เผยเฉียนสีหน้ามึนงง คราวนี้นางไม่ได้แกล้งทำ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาถึงถามเช่นนี้
เฉินผิงอันเองก็เริ่มสงสัยเหมือนกัน “เจ้าไม่ได้แอบลักจำเรียนจากข้ารึ?”
เผยเฉียนถามกลับ “ข้าจะเรียนท่าเดินส่ายเอียงไปเอียงมาของเจ้าทำไม?”
นางลุกขึ้นยืน สีหน้าเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา กางเล็บแยกเขี้ยว แล้วแสร้งทำท่าชักกระบี่ออกจากฝัก สองนิ้วประกบกันจ้วงแทงมั่วซั่ว เดี๋ยวก็กระโดดขึ้นลงสองสามที ยังปล่อยหมัดส่งเดชอีกหนึ่งคำรบ โอ้อวดฝีไม้ลายมือของตัวเองครบหนึ่งรอบก็กล่าวว่า “แน่นอนว่าหากข้าจะเรียนก็ต้องเรียนกระบวนท่าที่ร้ายกาจที่สุด!”
เฉินผิงอันไม่ได้รู้สึกว่าน่าตลก กลับกันสีหน้ายังเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด
บนถนนใหญ่ของพื้นที่มงคลดอกบัว การบังคับกระบี่ของลู่ฝ่าง
ท่าปรับแก้มังกรใหญ่ของเฉินผิงอัน
รวมไปถึงกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าที่ต่อยให้จ้งชิวถอยร่น
ปะปนไปกับกระบวนท่าที่มารเฒ่าติงอิงใช้แบบกระจัดกระจาย
แม้ว่ามองไปแล้วจะไม่เหมือน
แต่ว่า
เคยมีคนบอกว่า หากฝึกหมัดไม่จริงจังย่อมทำให้เทพและผีหัวเราะเยาะ แต่หากฝึกหมัดแล้วโยนกระบวนท่าหมัดทั้งหมดทิ้งไป แต่ฝึกสัจธรรมที่แท้จริงของหมัดโดยตรงเลยล่ะ?
ในความทรงจำของเฉินผิงอัน มีเพียงคนเดียวที่ทำได้แบบนี้
จริงดังที่คาดไว้
เฉินผิงอันถามหนึ่งคำถาม “เมื่อตอนกลางวันเจ้าจ้องมองนักพรตเส้าแบบนั้น เป็นเพราะมองอะไรออก?”
เผยเฉียนไม่กล้าตอบ
เฉินผิงอันเอ่ย “ขอแค่ไม่โกหก ไม่ว่าเจ้าพูดอะไรก็ล้วนไม่มีปัญหา”
เผยเฉียนถึงได้กวาดตามองซ้ายมองขวา ก่อนเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้ารู้สึกว่าคนแซ่เส้าผู้นั้นไม่ได้มีเจตนาดี ไม่ใช่คนดี”
เฉินผิงอันถามคำถามข้อที่สอง “เจ้ามองเห็นนักพรตผู้เฒ่าที่มาเยือนคืนนี้ใช่หรือไม่?”
เผยเฉียนพยักหน้ารับอย่างแรง
เฉินผิงอันรู้สึกจนใจเล็กน้อย
นั่นคือวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่ย่อพื้นที่ให้เล็กลงที่บรรพจารย์แห่งภูเขาไท่ผิงเป็นผู้ร่ายใช้เชียวนะ
เฉินผิงอันถามอีก “หากวันหน้าเจ้าฝึกหมัดแล้วได้ดี เมื่อมีคนมารังแกเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร บอกมาตามตรง!”
เผยเฉียนสองจิตสองใจ “ต่อยหมัดเดียวให้เขาร่อแร่ใกล้ตาย?”
เห็นว่าเฉินผิงอันคล้ายจะโมโห ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนางจึงยกสองมือกอดอก พูดเสียงขุ่นเคืองอย่างไม่แยแส “ต่อยหนึ่งหมัดให้ตายไปเลย!”
เฉินผิงอันถามด้วยรอยยิ้ม “แล้วถ้าความจริงเจ้าเป็นคนผิดเล่า?”
เผยเฉียนกล่าวอย่างมีเหตุมีผล “ข้าอยู่ข้างกายเจ้าทุกวัน จะทำผิดได้อย่างไร!”
ในใจเฉินผิงอันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่กลับตีหน้าเคร่งถามว่า “แต่สักวันหนึ่งเจ้าก็ต้องออกจากบ้านไปเดินทางท่องยุทธภพเพียงลำพัง”
เผยเฉียนกล่าวอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยว “ไม่มีทาง! ทำไมข้าต้องออกจากบ้านไปคนเดียวด้วย ข้างนอกมีคนชั่วอยู่มากมายขนาดนั้น หากเอาชนะพวกเขาไม่ได้จะทำอย่างไร? อีกอย่าง หากถึงเวลานั้นข้าเอาเงินไปไม่มากพอ ทุกวันต้องทนหิว ข้าต้องไปขโมยไปแย่งชิงของของคนอื่นแล้วเจ้ารู้เข้า เจ้าก็จะต้องตีข้าด่าข้าอีก ข้าจะทำยังไงได้? ถูกไหม ดังนั้นข้าไม่มีทางออกจากบ้านแน่”
เฉินผิงอันถาม “แล้วถ้าวันหนึ่งเจ้าฝึกวรยุทธ์จนเก่งกาจอย่างมาก เก่งกว่าข้าอีกล่ะ?”
