ลู่ยงกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน เอนหลังพิงเสาใหญ่ เหนือศีรษะก็คือมังกรทองที่ห้อยตัวลงมา ศีรษะของมันหมุนบิดตามลู่ยงอยู่ตลอด แสดงให้เห็นว่าสามารถกัดหัวของลู่ยงได้ทุกเมื่อ
เจียงซ่างเจินข่มกลั้นโทสะ หุบยิ้ม ย่อตัวลงนั่งยอง มองสบตาลู่ยงแล้วคลี่ยิ้มอีกครั้ง “ได้รับความอัปยศใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ โกรธหรือไม่?”
ลู่ยงกล่าวอย่างตระหนกลนลาน “มิกล้าๆ!”
ความคิดของเจียงซ่างเจินขยับเล็กน้อย เบื้องหน้าของเขาก็มีใบหลิวสีเขียวขจีใบหนึ่งปรากฏขึ้น
ลู่ยงตะลึงพรึงเพริด ถึงกับหมอบลงโขกหัวเสียงดังปังๆ “ขอร้องผู้อาวุโสโปรดเว้นชีวิต!”
แต่ไหนแต่ไรมาเจียงซ่างเจินแห่งสำนักกุยหยกมีแค่ชื่อเสียงเรื่องกระเป๋าเงินตุงแน่นโด่งดังไปทั่วใบถงทวีป น้อยครั้งนักที่จะมีข่าวว่าเขาสังหารคนแพร่ออกไป
แต่เจ้าสำนักผู้เฒ่าของสำนักกุยหยกโปรดปรานเจียงซ่างเจินมาก นี่เป็นเรื่องที่คนรู้กันทั่วทั้งทวีป เดิมทีพื้นที่มงคลถ้ำเมฆานั้นมีสำนักกุยหยกและสกุลเจียงร่วมกันดูแล แต่เจ้าสำนักกลับไม่สนใจคำครหา ยกทั้งถ้ำเมฆาให้เจ้าประมุขสกุลเจียงที่ตอนนั้นยังเป็นหนุ่มไป
เมื่อประมาณห้าร้อยปีก่อน สำนักใบถงมีกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘กุยหยกรังแกได้ แต่เจอเจียงให้เดินอ้อมไป’ อีกทั้งเล่าลือกันว่านี่เป็นคำสั่งเสียก่อนตายของผู้ฝึกตนก่อกำเนิดคนหนึ่งของสำนักใบถงด้วย
เจียงซ่างเจินเจ้าประมุขตระกูลเจียง มีวัตถุแห่งชะตาชีวิตเป็นเพียงแค่ใบหลิวใบเดียว อย่าว่าแต่สำนักใบถงเลย ต่อให้เป็นเซียนดินของสำนักกุยหยกเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
ประโยคสั่งเสียท่อนสุดท้ายของผู้เฒ่าก่อกำเนิดสำนักใบถงท่านนั้นก็คือ ‘หนึ่งใบหลิวสังหารเซียนดิน’
เจียงซ่างเจินลูบคลำปลายคาง “เมื่อมาอยู่ในมือของข้า ชื่อเสียงและบารมีของสกุลเจียงเงียบหายไปสองร้อยปี ออกจากภูเขามาครั้งนี้ ถ้าไม่ฆ่าเซียนดินสักคนย่อมผิดต่อบรรพบุรุษ”
ลู่ยงน้ำตาไหลอาบหน้า เงยหน้าพูดว่า “ผู้อาวุโสสังหารก่อกำเนิดปลายแถวอย่างข้าลู่ยงจะไม่ยิ่งสร้างความอัปยศให้แก่สกุลเจียงหรอกหรือ? ผู้อาวุโสควรเปลี่ยนไปฆ่าคนอื่นมากกว่า!”
เจียงซ่างเจินจุ๊ปาก “ประโยคนี้กล่าวได้อย่างมีไหวพริบเฉียบไวเหมือนข้า น่าสนใจๆ”
เจียงซ่างเจินดีดนิ้วหนึ่งที ใบหลิวใบนั้นและฟ้าดินขนาดเล็กก็หายไปพร้อมกัน
ลู่ยงที่ไปเดินวนเวียนอยู่หน้าประตูผีมารอบหนึ่งยังคงไม่กล้าลุกขึ้นยืน นั่งอยู่บนพื้นด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง “ขอผู้อาวุโสโปรดมอบโอกาสให้ข้าลู่ยงอีกสักครั้ง คราวนี้หากยังไม่สามารถทำให้ท่านผู้อาวุโสพอใจได้ ลู่ยงจะขอร้องความตายด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าหากเป็นเช่นนั้น ยังหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะไม่เอาความโกรธไประบายใส่ตำหนักพยัคฆ์เขียว”
เจียงซ่างเจินพยักหน้ารับ “ถือว่ายังพูดภาษาคนเป็นอยู่บ้าง เอาเถิด ลุกขึ้นได้แล้ว เป็นถึงเซียนดินก่อกำเนิดผู้ยิ่งใหญ่ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ได้ หากแพร่ออกไปคนอื่นจะนึกว่าข้าเจียงซ่างเจินอาศัยขอบเขตที่สูงกว่ามารังแกคนอ่อนแอ ถือว่าเจ้าโชคดี หากวันนี้เจ้าลู่ยงเป็นขอบเขตหยกดิบ ก็คงตายไปแล้ว”
ลู่ยงลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วน้ำตาก็ไหลพรากอาบใบหน้าที่เหี่ยวย่นอีกครั้ง “ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสที่ไม่สังหาร”
