เทพหยินแซ่จ้าวมายืนอยู่ตรงม่านไม้ไผ่ของร้านยา “เฉินผิงอัน ข้ามีธุระอยากจะคุยกับเจ้า”
เฉินผิงอันลุกขึ้น เลิกผ้าม่านเดินเข้าไปในร้านยาที่อยู่ด้านหน้า
เทพหยินพาเฉินผิงอันเดินออกมานอกประตูใหญ่ เดินเข้าไปในตรอกเล็ก ไม่รู้ว่าร่ายใช้ค่ายกลอย่างไรถึงสามารถเปลี่ยนตบะของตัวเองให้กลายเป็นขอบเขตหยกดิบที่เฝ้าพิทักษ์อยู่ในฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้ได้ ในตรอกเล็กพลันมืดสลัว แม้ว่าใบหน้าของเทพหยินแซ่จ้าวจะพร่าเลือน แต่ก็ยังพอจะทำให้เฉินผิงอันสัมผัสได้ถึงความระมัดระวังของมันอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอารมณ์หวาดผวาไม่คลายที่หาได้ยากอยู่ด้วย หลังจากที่มันตัดขาดการสำรวจตรวจตราจากโลกภายนอกเรียบร้อยแล้ว เรือนกายที่ล่องลอยก็หยุดยืนนิ่ง พูดกับเฉินผิงอันด้วยเสียงทุ้มหนัก “มีผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเองมีความเกี่ยวข้องกับฉีจิ้งชุนมาหาข้า หรือควรจะพูดให้ถูกต้องก็คือคุมตัวข้าให้ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เขาบอกว่าตัวเองเป็นอาจารย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อ…ของเจ้าเฉินผิงอัน…”
กล่าวมาถึงตรงนี้เทพหยินก็รู้สึกอยากหัวเราะแต่ไม่กล้า
ใต้หล้านี้มีเพียงลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อ มีอาจารย์ที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อเสียที่ไหน?
เคารพอาจารย์ให้ความสำคัญกับมรรคาคือกฎเกณฑ์ข้อหนึ่งของใต้หล้าไพศาลที่ไม่อาจเหยียบย่ำได้ตามใจชอบ หากข้ามผ่านบ่อสายฟ้านั้นไป ส่วนใหญ่ก็มักจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เจ็บปวดซึ่งหนักหนากว่า ‘ชื่อเสียงฉาวโฉ่’ มากนัก
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ไม่ได้เล่ารายละเอียดของเรื่องนี้กับเทพหยินแซ่จ้าว
เทพหยินเองก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียง ก็เหมือนกับที่เฉินผิงอันไม่เคยถามตนว่าในเมื่อแซ่จ้าว อีกทั้งยังมีชาติกำเนิดมาจากถ้ำสวรรค์หลีจู ถ้าอย่างนั้นเป็นบรรพบุรุษของสกุลจ้าวสายไหนกันแน่
หลวงจีนไม่ถามชื่อ นักพรตเต๋าไม่ถามอายุ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาและแม่น้ำไม่ถามเรื่องในอดีตชาติ ล้วนเป็นเหตุผลเดียวกันนี้
มันพูดต่อว่า “อาจารย์ผู้เฒ่าท่านนั้นต้องการให้ข้านำความมาบอกต่อเจ้าว่า อยู่ในนครมังกรเฒ่าจนผ่านพ้นตรุษจีนไปก่อนแล้วค่อยออกเดินทาง และยังมีของบางอย่างที่จะนำมามอบให้เจ้าช้าสักหน่อย หลังฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า อยากจะไปไหนก็ไป ทำในสิ่งที่เจ้าเฉินผิงอันต้องการก็พอ”
เฉินผิงอันยิ้มตอบ “ตกลง”
จากนั้นเฉินผิงอันก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังถามไปตามตรงว่า “ผู้อาวุโสหยางจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเคราะห์กรรมที่เจิ้งต้าเฟิงต้องประสบพบเจอจริงๆ หรือ?”
เดิมทีเทพหยินแซ่จ้าวไม่ยินดีพูดเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเสินจวินผู้เฒ่า แต่พอนึกถึงบุรุษที่นอนป่วยอยู่บนเตียงในร้าน มันก็ยอมแหกกฎเป็นครั้งแรก พูดเบาๆ ว่า “เสินจวินผู้เฒ่ามองการณ์ไกลยิ่งกว่าทุกคน ถึงได้เย็นชาไม่เห็นใจใครเป็นพิเศษ แต่สำหรับหลี่เอ้อร์และเจิ้งต้าเฟิง แม้จะมีเพียงสถานะอาจารย์และศิษย์ ไม่เกี่ยวพันไปถึงเรื่องการถ่ายทอดมรรคา แต่เทพหยินตัวเล็กๆ อย่างข้าที่มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ บนโลกใบนี้กล้าพูดประโยคหนึ่งว่า ความรู้สึกที่มีต่อพวกเขาแตกต่างไปจากพวกเราอยู่มาก”
เฉินผิงอันอืมรับหนึ่งที “ข้าเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
เทพหยินพูดเกลี้ยกล่อม “แม้เจิ้งต้าเฟิงจะไม่มีตบะวิถีวรยุทธ์แล้ว แต่สภาพจิตใจยังดีอยู่ พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลมากไป หากพวกเราเอาแต่มองเขาด้วยสายตาสงสารเวทนาทุกวัน แบบนั้นต่างหากถึงจะทำให้เจิ้งต้าเฟิงรับไม่ได้มากที่สุด”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เรื่องนี้ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร”
เทพหยินเอ่ยชื่นชม “ในเรื่องนี้ อันที่จริงเจ้าทำได้ดีที่สุด…”
เฉินผิงอันโบกมือเป็นพัลวัน “ทำไม หรือว่าพอมาอยู่ร้านยาฮุยเฉินแล้วก็เริ่มชอบพูดประจบเอาใจคนอื่นแล้ว?”
เทพหยินหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี สลายตราผนึกทิ้งแล้วพุ่งทะยานจากไป
จากนั้นเฉินผิงอันก็เห็นสตรีสวมชุดกระโปรงสีเขียวที่มุมหัวเลี้ยว ฟ่านจวิ้นเม่า
ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเหตุใดในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนางถึงเลือกลงมือช่วยเหลือหลูป๋ายเซี่ยงและเว่ยเซี่ยน เป็นเพราะรู้สึกว่าตู้เม่าไม่ได้เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป ก็เลยรีบปักดอกไม้ลงบนผ้าแพร? แสดงความเป็นมิตรต่อร้านยาฮุยเฉิน?
แต่นี่ดูเหมือนว่าจะไม่สอดคล้องกับนิสัยของนางที่เฉินผิงอันรู้จักมาสักเท่าไหร่
ฟ่านจวิ้นเม่าเดินเข้ามาในตรอกเล็ก โยนกาเหล้าใบหนึ่งให้เฉินผิงอัน “ด้านในบรรจุโอสถทองของเจียวเฒ่าที่ข้าหล่อหลอมระดับเล็กไปแล้ว ตอนนี้เจ้ากับเจิ้งต้าเฟิงต่างก็ต้องการสิ่งนี้ ทุกวันข่มกลั้นความเจ็บปวดดื่มสักสองสามคำ สำหรับการซ่อมแซมร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์แล้วมีประโยชน์ยิ่งกว่ายาวิเศษทุกชนิด โอสถปีศาจของปีศาจใหญ่ขอบเขตสิบสองเอามาหลอมเป็นเหล้า ฤทธิ์จะแรงเกินไป ตอนนี้พวกเจ้าดื่มไปมีแต่จะตาย หากเป็นโอสถทองของเผ่าปีศาจทั่วไปก็จะไม่พออีก เหล้าที่แช่จากโอสถทองของเจียวเฒ่าก่อกำเนิดเม็ดนี้จึงกำลังดี”
เฉินผิงอันถาม “เหล้าไหนี้ข้ารับไว้แล้ว แต่เจ้าเป็นคนทำการค้า ต้องการให้ข้าจ่ายด้วยอะไร?”
ฟ่านจวิ้นเม่าส่ายหน้า “ถือซะว่าเป็นสิ่งที่ตระกูลฟ่านพวกเราชดเชยให้ร้านยา ไม่ต้องให้เจ้าเฉินผิงอันจ่ายอะไรเพิ่มเติม”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “ได้ยินเจ้าอธิบายแบบนี้ ข้าก็ไม่ค่อยกล้ารับของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้ไว้สักเท่าไหร่”
ฟ่านจวิ้นเม่าแค่นเสียงเย็น “แล้วถ้าข้าบอกว่า ตระกูลฟ่านยังจะทุบหม้อขายเหล็กช่วยจ่ายเงินห้าสิบเหรียญฝนธัญพืชให้ตำหนักพยัคฆ์เขียวยอดเขาเทียนแจว๋แทนเจ้า เจ้าจะไม่ยิ่งตกใจจนโยนกาเหล้าคืนมาให้ข้าเลยหรือ?”
เฉินผิงอันถาม “เป็นเพราะอะไรกันแน่?”
ฟ่านจวิ้นเม่ามองประเมินคนหนุ่มที่ตอนนี้ลักษณะคล้ายคนขี้โรค “ถูกเรือกลืนกระบี่อาวุธเซียนแห่งชะตาชีวิตของตู้เม่าที่เป็นขอบเขตบินทะยานแทงทะลุหน้าท้องจนเป็นรู ไม่ตายก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะมีคนช่วยเจ้าไว้นี่นะ แต่ตอนนี้กลับสามารถกระโดดโลดเต้น เดินเหินเป็นปกติ หมายความว่าพื้นฐานขอบเขตห้าของเจ้าปูมาดีจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะที่ข้าเป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจอยู่เบื้องหลังตระกูลฟ่าน ก็มีเหตุผลให้ข้าลงเดิมพันข้างเจ้า ลงเดิมพันอย่างหนัก! เฉินผิงอัน ปราณแท้จริงที่บริสุทธ์หนึ่งเฮือกที่อยู่ในร่างกายของเจ้าตอนนี้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งโคจรได้ไม่ราบรื่นแล้วใช่ไหม ชุดคลุมอาคมจินหลี่ที่อยู่บนร่างก็ยิ่งขาดยับเยินเหมือนกระท่อมที่เต็มไปด้วยรูรั่ว รอจนปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์เฮือกนั้นเสื่อมถอยลง ปราณวิญญาณกรอกเข้าใส่ร่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าจะไม่เพียงแต่ตบะวิถีวรยุทธ์ถดถอยลงครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่สะพานแห่งความเป็นอมตะก็ต้องพังถล่มลงมาด้วย คิดอยากจะลองเดิมพันดูสักครั้งไหมล่ะ?”
เฉินผิงอันไม่ได้รีบร้อนปฏิเสธหรือตอบรับ เพียงถามด้วยรอยยิ้ม “เดิมพันอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!