กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 366

คราวนี้ตู้เม่าถึงเริ่มตระหนกลนขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าแววดุร้ายบนใบหน้ากลับไม่ลดน้อยลง “ในเมื่อให้ความสำคัญกับคนหนุ่มผู้นั้นขนาดนี้ เจ้าจะยอมตัดใจแลกตบะกับข้าได้ลงจริงๆ หรือ?”

สตรีร่างสูงใหญ่พูดกลั้วหัวเราะ “ตอนนี้เริ่มคุยกับข้าด้วยเหตุผลแล้วรึ?”

ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ

ตู้เม่าเดินทางขึ้นเหนือในครั้งนี้มีจุดประสงค์อยู่สามอย่าง มีโอกาสจะสะบั้นควันธูปสายของเหวินเซิ่ง แล้วถือโอกาสขอความรู้จากกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่จั่วโย่วสักหน่อย สองคือมีคนคิดจะหยั่งเชิงขีดจำกัดของเสินจวินเฒ่าของถ้ำสวรรค์หลีจูผู้นั้น สามก็เพื่อให้สำนักใบถงแทรกซึมเข้ามาในแผ่นดินครึ่งหนึ่งของแจกันสมบัติทวีป

ตอนนี้เขาทำสำเร็จไปสองเป้าหมายแล้ว ข้อแรกจะมีหรือไม่มีก็ได้ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ของลัทธิขงจื๊อ ไม่จำเป็นต้องเผาผลาญตบะของตัวเองเพื่อสิ่งนี้

การฝึกตนบนภูเขา เคารพในผู้แข็งแกร่ง

อย่างน้อยที่สุดเขาตู้เม่าก็ยึดมั่นในความคิดนี้มาโดยตลอด

ผู้ชนะเรืองอำนาจ ผู้ชนะตนเองบรรลุมรรคา

ข้อแรกคือของจริงแท้แน่นอน หากได้เข้ามาอยู่ในกระเป๋าย่อมสบายใจ ส่วนข้อหลัง ในสายตาของตู้เม่าคือคำพูดเหลวไหลที่ยิ่งใหญ่แต่กลับไม่อาจเป็นจริงได้ ขอแค่ตายอยู่บนมหามรรคา ต่อให้จะคู่ควรกับคำว่าสละตนเพื่อคุณธรรม แต่สุดท้ายก็ยังตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

นางกำกระบี่โบราณเล่มนั้นเบาๆ “ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้านายของข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า เจ้าได้ใช้เหตุผลพูดคุยกับเขาหรือไม่?”

ตู้เม่าสมกับเป็นคนถ่อยอย่างแท้จริง “ตบะของเขาในตอนนี้ก็คือเศษสวะคนหนึ่ง หากไม่เป็นเพราะต้องการล่อให้ผู้ฝึกกระบี่จั่วโย่วปรากฎตัว เขายังไม่มีคุณสมบัติจะพูดกับข้าแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ แต่เจ้ามี!”

สตรีร่างสูงใหญ่มือหนึ่งถือกระบี่ มือหนึ่งยกขึ้นทำสัญญาณมืออย่างหนึ่ง

ซิ่วไฉเฒ่าหยิบม้วนภาพวาดแม่น้ำและภูเขาม้วนนั้นออกมาอย่างน่าสงสาร “อย่ารุนแรงนักล่ะ”

พอตู้เม่าเห็นม้วนภาพวาดที่ไม่ธรรมดาม้วนนั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เก็บอาวุธเซียนแห่งชะตาชีวิตที่ไม่มีพื้นที่ให้ใช้กลับเข้าไปในช่องโพรงลมปราณ ขณะเดียวกันก็ร่ายกายธรรมร่างทอง ไหล่ข้างหนึ่งชนกระแทกให้ฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้เปิดอ้า แล้วบินทะยานไปทางทะเลทิศใต้

นางไม่ได้ไล่ตามไป

ซิ่วไฉเฒ่าคลี่ยิ้มแล้วโยนม้วนภาพวาดนั้นออกไปอย่างง่ายๆ

ร่างของสตรีสูงใหญ่หายไปตามหลังกายธรรมร่างทองของตู้เม่า

จากนั้นม้วนภาพภูเขาและแม่น้ำก็มาลอยอยู่ตรงหน้าซิ่วไฉเฒ่า ส่วนฟ้าดินขนาดเล็กในนครมังกรเฒ่าแห่งนี้ก็ปิดประกบเข้าหากันอย่างไร้รอยต่ออีกครั้ง นอกนครมังกรเฒ่า นอกจากหมัวมัวผู้อบรมมารยาทที่พอจะกะพริบตาได้เล็กน้อยแล้ว คนอื่นๆ ล้วนยังอยู่ในสภาพแน่นิ่งไม่ขยับ

บนม้วนภาพมีเสียงผ้าฉีกขาดดังขึ้นมาเป็นระลอก เป็นกายธรรมร่างทองของตู้เม่าที่พยายามดันให้ฟ้าดินของม้วนภาพอ้าขยาย และยิ่งเป็นเพราะถูกกระบี่แล้วกระบี่เล่าพุ่งแหวกอากาศมาโดน