เจียงซ่างเจินกล่าวอย่างปลงอนิจจัง “ดูจากท่าทางของเจ้าตอนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่าน่าสงสารนัก ดูท่าคงเพราะไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งมานานเกินไป จิตใจถึงได้อ่อนลงตามไปด้วย ต้องรู้ว่าปีนั้นหากเจอกับเซียนดินสำนักใบถงที่มีขอบเขตเดียวกัน สุดท้ายต่อให้เขาจะโขกศีรษะขอร้องข้าหนึ่งพันครั้ง ข้าก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีความจริงใจมากพอ ยังต้องประทานหนึ่งใบหลิวให้เขาเป็นรางวัล ตัดหัวทารกก่อกำเนิดที่อยู่ในร่างของเขามาซะ คราวนี้กลับไปถึงสำนักต้องหาเรื่องยุ่งยากทำบ้างถึงจะได้”
เจียงซ่างเจินโบกมือ “ออกไปเถอะ หากเจ้าส่งมอบสิ่งของเรียบร้อย เรื่องราวทุกอย่างก็ถือว่าจบลงตรงนี้ ไม่ต้องกังวลว่าวันหน้าข้าจะมาคิดบัญชีเจ้าย้อนหลัง ลูกศิษย์คนนั้นของตำหนักพยัคฆ์เขียวก็ยังคงสามารถไปเยือนพื้นที่มงคลถ้ำเมฆาได้”
เจียงซ่างเจินอารมณ์ดีขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “ใช่แล้ว นี่เรียกว่าคนละเรื่องไม่เอามาปนกัน”
ลู่ยงก้าวถอยหลังเดินออกไปจากห้อง พอปิดประตูเรียบร้อยก็พลันตระหนักได้ว่าห้องนี้เป็นห้องที่เขาใช้พักอาศัยบนเรือข้ามฝากลำนี้ แต่เขาหรือจะกล้าเคาะประตูอีกครั้ง ได้แต่ตรงไปขอห้องธรรมดาอีกห้องหนึ่งมาจากผู้ดูแลเรือ
ท่ามกลางม่านราตรี ลู่ยงย้อนกลับไปที่ห้องของเฉินผิงอันอีกครั้ง พอนั่งลงเรียบร้อยก็ไม่พูดมากความใดๆ หยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กลักษณะเรียบง่ายธรรมดาออกมาสามใบ ภายใต้สายตาสงสัยของเฉินผิงอัน ลู่ยงลุกขึ้นพูดว่า “ในขวดกระเบื้องสามใบนี้ ยานั่งลืมตนหกเม็ดบรรจุอยู่ในขวดหนึ่ง ในอีกสองขวดที่เหลือบรรจุยามังกรเพลิง ยาโปรยพิรุณไว้ขวดละหกเม็ด ใต้ก้นขวดมีระบุไว้ วัตถุดิบหลักของฝ่ายแรกเลือกมาจากคราบร่างของเจียวเพลิงตัวหนึ่ง ฝ่ายหลังเลือกมาจากตะไคร่ที่มีเฉพาะบนผนังหินแห่งนั้นของสำนัก เหมาะสำหรับผู้ฝึกลมปราณทุกคนที่มีขอบเขตต่ำกว่าเซียนดินลงไป ใช้ร่วมกันสองเม็ดจะให้ประสิทธิผลที่ดีเยี่ยม สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ดวงวิญญาณ มีคำกล่าวขานที่น่าฟังว่า ‘ร่างทองทาสี’ โดยเฉพาะหากเป็นผู้ฝึกลมปราณที่ถูกสกัดกั้นอยู่เหนือธรณีประตูขอบเขตโอสถทอง ยานี้ก็จะถูกมองเป็นทางลัดในการฝ่าทะลุขอบเขต”
ไม่รอให้เฉินผิงอันปฏิเสธ
ลู่ยงก็กล่าวขึ้นเสียงหนักว่า “หากวันนี้คุณชายเฉินไม่รับไว้ ลู่ยงไม่กล้าบีบบังคับ ถ้าอย่างนั้นก็ขอร้องท่านว่าหากคราวหน้าเดินทางผ่านยอดเขาเทียนแจว๋ โปรดอย่าลืมจุดธูปสามดอกให้ข้าลู่ยงเหนือซากปรักหักพังของตำหนักพยัคฆ์เขียวข้าด้วย”
กล่าวจบร่างของลู่ยงก็หายวับไปทันที
เผยเฉียนเบิกตากว้าง
ใต้หล้านี้มีวิธีมอบของขวัญเช่นนี้ด้วยหรือ?
ข้อนี้นางเลียนแบบไม่ได้หรอกนะ
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน กวาดตามองไปรอบด้าน “เจียงซ่างเจิน ออกมาพบกันหน่อยดีไหม?”
เจียงซ่างเจินยืนอยู่ตรงระเบียงชมทิวทัศน์ ยิ้มตาหยีโบกมือให้
หลังจากโบกมือทักทายเสร็จ เจียงซ่างเจินก็ทิ้งตัวหงายไปด้านหลัง พุ่งตัวออกจากระเบียงจมหายไปในทะเลเมฆด้านหนึ่งของเรือ จากไปอย่างสง่างามเช่นนี้
เฉินผิงอันยกมือนวดคลึงหว่างคิ้ว
ปวดหัว
ลู่ยงเดินไปยังห้องที่เจียงซ่างเจินใช้ ‘พูดเหตุผลกับตน’ อย่างกระวนกระวายใจ หลังเคาะประตูแล้วไม่มีคนตอบรับก็ปลุกความกล้าเคาะประตูอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว
เขารออยู่นานมากถึงได้ผลักประตูเข้าไป
ไม่เห็นเจียงซ่างเจินอยู่ในห้องแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!