ใต้ฝ่าเท้าของเฉินผิงอันและจูเหลี่ยนเหมือนถูกทาน้ำมันในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งวิ่งปรู๊ดเข้าห้อง อีกคนวิ่งฉิวเข้าไปในร้านยาด้านหน้า
สุยโย่วเปียนแค่นเสียงดังหึแล้วกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง เผยเฉียนหลับไปแล้ว คงเป็นเพราะเคยชินที่จะอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะทุกข์ยากลำบากแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจใยดี อีกทั้งยังมีผืนฟ้าเป็นมุ้ง ผืนดินเป็นฟูกนอน หรือไม่ก็ไปนอนอยู่บนสิงโตหินหน้าบ้านคนรวย ท่านอนของนางจึงไม่เรียบร้อยอย่างยิ่ง มือเท้ากางอ้า ผ้าห่มจะรั้งความอบอุ่นไว้ได้อย่างไร สุยโย่วเปียนขมวดคิ้ว เดินเข้าไปหาเบาๆ ช่วยขยับมือและเท้าให้เด็กหญิงพร้อมกับเหน็บชายผ้าห่มให้นาง
สุยโย่วเปียนจุดตะเกียง นั่งอยู่ข้างโต๊ะเพียงลำพัง รอบด้านเงียบสงัด มีเพียงกระบี่อยู่เคียงกาย
คืนนี้เฉินผิงอันนอนในร้านยา ปูผ้านอนบนพื้น หลับไม่สนิทนัก
เจิ้งต้าเฟิงที่อยู่ในลานบ้านคอยป้อนหมัดให้คนทั้งสี่อยู่เป็นระยะ
เฉินผิงอันหลับตาลง ฟังเสียงปณิธานหมัดที่ไหลริน บ้างก็เบา บ้างก็หนัก ล้วนทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมในจิตใจราวกับมีคนมาเคาะประตูบ้าน
ในตรอกแถบนี้ หนึ่งค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบสุข
สำหรับเรื่องนี้ตระกูลฝูยังพอจะมีเกียรติอยู่บ้าง อีกอย่างศึกใหญ่กำลังจะเปิดฉากขึ้น ต่อให้มีคนที่มีศักยภาพมากพอจะบุกเข้ามาในตรอกเพื่อท้าทายเจิ้งต้าเฟิง แต่ทำอย่างนั้นก็เท่ากับตบหน้าตระกูลฝู และตอนนี้ใบหน้าของตระกูลฝูในนครมังกรเฒ่าก็แทบจะเท่ากับหน้าของสกุลเจียงอวิ๋นหลินแล้ว หากไม่เป็นเพราะสาเหตุนี้ ฝูฉีก็ไม่มีทางนัดต่อสู้กับเจิ้งต้าเฟิงที่แท่นมังกรด้วยตัวเอง
เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าสรุปแล้วฝูฉีสามารถบังคับอาวุธเซียนได้กี่ชิ้น คือเรื่องที่สำคัญในสำคัญซึ่งในห้องหลักปรึกษากันก่อนหน้านี้
ลูกหลานตระกูลฝูขอบเขตโอสถทองสามารถบังคับอาวุธกึ่งเซียนที่ควบคุมได้ยากยิ่ง อีกทั้งอาวุธกึ่งเซียนอาจถึงขั้นแว้งกลับมาโจมตีคนบังคับได้ เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากอยู่แล้ว เพียงแต่ว่านานวันเข้าโลกภายนอกกลับให้การยอมรับไปโดยปริยาย
เฉินผิงอันตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ เจิ้งต้าเฟิงนั่งกินโจ๊กอยู่หน้าประตูห้องหลัก เผยเฉียนนั่งยองอยู่ข้างๆ กำลังซุบซิบกันเบาๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาสนิทสนมกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
หลูป๋ายเซี่ยงดีดพิณอยู่ในห้องของตัวเอง มีท่วงทำนองของสายน้ำไหลรินท่ามกลางขุนเขาสูง
เว่ยเซี่ยนฝึกเดินนิ่งหกก้าวที่แอบลักจำมาจากเฉินผิงอันอยู่ในลานบ้าน สุยโย่วเปียนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ นางก็ฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูอยู่เช่นกัน
