กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 353

บทที่ 353.2 ป้ายศาลบรรพจารย์ แสงจันทร์ส่องเหนือศีรษะ
ProjectZyphon
หลังจากนั้นก็เป็นขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความสูงศักดิ์ ข้าติดตามหลายคนล้วนเป็นผู้ฝึกลมปราณที่ฝึกตนจนประสบความสำเร็จ

ต่อมาก็เป็นนักพรตหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาดุจหยกสลักคนหนึ่ง เขาขึ้นเขามาอย่างเงียบเชียบ ข้างกายมีอาจารย์และศิษย์คู่หนึ่งติดตามมาด้วย ผู้เฒ่าขอบเขตไม่สูง อีกทั้งยังบาดเจ็บสาหัส ส่วนลูกศิษย์คือเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่หน้าตาท่าทางเหมือนคนซื่อ

สุดท้ายคือผู้บัญชาการณ์ที่อยู่เบื้องบนศาลเทพภูเขาเล็กๆ อย่างเขาที่ปรากฏตัวกลางดึก ซึ่งก็คือเทพอภิบาลเมืองของศาลเทพอภิบาลเมืองในเขตการปกครอง แต่งกายด้วยชุดขุนนางเหมือนผู้ว่าฯ ของในโลกมนุษย์ มีหน้าที่ควบคุมดูแลศาลเทพอภิบาลเมืองและพวกเทพภูเขาแม่น้ำในระดับอำเภอทั้งหมด ส่วนศาลบุ๋นบู๊สองแห่งนั้นกลับไม่นับรวมอยู่ด้วย เพราะอยู่ในการปกครองของกรมพิธีการแห่งแคว้นโดยตรง แต่ไหนแต่ไรมาศาลเทพอภิบาลเมืองก็ไม่ไปมาหาสู่กับศาลทั้งสองแห่งนั้นอยู่แล้ว ส่วนข้อที่ว่าทั้งสองฝ่ายใครมีระดับสูงกว่ากัน ใครมีอำนาจมากกว่ากัน เวลาที่พบเจอกับสถานการณ์เร่งด่วน ใครจะเป็นคนควบคุมสถานการณ์ แต่ละสถานที่ก็จะมีสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

ตู้หันหลิงเจ้าอารามจินติ่ง เกาซื่อเจินเซินกั๋วกงแห่งต้าเฉวียน เทพอภิบาลเมืองของเมืองฉีเฮ้อ

บวกกับเส้ายวนหรานที่เป็นทั้งลูกศิษย์ของอารามจินติ่ง และเป็นทั้งข้ารับใช้เชื้อพระวงศ์สกุลหลิวต้าเฉวียน

แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว ทัศนียภาพงดงามชวนให้สบายอกสบายใจ คนทั้งสี่มารวมตัวกันอยู่ที่ศาลาชมทิวทัศน์บนภูเขาที่มีทัศนียภาพงามเป็นเอก

เทพภูเขายืนคอยอยู่ไกลๆ พร้อมรับคำสั่งทุกเมื่อ

ตรงศาลา ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ

หลังจากที่ลงจากภูเขา กลับไปยังเมืองเซิ่นจิ่งอันเป็นเมืองหลวงของต้าเฉวียน เซินกั๋วกงเกาซื่อเจินก็ไม่มีสีหน้ากลัดกลุ้ม มืดทะมึนดั่งตอนที่เดินทางมาอีก

เทพอภิบาลเมืองกลับไปยังหอเทพอภิบาลเมืองซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในเมืองฉีเฮ้อ เขาจ้องมองไปทางจุดพักม้าแห่งนั้นด้วยสายตาเย็นชา มุมปากกระตุกยิ้มดูแคลน

ตู้หันหลิงอยู่ต่อบนภูเขาอีกวันหนึ่ง

ก่อนจะจากมาได้เรียกลูกศิษย์ที่ชั่วชีวิตนี้ไม่มีหวังจะได้เลื่อนขั้นเป็นโอสถทองอย่างนักพรตเป่าเจิน อิ่นเมี่ยวเฟิงและศิษย์หลานอย่างเส้ายวนหรานมาพบ ตอนนี้อาจารย์และศิษย์ทั้งสองต่างก็เป็นขอบเขตประตูมังกร นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถรับหน้าที่เป็นข้ารับใช้ระดับต้นอยู่ในเมืองเซิ่นจิ่งได้ แต่ต้องไปปักหลักอยู่ที่ริมชายแดนเพื่อคอยจับตามองกองทัพม้าเหล็กสกุลเหยาให้แก่สกุลหลิว

