กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 362

กระบี่จงมา – บทที่ 362.3 ที่แท้ก็ไม่ค่อยสงบ
ฟ่านเอ้อร์พูดต่อ “หลังจากต่อยสามหมัดให้ฉู่หยางพ่ายแพ้ไป ฝ่ายหลังก็กลับไปรักษาตัวที่แท่นมังกร ไม่ได้คิดจะต่อสู้โรมรันกับอาจารย์เจิ้งต่อ ทว่าภายใต้สายตาของคนตระกูลฝูมากมายที่จับจ้องมองมา เสียหน้าใหญ่ขนาดนี้ มีหรือจะยอมเลิกราง่ายๆ ดังนั้นตามหลังฝูตงไห่และฉู่หยางผู้ถวายงานอันดับหนึ่งแล้วจึงมีคนที่สามเดินออกมา เขาก็คือฝูหยางบรรพจารย์ก่อกำเนิดที่ครอบครองอาวุธกึ่งเซียนตกทอดชิ้นหนึ่งจากบรรพบุรุษตระกูลฝู เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นที่หน้าประตูจวนตระกูลฝู อีกทั้งอาวุธกึ่งเซียนก็เผยตัวบนโลก ผู้ฝึกลมปราณตระกูลฝูจึงร่วมมือกันอำพรางสนามรบนี้เอาไว้ รู้แค่ว่าตอนที่อาจารย์เจิ้งเดินออกมา บนตัวเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด เขาเดินอยู่บนถนนใหญ่เพียงลำพัง ยกมือขึ้นชูนิ้วก้อยนิ้วหนึ่งให้กับตระกูลฝูที่อยู่ด้านหลัง”

ฟ่านเอ้อร์พูดเสียงเบา “และวันนั้นเอง ตระกูลซุนทรยศคำสัญญาละทิ้งคุณธรรม วางอาวุธสวามิภักดิ์ต่อศัตรู ประกาศพึ่งพาตระกูลฝู ตระกูลฟางที่ไม่เป็นโล้เป็นพายร่วมมือกับตระกูลโหว เลือกให้ตระกูลติงเป็นผู้นำ และแกนหลักของตระกูลติงก็เห็นได้ชัดว่าคือลูกหลานสายตรงของสำนักใบถงผู้นั้น และในความเป็นจริงแล้ว เพียงไม่นานก็มีเรือลำหนึ่งจากสำนักใบถงมาจอดเทียบท่า คนที่มามีไม่มาก ลงจากเรือมาแค่สองคน ทว่าหลังจากนั้นมา พันธมิตรสามตระกูลที่มีตระกูลติงเป็นผู้นำกลับมีความมั่นใจมากกว่าตอนที่ยังมีตระกูลซุนอยู่ด้วยเสียอีก”

สำนักใบถง

คือตระกูลอันดับหนึ่งบนภูเขาของใบถงทวีป

สำนักใบถงและสำนักกุยหยกของเจียงซ่างเจินหนึ่งตั้งอยู่เหนือหนึ่งตั้งอยู่ใต้สองปลายฝั่งของใบถงทวีป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสำนักใบถงเหนือกว่าอยู่หนึ่งระดับ

ตามคำบอกของเจียงซ่างเจิน ตอนนั้นคนทั้งสามไล่ล่าปีศาจใหญ่จากสำนักฝูจีไป หากไม่เป็นเพราะกระบี่นั้นของจั่วโยว ย่อมต้องเป็นหนึ่งในบุรพาจารย์ของสำนักใบถงที่อาศัยสมบัติพิทักษ์ภูเขามาปลิดชีพของปีศาจใหญ่ตนนี้

สำหรับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในนครมังกรเฒ่า ในใจเฉินผิงอันพอจะมีเส้นสายเค้าโครงอยู่คร่าวๆ แล้ว

‘การลงมืออย่างไร้เหตุผล’ ซึ่งใครก็คาดคิดไม่ถึงของเจิ้งต้าเฟิงครั้งนั้น ดั่งการกระตุกผมเส้นเดียวสั่นสะเทือนทั้งร่าง เป็นการเพิ่มความเร็วให้กับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ใหญ่ในนครมังกรเฒ่า

