สรุปเนื้อหา บทที่ 369.4 ความทุกข์ยากบนโลกมนุษย์ มิอาจเอื้อนเอ่ย – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 369.4 ความทุกข์ยากบนโลกมนุษย์ มิอาจเอื้อนเอ่ย ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เมื่อสองวันก่อนเจิ้งต้าเฟิงเกือบจะถูกสุยโย่วเปียนเอากระบี่เสียบ
สาเหตุก็เพราะลูกศิษย์คนดีอย่างฟ่านเอ้อร์ไม่รู้ว่าไปให้ใครช่วยวาดภาพเหมือนที่ราวกับมีชีวิตจริงให้กับอาจารย์ของตัวเอง หลังจากได้มา เจิ้งต้าเฟิงก็เอามาแขวนไว้บนผนังห้องของตัวเอง ทำท่าราวกับว่าอยากจะจุดธูปบูชาอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นเผยเฉียนก็มาบอกความลับ
สุยโย่วเปียนจึงรีบไปดู เป็นภาพเหมือนของนางจริงๆ!
แถมยังยิ้มหวานหยดย้อยอีกด้วย? ชุดที่สวมก็โปร่งบางถึงเพียงนั้น?
หากครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเฉินผิงอันห้ามสุยโย่วเปียนเอาไว้ คาดว่าเจิ้งต้าเฟิงคงถูกนางแทงกระบี่ใส่เต็มแรงแล้วจริงๆ
สุดท้ายยังคงเป็นเฉินผิงอันที่ไม่สนใจคำอ้อนวอนของเจิ้งต้าเฟิง ปลดภาพเหมือนลงมามอบให้สุยโย่วเปียนนำไปจัดการ ถึงได้สยบคลื่นมรสุมที่ทำให้คนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ครั้งนี้ไว้ได้ แต่ก็ถือว่าสุยโย่วเปียนกับเจิ้งต้าเฟิงผูกปมความขัดแย้งกันไว้อย่างแน่นหนาแล้ว
เฉินผิงอันที่ทำตัวเป็นกาวประสานก็ไม่มีจุดจบที่ดี สุยโย่วเปียนไม่ได้ฟันภาพเหมือนนั้นให้แหลก กลับกันยังหัวเราะหยันพูดว่า ไม่สู้เจ้าเฉินผิงอันเก็บไว้เองเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้วนี่
คิดไปคิดมา เฉินผิงอันจึงใช้หลักความรู้การเรียงตามลำดับที่อาจารย์ผู้เฒ่าเหวินเซิ่งพูดถึง นั่นคือไปดึงหูเผยเฉียนมา บอกให้นางคัดตัวอักษรหนึ่งพันห้าร้อยตัว
ฟ่านเอ้อร์คล้ายจะมีไหวพริบอยู่บ้าง หลังจากนำภาพนี้มามอบให้ก็ไม่มาหาอีกเลย ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันจะสอนให้เขารู้ว่าอะไรคือหมัดหวังปาที่แท้จริง
ช่วงปลายปีแล้ว
ต้องซื้อของสำหรับช่วงปีใหม่
ฟ่านจวิ้นเม่ามาเยือนรอบหนึ่ง บอกว่าตระกูลฟ่านกับตระกูลฝูได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ฝ่ายหลังเป็นคนมาหาถึงเรือน ฝูฉีมาพบนางด้วยตัวเอง ซึ่งฝูฉีรับประกันว่าจะชดเชยให้กับร้านยาฮุยเฉินด้วยจำนวนเงินที่ใหญ่เทียมฟ้า
เผยเฉียน เว่ยเซี่ยน สุยโย่วเปียนสามคนพากันไปซื้อสิ่งของที่ใช้ในวันตรุษจีน
เป็นเผยเฉียนที่ขอร้องสุยโย่วเปียนอย่างยากลำบาก
ผู้เฒ่าที่ทุกวันจะต้องมานั่งคุยกับจูเหลี่ยนในตรอกเล็กนอกร้านยา วันนี้นั่งอยู่ตรงมุมหัวเลี้ยว สงบสำรวมตามองจมูก จมูกมองใจ ท่าทางคล้ายยอดฝีมือนอกโลกอย่างยิ่ง
ตลอดหลายวันมานี้จูเหลี่ยนยิ่งตั้งใจอ่านหนังสือมากขึ้น อีกทั้งส่วนใหญ่ล้วนเป็นหนังสือใหม่เอี่ยมที่จัดพิมพ์ด้วยวิธีการดีเยี่ยม ล้วนเป็นผู้อาวุโสคนนั้นที่มอบให้เขา แทบจะต้องจุดตะเกียงอ่านตอนกลางคืนทุกวัน
คืนนี้พวกเผยเฉียนสามคนกลับมาพร้อมของเต็มมือ เฉินผิงอันปิดประตูร้านยา นั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว ดื่มยาดองสุราที่ผ่านการหล่อหลอมระดับเล็กในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งอึก