นอกจากจะมอบสมบัติสำคัญชิ้นหนึ่งให้เส้ายวนหราน ซึ่งถือเป็นของขวัญที่ทางสำนักสมควรมอบให้เส้ายวนหรานหลังจากเขาได้กลายเป็นโอสถทองล่วงหน้าแล้ว

เซียนดินตู้หันหลิงยังบอกเรื่องลับอีกเรื่องหนึ่งแก่พวกเขา

ขนาดเส้ายวนหรานที่มีนิสัยสุขุมหนักแน่นก็ยังปิดบังสีหน้าปิติยินดีเป็นล้นพ้นไว้ไม่อยู่ อิ่นเมี่ยวเฟิงก็ยิ่งหัวเราะจนหุบปากไม่ลง ลุกขึ้นยืนขอบพระคุณอาจารย์แทนลูกศิษย์ตัวเองอย่างพินอบพิเทา

ตู้หันหลิงเอ่ยชมเส้ายวนหรานสองสามคำแล้วก็ทะยานลมมุ่งหน้าไปทางเหนือ กลับไปยังอารามจินติ่ง ก่อนจะจากไปยังไม่ลืมมอบสมบัติวิเศษชั้นดีที่ระดับขั้นไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่งให้กับเทพภูเขา

เทพภูเขาย่อมซาบซึ้งในพระคุณอย่างสุดแสน หลังจากเทพเซียนผู้เฒ่าตู้ทะยานเมฆจากไปแล้ว เขาถึงกับคุกเข่าโขกศีรษะคำนับขอบคุณอยู่ไกลๆ

อันที่จริงวิธีการประจบสอพลอที่แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าต่ำช้าของเทพภูเขานี้ มองดูเหมือนจอมปลอมไปบ้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วจะโทษที่เทพภูเขาไม่มีมาดของคนเป็นเทพก็ไม่ได้ ของวิเศษตกมาอยู่ในมือไม่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่การที่ได้แอบอิงผู้มีอิทธิพลอย่างเซียนดินก่อกำเนิดซึ่งเป็นดั่งมังกรเทพเห็นหัวไม่เห็นหางท่านหนึ่งของอารามจินติ่งต่างหากถึงจะเป็นความโชคดีท่วมเทียมฟ้าของศาลเทพภูเขาเล็กๆ แห่งนี้

นับจากวันนี้ไป ขอแค่พูดถึงการประเมินผลด้วยพู่กันด้ามทองจากเทพอภิบาลเมืองท่านนั้น เขายังจะแย่ได้หรือ?

อาจารย์และลูกศิษย์ที่เส้ายวนหรานนักพรตหนุ่มพาขึ้นภูเขามาหยุดพักรักษาตัวบนภูเขาต่อ

อิ่นเมี่ยวเฟิงเจินเหรินผู้เฒ่าและเส้ายวนหรานไม่ได้เข้าเมืองไปพร้อมกัน แต่ทยอยกันกลับไปถึงจุดพักม้าในเมือง

บนเรือนพักที่เงียบสงบแห่งหนึ่งบนภูเขา เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่บุกเข้าไปยืมดาบในศาลบู๊มีสีหน้าซับซ้อน เขานั่งอยู่บนม้านั่งผ้าแพรปักดิ้นที่วางอยู่ข้างเตียง สองมือกำเป็นหมัดราวกับกำลังขบคิดถึงปัญหาข้อหนึ่งที่ไม่ว่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก

อาจารย์ของเขานอนพักฟื้นอยู่บนเตียง แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่เบา หากคิดจะต่อสู้เข่นฆ่ากับคนอื่น หรือกำจัดปีศาจปราบมารในช่วงเวลาอันใกล้นี้ถือเป็นความคิดที่เพ้อเจ้อ แต่ลงจากเตียงมาเดินกลับไม่ใช่เรื่องยาก

