ฟ่านเอ้อร์พยักหน้ารับ “สินเดิมที่สตรีผู้นั้นนำมายิ่งใหญ่อลังการเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้ถึง หมัวมัวที่ช่วยอบรมสั่งสอนนางคือผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดในตำนาน ติดตามนางเข้ามาอยู่ในตระกูลฝูด้วย นอกจากนี้ในสินเดิมยังมี…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ ฟ่านเอ้อร์ก็ถอนหายใจ จิบเหล้าอีกหนึ่งอึก “เจียวน้อยตัวหนึ่งที่แอบติดตามมาจากใต้ทะเลลึกของคฤหาสน์สกุลเจียงจนมาถึงนอกนครมังกรเฒ่า แม้ว่าเพิ่งจะมีตบะเป็นขอบเขตโอสถทอง เพียงแต่เผ่าพันธุ์ที่เหลือทิ้งไว้จากยุคบรรพกาลเช่นนี้ ตามกฎแล้วโอสถทองสามารถนำมาใช้เทียบกับก่อกำเนิดได้”
เฉินผิงอันกล่าว “เมื่อเป็นเช่นนี้ตระกูลฝูก็มีรากฐานที่แน่นหนาลึกล้ำที่สุดในนครมังกรเฒ่าแล้ว อย่างน้อยด้านพลังอำนาจก็มากพอ”
เพียงแต่ไม่นานเฉินผิงอันก็ขมวดคิ้ว “แต่ต่อให้มีสินเดิมของสกุลเจียงอวิ๋นหลินมาช่วยเป็นกำลังเสริม อีกทั้งยังมีตระกูลฟ่านของพวกเจ้าเป็นพันธมิตร ตระกูลฝูคิดจะฮุบกลืนทั้งนครมังกรเฒ่าเอาไว้ ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายก็ยังมหาศาลอยู่ดีไม่ใช่หรือ ซุน โหว ฟาง ติงสี่แซ่ใหญ่ย่อมต้องถูกบีบให้ปรองดองเป็นพวกเดียวกัน หากเปิดศึกกันขึ้นมา ศึกของเซียนดินบนภูเขาอย่างพวกโอสถทอง พวกก่อกำเนิดนี้ อย่าว่าแต่จะทำลายพื้นที่ในนครมังกรเฒ่าไปมากน้อยแค่ไหนเลย ตระกูลฝูเองก็ต้องเข้าเนื้อมากเหมือนกัน”
ฟ่านเอ้อร์ยิ้มเจื่อนกล่าวว่า “ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่กระบี่ถูกชัก ธนูถูกง้าว แต่กลับไม่มีใครที่มี ‘ความชอบธรรม’ มากพอให้ลงมือนี้ จึงได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันเรื่องหนึ่งขึ้นมา”
เฉินผิงอันถาม “เรื่องอะไร?”
ฟ่านเอ้อร์เกาหัว “เกี่ยวกับร้านยาฮุยเฉิน แล้วก็เกี่ยวกับอาจารย์เจิ้ง ดังนั้นจึงเกี่ยวกับตระกูลฟ่านเราด้วย”
เฉินผิงอันเงียบฟังคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย
คราวนี้ฟ่านเอ้อร์แหงนหน้ากระดกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่ แล้วจึงเช็ดปาก พูดเบาๆ ว่า “เจ้าจากไปได้ไม่นานเท่าไหร่ แม่นางคนหนึ่งในร้านก็ถูกลูกหลานสายตรงคนหนึ่งของตระกูลฟางย่ำยี แล้วก็ตาย”
เฉินผิงอันเงียบงัน
ฟ่านเอ้อร์เอ่ยเนิบช้า “พอได้ยินข่าว ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ดูแลผังตระกูลในศาลบรรพชนของตระกูลฟ่านก็รีบไปบอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้อาจารย์เจิ้งฟังทันที แม้แต่พ่อของข้าก็ยังมารอฟังข่าวจากร้านยาฮุยเฉินอยู่ที่ศาลบรรพชน ตอนนั้นผู้อาวุโสคนนั้นกลับมาที่ศาลบรรพชนด้วยสีหน้าผ่อนคลาย บอกว่าดูเหมือนอาจารย์เจิ้งจะไม่ได้เก็บไปใส่ใจสักเท่าไหร่ พ่อข้าก็เลยเชื่อ ทว่าแม่ใหญ่ของข้าได้เตือนพ่อข้าเป็นการส่วนตัวว่า เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายขนาดนี้ ให้พ่อข้าระวังไว้ให้มาก ให้ช่วยอาจารย์เจิ้งสืบหาเบาะแส ดูสิว่ามีคนก่อกวนอยู่เบื้องหลังเพราะคิดจะเล่นงานตระกูลฟ่านหรืออาจารย์เจิ้งหรือไม่ หากเป็นอย่างแรกแสดงว่าต้องมีการเตรียมการมานานแล้ว แต่หากเป็นอย่างหลังก็ยิ่งไม่อาจนิ่งดูดาย ทว่าพ่อข้าไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ บอกว่าตอนนี้สี่แซ่ใหญ่นอกเหนือจากตระกูลฝูต่างก็เริ่มจับมือเป็นพันธนมิตรกันแล้ว หากตระกูลฟ่านออกหน้าในเวลานี้ก็ง่ายที่จะถูกมองว่าเป็นทหารแนวหน้าของตระกูลฝู ไม่แน่ว่าอาจถูกสี่แซ่ใหญ่มองเป็นศัตรู หรืออาจถึงขั้นเห็นพวกเราเป็นมะพลับนิ่มรังแกง่าย ดังนั้นจะวู่วามไม่ได้เด็ดขาด ข้าไปพูดกับพ่อข้ามารอบหนึ่ง แต่จากนั้นก็ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในศาลบรรพชนหนึ่งเดือนเต็ม ดินถุงนั้นที่อยู่ใต้เตียงไม่เคยมีโอกาสได้เอาออกมาลอง คราวนี้ข้าเลยลองชิมดู เจ้าโกหกจริงๆ ด้วย จะเอาดินมากินแทนข้าวได้อย่างไร”
เฉินผิงอันเห็นว่าฟ่านเอ้อร์จะดื่มเหล้าอีกก็ยื่นมือไปแย่งน้ำเต้าบรรจุเหล้ามา “เจ้าดื่มไปหลายคำแล้ว ประโยคเหลวไหลอย่างยืมเหล้าดับทุกข์นั้น เจ้าอย่าไปเชื่อ”
ฟ่านเอ้อร์พยักหน้ารับ ยื่นมือมาขยี้ข้างแก้มตัวเอง “ข้าอยากจะหนีออกจากศาลบรรพชนอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งล้วนถูกขวางไว้ พอหนึ่งเดือนผ่านไป ได้ยินว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากร้านยาฮุยเฉิน ข้าจะเชื่อได้อย่างไร จึงไปที่ร้านยาด้วยตัวเองหนึ่งรอบ ตอนนั้นอาจารย์เจิ้งกำลังนั่งสูบยาอยู่หน้าประตู เห็นข้าก็ยังทักทายยิ้มแย้มเป็นปกติ ตอนนั้นข้าเองก็อึ้งงันไปเหมือนกัน หลังจากพยายามพูดถึงเรื่องนั้นกับอาจารย์เจิ้งแบบอ้อมๆ เห็นว่าอาจารย์เจิ้งคล้ายจะไม่เก็บ ‘เรื่องเล็ก’ นั่นมาใส่ใจจริงๆ ตอนที่จากมา อันที่จริงข้าโมโหอยู่บ้าง”
ฟ่านเอ้อร์พูดอย่างน่าสงสาร “ข้ารู้ว่าในสายตาของคนมากมาย ต่อให้เป็นในสายตาของท่านพ่อที่น่าเคารพของข้า นั่นก็คือเรื่องเล็กเรื่องหนึ่ง เรื่องเล็กอย่างจริงแท้แน่นอน ก็นครมังกรเฒ่านี่นะ มีปัญหาใดบ้างที่เงินแก้ไขไม่ได้? ถึงขั้นที่ว่าข้ายังหาข้อตำหนิจากเหตุผลมากมายที่ทุกคนมอบให้ไม่ได้ แต่ลึกๆ ในใจข้ากลับไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องเล็ก”
เฉินผิงอันกล่าว “ฟ่านเอ้อร์ เจ้าคิดถูกแล้ว เดิมทีนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก”
ฟ่านเอ้อร์อดกลั้นมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็มีคนบอกกับเขาว่านั่นไม่ใช่เรื่องเล็กเสียที
คนหนุ่มที่เคยมีสายตาใสกระจ่างแวววาวตอนอยู่ในร้านยาฮุยเฉินจนเฉินผิงอันอิจฉา เวลานี้พ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาหนักๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะเค้นรอยยิ้มส่งให้เฉินผิงอัน
เฉินผิงอันดึงน้ำเต้าบรรจุเหล้าคืนมา แต่กลับไม่ได้ดื่มเหล้า ในความเป็นจริงแล้วหลังจากที่เหยียบขึ้นเรือข้ามฟากบนยอดเขาเทียนแจว๋ เขาก็ดื่มเหล้าน้อยครั้ง มีเพียงแค่บางครั้งที่จะดื่มจอกเล็กๆ กับเว่ยเซี่ยนและหลูป๋ายเซี่ยงบ้าง
เขาถาม “หลังจากนั้นล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!