เผยเฉียนเล่นสนุกอยู่ข้างนอกอย่างเต็มที่มาหนึ่งวันจึงนอนหลับไปนานแล้ว แน่นอนว่าไม่กล้าไม่คัดหนังสือ
หลูป๋ายเซี่ยงนั่งอยู่ข้างกายเขา
เขาพูดคุยถึงเรื่องราวน่าสนใจบนภูเขาของใต้หล้าแห่งนี้
หลูป๋ายเซี่ยงรู้สึกว่าคู่ควรให้นำมาขบคิด พูดว่ายุทธภพของพื้นที่มงคลดอกบัวควรจะเรียนรู้การกระทำของสำนักบนภูเขาเหล่านี้บ้างจริงๆ
ยกตัวอย่างเช่นการสังหารศัตรูคู่อาฆาตของที่นี่ถือว่ารวดเร็วฉับไวอย่างมาก มีกฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรหลายข้อบนภูเขาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ข้อแรก รับมือกับศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่มีทางจะคลี่คลายความขัดแย้งได้ด้วยการถอนรากถอนโคน ข้อสอง ลูกศิษย์หนุ่มสาวที่ตบะไม่สูง แต่มีโชคดีเป็นพิเศษ อย่าได้เอาศีรษะหรือสมบัติอาคมไปมอบให้คนอื่นเด็ดขาด หากคนที่เป็นเช่นนี้จะถูกล้อมสังหาร คนส่วนใหญ่ที่จับกลุ่มกันมามักจะแบ่งให้คนหนึ่งคือผู้ฝึกตนที่มีตบะสูสีหรืออยู่ในขอบเขตเดียวกัน มาเพื่อขัดเกลามหามรรคา หากระหว่างการเข่นฆ่าสามารถสังหารคนผู้นั้นได้สำเร็จก็มีความเป็นไปได้ว่าจะดูดดึงเอาโชคของอีกฝ่ายมาครอง คนหนึ่งคือผู้ปกป้องมรรคาชั่วคราว อย่างน้อยต้องมีศักยภาพสูงกว่าคนที่จะถูกฆ่าหนึ่งถึงสองขอบเขต คนหนึ่งคือผู้ฝึกตนที่ตบะสูงที่สุดซึ่งจะคอยรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันอยู่ในที่มืด ข้อที่สาม หากยังคงเสียเปรียบครั้งใหญ่ แต่เมื่อเกี่ยวพันกับการคงอยู่หรือล่มสลายของสำนักก็ไม่ต้องคิดรักษาศักดิ์ศรีหน้าตาอีกแล้ว เงินที่ควรให้ก็ให้ สมบัติที่ควรมอบก็มอบไป ข้อที่สี่ ศักยภาพของผู้ฝึกตนอิสระจะสูงแค่ไหน แต่ไปมีเรื่องด้วยก็ไม่น่ากังวลมากนัก คนเหล่านี้ไม่มีที่พึ่ง เดิมทีก็เป็นเหมือนคลังสมบัติเคลื่อนที่อยู่แล้ว หากพวกเขากล้ามาแหยม ไม่ฆ่าทิ้งก็เสียเปล่า
คุยกันมาถึงสุดท้าย หลูป๋ายเซี่ยงปลงอนิจจังจากใจจริงว่า “ช่างเป็นฟ้าดินที่แตกต่างจริงๆ นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องของการรับลูกศิษย์ของที่นี่ พิถีพิถันยิ่งนัก พื้นที่มงคลดอกบัวไม่อาจเทียบได้เลย”
จากนั้นเขาก็หันหน้ามายิ้มให้ “อย่างเช่นสิ่งที่เจ้าปฏิบัติต่อเผยเฉียน”
เฉินผิงอันอดถามขัดจังหวะทำลายบรรยากาศอันดีไม่ได้ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
แล้วก็รีบพูดว่า “ช่างเถิด ถือซะว่าข้าไม่ได้ถาม”
หลูป๋ายเซี่ยงให้คำตอบที่ต่อให้เฉินผิงอันคิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึง “ข้าเคยกินมาก่อนไง”
เฉินผิงอันเงียบงัน
หลูป๋ายเซี่ยงคลี่ยิ้ม พูดด้วยสีหน้าปกติ “ข้ามีชาติกำเนิดพอๆ กับเว่ยเซี่ยน อันที่จริงยังแย่กว่าเขาเล็กน้อยด้วยซ้ำ เป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่ยังเล็ก คนที่บ้านเกิดก็ไม่ถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์จิตใจบริสุทธิ์อะไร ปีที่ข้าอายุสิบสี่เคยถูกเด็กหนุ่มชั่วร้ายของบ้านเกิดโยนเข้าไปในหลุมขี้ แถมยังทิ้งคนสองคนให้เฝ้าอยู่ด้านข้าง ขอแค่โผล่หัวออกมาจะต้องถูกด้ามไม้ไผ่ตีกลับไป ช่วยไม่ได้ จึงต้องกินให้อิ่มท้อง หลังจากนั้นมาข้าก็ลับมีดแหลมคมเล่มหนึ่ง”
เฉินผิงอันถาม “ทุกคนล้วนถูกเจ้าแทงตายหรือ?”