ผู้เฒ่าหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทว่าท่าทางกระปรี้กระเปร่า สายตาเป็นประกายเจิดจ้า เขาหันหน้ามาจ้องลูกศิษย์ที่มีเพียงคนเดียวของตน “รับลูกศิษย์ที่ดีคือความยากอย่างหนึ่ง ลูกศิษย์ฝึกตนได้อย่างราบรื่นคือความยากอีกอย่างหนึ่ง ไม่ได้ง่ายไปกว่าการดูแลลูกหลานในครอบครัวเลย ข้าไม่มีลูกหลาน ลูกศิษย์ก็มีเพียงเจ้าคนเดียว แล้วนับประสาอะไรกับที่พรสวรรค์ของเจ้าดีกว่าข้ามากนัก ไม่ช่วยวางแผนการที่ดีในอนาคตให้แก่เจ้า ข้าที่เป็นอาจารย์ย่อมนอนตายตาไม่หลับ”

ผู้เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ล้วนพูดถึงเหตุผลและเรื่องในอดีตให้เจ้าฟังหมดแล้ว ส่วนข้อที่ว่าอาจารย์รู้จักกับอารามจินติ่งได้อย่างไร เหตุใดครั้งนี้เจ้าถึงเพิ่งได้มาเจอกับเจินเหรินน้อยเส้า เจ้าก็อย่าถามมากเลย นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าแค่ตั้งใจฝึกตนให้ดีก็พอ เทพเซียนผู้เฒ่าตู้ช่วยลงมือทำลายคอขวดให้เจ้าด้วยตัวเอง เจ้าก็จะได้เลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง บุญคุณครั้งนี้ต้องจดจำให้ขึ้นใจ พูดประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อย อารามจินติ่งเป็นตระกูลเซียนที่ใหญ่ขนาดนั้น ต่อให้เจ้าอยากตอบแทนบุญคุณด้วยความจริงใจ คนเขาจะต้องการไหม? แต่ว่าใจรู้คุณคนนี้ก็ยังต้องมี ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแม้แต่คุณสมบัติได้เป็นหมาตัวหนึ่งของอารามจินติ่งด้วยซ้ำ”

ดวงตาของเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่มีน้ำตาเอ่อคลอ ก้มหน้าพูดว่า “ศิษย์ไม่ได้เรื่อง ทำให้อาจารย์ต้องได้รับความอยุติธรรมแล้ว”

ผู้เฒ่าถอนหายใจ ยื่นนิ้วมาจิ้มเจ้าตอไม้ทื่อผู้นี้ “เจ้าน่ะยังไม่เฉลียวฉลาดมากพอ ช่างเถอะๆ หากไม่เป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่มีทางรับเจ้าเป็นศิษย์เพียงผู้เดียว บอกตามตรง บุคคลที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำอย่างเจินเหรินน้อยเส้านี้ ต่อให้ข้าได้พบเจอเขาเร็วกว่าใครก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะกล้ารับเข้ามาในสำนัก หากเขาทะยานลมกลายเป็นมังกรขึ้นมา นักพรตขอบเขตชมมหาสมุทรอย่างข้าหรือจะบังคับควบคุมเขาได้”

ถึงอย่างไรเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็ยังอยู่ในวัยที่ชอบเอาชนะ จึงพูดว่า “อาจารย์ อายุน้อยๆ ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นประตูมังกร ข้าเองก็พอจะมีความหวังบ้างเหมือนกัน”

ผู้เฒ่าด่ายิ้มๆ “เจ้าเด็กเพ้อเจ้อ! ออกไปฝึกตนเลย อาจารย์ยังต้องรักษาบาดแผล ไม่อยากสีซอให้ควายฟังแล้ว!”

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ร้องอ้อรับแล้วลุกขึ้นยืน บอกลาจากไป

ตอนที่เด็กหนุ่มเดินไปถึงหน้าประตู นักพรตเฒ่าก็เอ่ยปลอบใจเขาขึ้นมาเบาๆ “บนเส้นทางของการฝึกตน บางครั้งก็หลีกเลี่ยงความอยุติธรรมไม่ได้ กลัวก็แต่ชีวิตนี้ได้แต่สะสมความอยุติธรรมเอาไว้ ดังนั้นเจ้าต้องเดินไปให้ไกลกว่าและสูงยิ่งกว่าอาจารย์ จะได้ทำให้ตัวเองได้รับความอยุติธรรมน้อยลง ศาลเทพภูเขาและศาลาชมทิวทัศน์ของที่แห่งนี้ไม่ถือว่าสูงพอ เดินจากใบถงทวีปถึงราชวงศ์ต้าเฉวียนก็ไม่ถือว่าไกลพอ ฟ้าดินแถบนี้ บุคคลพิเศษที่มีความสามารถ มีแต่จะอยู่สูงยิ่งกว่านี้”