ทำเอาซิ่วไฉเฒ่าที่มองดูอยู่เจ็บปวดหัวใจอย่างถึงที่สุด

เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ซิ่วไฉเฒ่าที่พอจะแน่ใจได้แล้วจึงงอนิ้วเคาะไปมุมหนึ่งของม้วนภาพ จากนั้นก็เก็บม้วนภาพไว้ในชายแขนเสื้อ

สตรีร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากความว่างเปล่าช้าๆ กระบี่โบราณห้อยอยู่ที่เอว ปลายกระบี่เล็กๆ ที่ถูกลับจนแหลมคมหม่นแสงลงหลายส่วน

นางอ้าปากหาว ในมือลากขาข้างหนึ่งมาด้วย

ตู้เม่าผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานของใบถงทวีปถูกนางกระชากลากถูออกมาจากม้วนภาพวาดเหมือนหมาตายตัวหนึ่งทั้งอย่างนี้

นางเอ่ยถาม “เพียงแต่ว่าเจ้านี่…ชื่ออะไรแล้วนะ?”

ซิ่วไฉเฒ่าเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “ตู้เม่า ใบถงทวีปนอกจากนักพรตเฒ่าตงไห่แล้วก็คือเขาที่แข็งแกร่งที่สุด”

นางร้องอ้อหนึ่งที โยน ‘ศพ’ นั้นไว้ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ “เขาพอจะมีวิชาอภินิหารนอกรีตติดตัวอยู่บ้าง วินาทีที่กระแทกชนให้ม่านฟ้าเปิด จิตหยินก็น่าจะกลับคืนสู่ตำแหน่งแล้ว ศพนี้เป็นเพียงแค่…กายนอกกายของจิตหยางใครสักคนเท่านั้น”

ซิ่วไฉเฒ่ากระจ่างแจ้งทันควัน “เป็นเพียงกายนอกกายเท่านั้นหรือ มิน่าเล่าคนของลัทธิขงจื๊อที่พิทักษ์แผ่นฟ้าถึงได้ยอมพยักหน้าตอบรับ หากพวกเราไม่ได้โวยวายจนเกิดเรื่องครั้งนี้ เกรงว่าคงพอจะอุดปากสถานศึกษาให้ผ่านไปได้”

เพียงแต่ไม่นานซิ่วไฉเฒ่าก็ทำสีหน้าจนคำพูด “แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ตู้เม่าก็มีตบะขอบเขตสิบสองไม่ใช่หรือ”

นางนั่งขัดสมาธินั่งลงข้างกายเฉินผิงอัน โอบกอดเฉินผิงอันไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวังอีกครั้ง นางเงยหน้ามองทิศไกล เอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “อยู่ต่อหน้ากระบี่ของข้า สิบสอง สิบสาม ต่างกันตรงไหนหรือ?”

ซิ่วไฉเฒ่าถามเสียงเบา “เรือกลืนกระบี่ลำนั้นล่ะ?”

นางตอบอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ข้าสลายพันธนาการที่มีมาตั้งแต่กำเนิดของมันเอาไว้แล้ว ปล่อยให้จิตหยางของเขาใช้อาวุธชิ้นนี้ จากนั้นข้าก็ทำลายจนระเบิดแตก ไม่อย่างนั้นข้าก็ออกมาตั้งนานแล้ว ข้าก็แค่อยากรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘อาวุธเซียน’ ในทุกวันนี้ ร้ายกาจแค่ไหนกันแน่”

ซิ่วไฉเฒ่าปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ตัวเจ้าล่ะเป็นอย่างไร?”

สตรีร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงเพ่งพิศดวงหน้าของคนหนุ่มที่ค่อนข้างจะซีดขาวราวกับกำลังตกอยู่ในฝันร้าย แม้ว่าจะถูกซิ่วไฉเฒ่าช่วยหยุดอาการบาดเจ็บไว้ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังทุกข์ทรมาน นางยื่นนิ้วออกมานวดคลึงตรงหว่างคิ้วของเขาเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หน้าผาหินกลางภูเขาใหญ่ของถ้ำสวรรค์หลีจูแห่งนั้น คือการแข็งตัวของปณิธานกระบี่เจ้านายคนเดิมข้า ซึ่งเดิมทีก็คือของของข้า เพียงแต่ว่าผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว ข้าคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้ ภายหลังข้าทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ กับหร่วนอะไรสักอย่างนั่น เขาจึงยึดครองแท่นสังหารมังกรก้อนนั้นไปสามส่วน”

ซิ่วไฉเฒ่าชำเลืองตามองปลายกระบี่ของกระบี่โบราณที่ห้อยอยู่ตรงเอวนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าจึงใช้แท่นสังหารมังกรของหร่วนฉงมาลับกระบี่?”

นางเอ่ยอย่างเฉยเมย “ใช้แถบของภูเขาเจินอู่ แถบของหร่วนฉงนี้ต้องเก็บไว้ให้ผิงอันน้อยของข้า”

ซิ่วไฉเฒ่าเหงื่อไหลราวกับฝนตก

นางมองไปทางทิศใต้ “เรื่องนี้ยังไม่จบ”

ซิ่วไฉเฒ่าส่ายหน้า “อย่า อย่าเด็ดขาดเชียว ยังไม่จบก็ยังไม่จบ แต่เจ้าจะลงมืออีกไม่ได้แล้ว ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ ทำอย่างนี้ก็เพราะหวังดีต่อผิงอันน้อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!