เผยเฉียนขมวดคิ้ว ตั้งใจคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะส่ายหน้าสุดชีวิต “ข้าขี้เกียจจะตาย ชอบนอนมากที่สุด แถมยังกลัวเจ็บ ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้สักหน่อย ก่อนหน้านี้ตอนที่เดินทาง ฝ่าเท้าข้ามีตุ่มน้ำพอง เวลาที่ต้องเจาะมันให้แตก ข้ายังแหกปากร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง ตอนอยู่โรงเตี๊ยมเจ้าต่อสู้กับคนอื่นจนกระดูกโผล่ออกมาจากแขนสองข้าง เจ้าไม่ร้องไห้ แต่ข้าน่ะทำไม่ได้หรอกนะ หากข้าก้มหน้าลงแล้วเห็นแขนตัวเองเป็นอย่างนั้นอาจจะตกใจจนเป็นลมไปเลยก็ได้ เฮ้อ ใต้หล้านี้หากมีวิชายุทธ์ล้ำโลกที่ไม่ต้องทนลำบากแล้วฝึกได้สำเร็จในวันเดียวก็ดีน่ะสิ”
เฉินผิงอันกลั้นหัวเราะ “เจ้าเองก็รู้ด้วยหรือว่าตัวเองขี้เกียจ ไม่แสวงหาความก้าวหน้า แถมยังขี้ขลาดด้วย?”
เผยเฉียนไหล่ลู่คอตก ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
เฉินผิงอันถาม “ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ?”
เผยเฉียนกล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจ “เจ็บคาง”
เฉินผิงอันหัวเราะ หมุนตัวกลับไป เอาหลังพิงโต๊ะหิน เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน
เผยเฉียนเลียนแบบเขาบ้าง เพียงแต่ว่านางตัวเล็ก จึงได้แต่เอาท้ายทอยวางพาดบนโต๊ะหินเท่านั้น
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “ผ่านปีนี้ไป เจ้าก็จะอายุสิบเอ็ดขวบแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องตั้งใจเรียนหนังสือให้มาก ศึกษาเล่าเรียนเหตุผลและหลักการเยอะๆ”
แบกรับความรับผิดชอบที่หนักหน่วง ทั้งยังต้องทนรับความลำบากอย่างยาวนาน
เหนื่อยใจยิ่งกว่าตอนตนฝึกวิชาหมัดหนึ่งล้านครั้งเสียอีก
แต่ว่าก็ยังดี
เฉินผิงอันพูดความในใจกับเผยเฉียนอย่างที่หาได้ยาก “ตอนที่อยู่บ้านเกิด ข้าอายุค่อนข้างมากแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้เรียนหนังสือ อาจารย์ฉีจึงบอกกับข้าว่าหลักการอยู่ในหนังสือ แต่การปฏิบัติตนนั้นอยู่นอกตำรา”
สุดท้ายเฉินผิงอันพึมพำว่า “หวังว่ายามเยาว์วัยของทุกคนบนโลกล้วนสามารถได้พบเจอกับอาจารย์ฉี”
เผยเฉียนในเวลานี้ยังคงเป็นเด็กหญิงที่ชอบจะเลือกฟังแค่ในสิ่งที่ตัวเองชอบใจ
ยกตัวอย่างเช่นเฉินผิงอันบอกว่าปีหน้านางจะอายุสิบเอ็ดปีแล้ว
บนโลกนี้มีเพียงแค่เฉินผิงอันที่จดจำเรื่องพวกนี้ได้ ปีนี้นางอายุสิบขวบ ปีหน้าก็สิบเอ็ดขวบ
……
นักพรตเฒ่าแห่งภูเขาไท่ผิงพลันหยุดชะงัก หยิบไม้ไหวออกมา จิตหยินของจงขุยจึงปรากฏกาย
บนทะเลเมฆ จงขุยเห็นคนที่คุ้นเคยอย่างถึงที่สุดคนหนึ่งยืนอยู่ห่างไปไม่ไกล เขาก็คือเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาต้าฝู อาจารย์ของเขา
เจ้าขุนเขาสำนักศึกษาต้าฝูเพียงแค่มองจงขุย
จงขุยจึงเอ่ยเรียกเบาๆ “อาจารย์?”
ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เจ้าขุนเขาจะไม่กล้าเชื่อว่าฝันร้ายนี้เป็นความจริง แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า “ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย”
แค่ความคิดเดียวที่ผิดพลาด ตอนนั้นเขาไม่ควรไปที่จวนปี้โหยว ไม่ควรให้ลูกศิษย์ที่ ‘ตนภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต’ คนนี้เดินทางไปที่ภูเขาไท่ผิง ควรให้เขาอยู่ในโรงเตี๊ยมของเมืองเล็กริมชายแดน คอยจับตามองจิ้งจอกเก้าหางที่อำพรางตัวไม่ยอมเผยกายตัวนั้นไปซะ
แม้ว่าจิ้งจอกเก้าหางจะเป็นปีศาจใหญ่ขอบเขตสิบสอง ทว่าสถานะของนางพิเศษอย่างยิ่ง ลำดับศักดิ์ก็สูงมาก เป็นเหตุให้นามแท้จริงของนางถูกเปิดเผยมานานแล้ว ขอแค่รู้ชื่อจริงของปีศาจใหญ่ยุคบรรพกาลทั้งหมดที่อยู่บนโลก และขอแค่ร่างของจงขุยอยู่ในใต้หล้าไพศาลก็เท่ากับว่ามีพลังเหลือให้ปกป้องตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!