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่หันหน้ามาพยักหน้ารับ “ข้าจำไว้แล้ว”

ผู้ฝึกตนเฒ่าคลี่ยิ้ม “หากเป็นไปได้ วันหน้าเมื่อขอบเขตสูงขึ้นแล้ว ถ้ามีวันที่สามารถนั่งทัดเทียมกับบุคคลอย่างเทพเซียนผู้เฒ่าตู้จริงๆ ถึงเวลานั้นจงจำไว้ว่ามนุษย์ธรรมดาใต้ภูเขา อย่างไรก็ดีกว่า”

เด็กหนุ่มที่อัดอั้นไม่สบายใจมาตลอดเวลา บัดนี้พลันคลี่ยิ้มเจิดจ้า พยักหน้ารับอย่างแรงตามสัญชาตญาณ

ผู้เฒ่ายิ้ม “เป็นเด็กเพ้อเจ้อจริงๆ!”

……

หนึ่งวันก่อนจะเดินทางไปยังเมืองเซิ่นจิ่ง มีคนมาเยี่ยมเฉินผิงอันถึงเรือนที่พัก

คือนักพรตหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดนักพรตเฒ่า บนศีรษะสวมกวานดอกบัว เนื้อตัวมอมแมมจากการเดินทาง เขาดื่มชาเย็นๆ ถ้วยหนึ่งในห้องเฉินผิงอัน บอกว่าเขาอยู่ใกล้กับเมืองฉีเห้อมากที่สุดจึงโชคดีได้รับคำสั่งจากท่านบรรพจารย์ให้นำของสิ่งหนึ่งมามอบให้เฉินผิงอัน

นักพรตหนุ่มที่มีชาติกำเนิดจากภูเขาไท่ผิงหยิบป้ายหยกชิ้นหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง

พอวางป้ายหยกลงบนโต๊ะแล้วก็อธิบายให้เฉินผิงอันฟังถึงความเป็นมาของแผ่นหยกไปคำรบหนึ่ง นักพรตหนุ่มพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านบุรพาจารย์ต้องการให้ข้าบอกอย่างชัดเจนว่า คุณชายเฉินไม่ต้องกังวลว่าภูเขาไท่ผิงจะเล่นตุกติกกับป้ายหยกแผ่นนี้ ทำให้ร่องรอยของท่านอยู่ในสายตาของภูเขาไท่ผิงเรา ป้ายหยกได้ถูกท่านบุรพาจารย์ถอนพันธนาการของสำนักออกไปแล้ว คุณชายแค่มองมันเป็นวัตถุชิ้นหนึ่งที่คุณภาพดีก็พอ แต่แน่นอนว่าสำหรับคนนอกแล้ว ความหมายมันไม่ธรรมดา ดังนั้นหวังว่าก่อนที่คุณชายเฉินจะออกไปจากใบถงทวีปจะยอมยุ่งยากแขวนมันไว้ข้างเอวทุกวัน”

เฉินผิงอันลุกขึ้นขอบคุณ นักพรตภูเขาไท่ผิงรีบคำนับกลับคืน พูดติดๆ กันว่ามิกล้า

เฉินผิงอันเก็บป้ายหยกมาแล้วเอาแขวนไว้ที่ข้างเอวทันที กลายเป็นว่าป้ายหยกกับน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ หนึ่งอยู่ซ้าย หนึ่งอยู่ขวา

จากนั้นก็เดินไปส่งนักพรตหนุ่มที่บอกชื่อแซ่ตัวเองแล้วเดินเข้ามาในจุดพักม้าอย่างตรงไปตรงมาที่หน้าประตูใหญ่

การกระทำนี้มาจากความปรารถนาดีจากใจจริงของภูเขาไท่ผิง

ป้ายหยกของลูกศิษย์ผู้สืบทอดของบรรพจารย์ภูเขาไท่ผิงที่อยู่ตรงเอวเฉินผิงอันแผ่นนี้ หน้าตรงและหน้าหลังสลักคำว่า ‘ภูเขาไท่ผิงข้าคือผู้ฝึกตนที่แท้จริง’ กับ ‘สืบทอดควันธูปศาลบรรพจารย์’

เซียนดินโอสถทอง ก่อกำเนิดของภูเขาไท่ผิงก็ยังไม่แน่เสมอไปว่าจะได้แขวนป้ายนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!