จูเหลี่ยนพอจะมีคุณธรรมอยู่ข้าง เขายกโจ๊กขาวถ้วยใหญ่มาให้เฉินผิงอัน บอกว่านายน้อยลองชิมฝีมือของข้าดู เฉินผิงอันนั่งกินโจ๊กบนม้านั่งตัวยาว ฟ้าเริ่มสว่างทีละนิด เขารู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา
เดินไปเปิดประตูร้านที่อยู่ด้านหน้า ร้านยาฮุยเฉินก็เท่ากับเปิดร้านรับลูกค้าแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีลูกค้าหรือไม่ เช้าตรู่แบบนี้กลับบอกได้ยากจริงๆ
เฉินผิงอันเปิดประตูแล้วก็ฝึกท่าหมัดเดินนิ่งอยู่ในตรอก เดินไปเรื่อยจนถึงหัวเลี้ยว จากนั้นก็เดินย้อนกลับ หลังจากเดินปล่อยหมัดวนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้จนครบเป็นรอบที่สามก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในคลองจักษุของเขา
หนึ่งในนั้นคือคนคุ้นเคยจึงไม่แปลกใจ ส่วนอีกคนไม่คุ้นหน้านัก แต่กลับเป็นหญิงสาวที่เฉินผิงอันจดจำได้เป็นอย่างดี การปรากฏตัวของนางค่อนข้างอยู่เหนือการคาดการณ์ไปสักหน่อย
คนหนุ่มก็คือฟ่านเอ้อร์ ข้างกายเขาคือหญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีเขียว ตอนนั้นที่อยู่ในเส้นทางเรือมังกรเดินใต้ดิน เรือข้ามฟากสองลำแล่นสวนกัน เฉินผิงอันเคยเห็นนาง นางยังมีความสามารถในการควบคุมกาเหล้าให้ลอยกลางอากาศด้วยมือเดียวด้วย
ฟ่านเอ้อร์มองเห็นเฉินผิงอันแต่ไกลก็พูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “เฉินผิงอัน กล้าประมือกับข้าฟ่านเอ้อร์ขอบเขตสี่หรือไม่?”
เฉินผิงอันหยุดอยู่หน้าร้านยา ส่ายหน้าตอบ “ไม่กล้า”
“เจ้าและข้าต่างก็เป็นปรมาจารย์ใหญ่ขอบเขตสี่ ในเมื่อพบเจอกันบนทางแคบ แต่กลับไม่ต่อสู้กันให้สาแก่ใจ จะไม่ทำให้โลกใบนี้มีเรื่องน่าเสียดายเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องหรอกหรือ!”
ฟ่านเอ้อร์ใช้กระบวนท่าหมัดหวังปาต่อยสะเปะสะปะให้อาจารย์ผู้เฒ่าตาย (เปรียบเปรยถึงความไม่เป็นระเบียบ ไร้กฎเกณฑ์ มั่วซั่วส่งเดช) เป็นการเปิดฉาก ปากก็ร้องย๊ากๆๆ กางเล็บแยกเขี้ยวพุ่งเข้าใส่เฉินผิงอัน
เฉินผิงอันยกมือกุมขมับ ได้แต่เดินนิ่งไปข้างหน้าช้าๆ ให้ความร่วมมือกับฟ่านเอ้อร์ด้วยการร่วม ‘ศึกตัดสินขั้นสูงสุดระหว่างปรมาจารย์ใหญ่’ ครั้งนี้
โชคดีที่ฟ่านเอ้อร์เพิ่งวิ่งออกมาได้สิบกว่าก้าวก็ถูกสตรีชุดเขียวผู้นั้นยื่นมือมาดึงคอเสื้อ จับตัวเขาโยนไปด้านหลังนาง “อย่ามาทำตัวน่าอับอายขายหน้าอยู่แถวนี้ เก่งจริงก็ไปปล่อยกระบวนท่าที่แท่นมังกรโน่น”
ฟ่านเอ้อร์เดินไปอยู่ด้านหลังนางแต่โดยดี ยักคิ้วหลิ่วตาให้เฉินผิงอันอย่างคนขี้เล่น
เฉินผิงอันหยุดเดิน กล่าวอย่างสงสัย “เจ้าคือพี่สาวฟ่านเอ้อร์ ฟ่านจวิ้นเม่า?”
ตรงเอวฟ่านจวิ้นเม่าก็ผูกกาเหล้าไว้เหมือนกัน นางไม่หยุดเดิน หัวเราะเสียงเย็นตอบว่า “ข้าไม่ได้อยากมีน้องชายแบบนี้หรอก แต่บังคับไม่ให้พ่อข้าและแม่รองคลอเคลียนัวเนียกันไม่ได้”
ฟ่านเอ้อร์หัวเราะคิกคักอย่างคนที่ไม่คิดอะไรมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!