมฟ้าของบรรพบุรุษผู้บุกเบิกภูเขาไท่ผิง ทว่าในกาลเวลาอันยาวนานหลังจากนั้น เรื่องของการเฝ้าบ่ออเวจีนี้ล้วนมอบให้กับวานรขาวที่ชอบสะพายกระบี่ น้อยครั้งจะเผยตัวบนโลกผู้นี้ ภูตผีปีศาจใหญ่ที่หนีไปได้แค่ไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์ล้วนถูกวานรขาวจัดการด้วยมือตัวเองอย่างไม่มีข้อยกเว้น เขาจัดการเสียจนสะอาดเอี่ยมจนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่เซียนดินหลายท่านของภูเขาไท่ผิงก็ไม่เคยได้ยินว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมาก่อน
ความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นตรงกับช่วงเวลาที่วานรเฒ่าผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบปิดด่าน พยายามจะฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตเซียนเหรินพอดี
คาดไม่ถึงว่าปิดด่านแค่สามปีห้าปี วานรเฒ่าก็ออกจากด่านแล้ว หรือเป็นเพราะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกจึงจำเป็นต้องปรากฎตัวล่วงหน้า?
ลมฤดูใบไม้ร่วงเยียบเย็น ผืนป่าบนภูเขาเงียบสงัด
ต่อให้วานรเฒ่าแค่ยืนอยู่ข้างกายก็ยังคงทำให้คนรู้สึกเหมือนมีภูเขาสูงใหญ่อยู่ด้านข้าง
จงขุยยังคงสวมชุดสีเขียวตัวเดียวกับตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมริมชายแดน เอ่ยถามว่า “เป็นเจ้า ใช่ไหม?”
วานรขาวสะพายกระบี่ไม่เอ่ยคำใด
เพียงแค่ใช้ปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานเป็นสายรุ้งไปจากด้านหลังเป็นคำตอบ
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!