เป็นเหตุให้แซ่ใหญ่ต่างๆ หากพูดให้น่าฟังสักหน่อย ก็เรียกว่าโผล่พ้นผิวน้ำ แต่พูดให้ไม่น่าฟังก็เรียกว่าเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาหมด

เจิ้งต้าเฟิง เป็นศัตรูกับคนทั้งเมือง

เพียงเพื่อเด็กสาวคนหนึ่งที่ทำงานเบ็ดเตล็ดในร้านยา

เฉินผิงอันดื่มเหล้าอึกสุดท้าย

ฟ่านเอ้อร์ยิ้มขื่น “ตระกูลฝูย่อมไม่มีทางยอมเลิกราเพียงเท่านี้ ฝูฉีเจ้าประมุขตระกูลออกหน้าด้วยตัวเอง ไปพูดคุยตกลงกับอาจารย์เจิ้งเรื่องนัดหมายครึ่งปี ซึ่งก็คือต้นฤดูหนาวของปีนี้ ทั้งสองฝ่ายจะประมือกันที่แท่นมังกร เพียงแต่ว่าก่อนที่ศึกใหญ่จะเกิดขึ้น ลูกหลานสำนักใบถงที่เก็บตัวอยู่ในตระกูลฟางได้ไปเยือนร้านยาฮุยเฉินด้วยตัวเองมารอบหนึ่ง เรื่องราวภายในเป็นอย่างไร คนนอกไม่อาจรู้ได้ ไม่ว่าความตั้งใจเดิมของเขาจะเป็นต้องการหาพวกหรือต้องการข่มขู่ สรุปก็คืออาจารย์เจิ้งเปิดศึกต่อสู้กับคนผู้นั้นไปหนึ่งรอบบนถนนนอกร้านยาฮุยเฉินนั่นเอง บางคนบอกว่าอาจารย์เจิ้งหนึ่งคนต่อสู้กับศัตรูสามคน บางคนบอกว่าเป็นการเข่นฆ่ากันตัวต่อตัว สรุปก็คือได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นฝูฉีจึงป่าวประกาศแก่ร้านยาฮุยเฉินว่าจะยืดระยะเวลาของศึกใหญ่ออกไปถึงปลายปี ศึกที่แท่นมังกรต้องเป็นศึกยุติธรรม จะสู้จนกระทั่งรู้เป็นรู้ตาย! นี่ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่วันแล้ว…”

ฟ่านเอ้อร์นั่งกอดเขา พูดไม่ออกอีกแม้แต่คำเดียว

เลิกผ้าม่านมองด้านนอก ใกล้จะเข้าประตูใหญ่เมืองฝั่งนอกของนครมังกรเฒ่าแล้ว

เฉินผิงอันรัดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่เรียบร้อยก็พูดกับฟ่านเอ้อร์ว่า “ข้ารู้สถานการณ์คร่าวๆ แล้ว ปล่อยพวกเราลงเถอะ เวลานี้ข้าไปที่ตระกูลฟ่านของพวกเจ้าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”

ฟ่านเอ้อร์อับอายจนพานเป็นความโกรธ เตรียมจะปฏิเสธ เฉินผิงอันกลับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าโง่เลยน่า กินดินอิ่มแทนข้าว เรื่องโง่ๆ แบบนี้ทำแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว ไม่มีใครเขาเป็นเพื่อนอย่างเจ้าหรอก สุดท้ายกลายเป็นเจ้าอกตัญญู ข้าไร้คุณธรรม ไม่น่าเบื่อหรือไร”

เฉินผิงอันยื่นฝ่ามือออกมาตบอกตัวเองเบาๆ “ฟ่านเอ้อร์ยังเป็นลูกศิษย์ของเจิ้งต้าเฟิงหรือไม่ อยู่ที่ตรงนี้ ฟ่านเอ้อร์ยังใช่เพื่อนของเฉินผิงอันหรือไม่ ก็อยู่ที่ตรงนี้”

ไม่รอให้ฟ่านเอ้อร์พูดอะไร เฉินผิงอันก็ค้อมตัวเลิกผ้าม่านขึ้นแล้ว “หยุดรถ”

ฟ่านเอ้อร์กำลังจะลุกขึ้นยืน เฉินผิงอันกลับค้อมเอวเดินออกไปแล้ว ก่อนจะปล่อยผ้าม่านลง เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องมาส่ง ทำราวกับว่าจะส่งข้าเดินทางไปไหนอย่างนั้นแหละ ข้าจะไปนั่งที่ร้านยาฮุยเฉินสักพัก ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ใต้หล้าวุ่นวายขนาดนี้ ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนไม่สงบสุข ข้าเฉินผิงอันคอยจัดการดูแลทุกอย่างไม่ได้หรอก ก็แค่อยากพบหน้าเจิ้งต้าเฟิงสักครั้ง ใครใช้ให้เจ้าพร่ำพูดถึงแต่อาจารย์เจิ้งที่ ‘ต่อยคนล้มคว่ำด้วยหมัดเดียว’ เล่า”

ฟ่านเอ้อร์ถลึงตาใส่ “อย่าลืมเครื่องปั้นชิ้นนั้นล่ะ แล้วยังมีสัญญาที่ว่าจะไปดื่มเหล้าด้วยกันอย่างจริงจังอีก…”

เฉินผิงอันกระโดดลงจากรถม้าไปแล้ว

ฟ่านเอ้อร์นอนเหม่ออยู่ในห้องโดยสารรถม้า

ดื่มเหล้า ได้พบกับสหายที่ดีที่สุด ทว่าอารมณ์ของฟ่านเอ้อร์กลับยังไม่เบิกบาน

เฉินผิงอันลงจากรถม้า เผยเฉียนและอีกสี่คนจึงได้แต่ตามลงมาด้วย

หลังจากมองส่งรถม้าของตระกูลฟ่านเข้าเมืองไปก่อนแล้ว เผยเฉียนก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “เกิดอะไรขึ้น เจ้าหมอนั่นไม่เต็มใจจ่ายเงิน ไม่ยินดีให้พวกเราไปกินฟรีอยู่ฟรีกับเขาอย่างนั้นหรือ? แต่เขาดูไม่เหมือนคนแบบนั้นเลยนะ”

เฉินผิงอันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พูดเหลวไหลอะไรน่ะ พวกเราไปหาคนอีกคนหนึ่งก่อน”

จ่ายเงินค่าเข้าประตูเมืองชั้นนอกแล้ว หากคิดจะเข้าไปยังเมืองชั้นในยังต้องจ่ายเงินอีก

เงินก้อนนี้ ถึงอย่างไรร้านยาฮุยเฉินก็น่าจะช่วยออกให้กระมัง?

เฉินผิงอันรู้ทางไปร้านยาฮุยเฉิน อีกทั้งเขาก็เป็นคนความจำดี เพียงแต่นครมังกรเฒ่าใหญ่มากเกินไป รอจนเฉินผิงอันเดินไปถึงตรอกและหัวเลี้ยวถนนของร้านยาฮุยเฉินก็เป็นเวลาเกือบย่ำค่ำแล้ว

พาคนห้าคนด้านหลังเข้าไปในตรอกเล็กเส้นนั้นก็มองเห็นชายฉกรรจ์เนื้อตัวมอมแมมนั่งอยู่บนม้านั่งเล็กหน้าประตูร้านยา กำลังสูบยาสูบเลียนแบบอาจารย์ของเขา

เจิ้งต้าเฟิงสำลัก ไอโขลกๆ ก่อนจะจุ๊ปากพูดด้วยรอยยิ้ม “แขกที่หาได้ยากๆ”

เฉินผิงอันเห็นชายฉกรรจ์ที่ยังคงเอ้อระเหยลอยชายอยู่เหมือนเดิมแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงชำเลืองตามองไปยังร้านยาที่ไม่มีเสียงหัวเราะพูดคุยของสตรีอีกต่อไป แล้วนั่งแปะลงบนธรณีประตู ถามว่า “ร้านยารับสมัครคนหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!