หลูป๋ายเซี่ยงส่ายหน้า “เปล่าเลย ข้าคำนวณเวลาอย่างแม่นยำ คนแรกที่จับตัวมาได้ดื่มเหล้าจนเมามาย ข้าแทงท้องเขาหนึ่งทีก็ขาอ่อนไปก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกโยนเข้าไปในคุกของอำเภอ ต่อมาบ้านเกิดก็อยู่ไม่ได้แล้ว จึงออกไปท่องยุทธภพ เรียกว่าท่องยุทธภพ แต่อันที่จริงก็แค่การมีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ จู่ๆ วันหนึ่งข้าก็เริ่มได้พบเจอกับเรื่องอัศจรรย์ติดต่อกัน ไปกินสมุนไพรวิเศษอายุพันปีต้นหนึ่ง ได้รับตำราลับวิชาเทพเซียนมาเล่มหนึ่ง รู้จักกับสาวงามคนรู้ใจมากมาย แล้วก็คงเป็นเพราะรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อยกระมัง จึงกลายเป็นความยึดมั่นอย่างหนึ่ง คิดอยากจะให้ตัวเองเป็นเหมือนลูกหลานชนชั้นสูง กลายมาเป็นบัณฑิต ชอบคำว่า ‘สง่างาม’ มากที่สุด แต่ว่าข้ายังถือว่าฉลาด ไม่ว่าเรียนรู้อะไรก็เร็วไปหมด สรุปจากเรื่องหนึ่งก็อนุมานไปเรื่องอื่นๆ ได้ อีกอย่างไม่ว่าข้าทำอะไรก็ล้วนอยากเป็นที่หนึ่ง โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียว ต่อให้ช่วงชิงมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังถือว่าปล่อยวางได้”
เฉินผิงอันพูดอย่างสะท้อนใจ “ข้ารู้ว่าจูเหลี่ยนมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลสูงศักดิ์ คือคนของครอบครัวที่ร่ำรวย ยามกินใช้กระถางวางอาหารเลิศรส มีดนตรีบรรเลงคลออย่างแท้จริง สุยโย่วเปียนแย่กว่าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นครอบครัวแม่ทัพอันดับหนึ่ง โชควาสนานำพาถึงได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่มงคลดอกบัวปีนั้น ยากจะจินตนาการได้ว่า เจ้าก็คือบรรพบุรุษผู้บุกเบิกภูเขาของลัทธิมารในพื้นที่มงคลดอกบัว”
หลูป๋ายเซี่ยงยิ้มอย่างเข้าใจ “ก็ยุทธภพนี่นะ ในช่วงเวลาที่ข้าใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติรุ่งโรจน์ ในยุทธภพไม่ว่าจะเป็นธรรมะหรืออธรรมก็ล้วนชื่นชอบตั้งชื่อที่ไพเราะน่าฟัง ข้าไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกใหม่ตรงไหน หากคิดจะตั้งชื่อก็ตั้งไปตรงๆ ว่าลัทธิมาร จากนั้นก็ทำเรื่องที่ถูกต้องซื่อตรงยิ่งกว่าพรรคฝ่ายธรรมะ นั่นต่างหากถึงจะถือว่าร้ายกาจ ใช่แล้ว ไม่ต้องให้เจ้าเฉินผิงอันพูด ข้าก็รู้ว่าหลังจากนั้นลัทธิมารมีพฤติกรรมเช่นไร เปิดตำราประวัติศาสตร์หลายเล่มออกอ่านก็จะค้นพบว่าประวัติศาสตร์ก็วกไปวนมาอยู่แบบนี้ ราชสำนัก ยุทธภพล้วนเหมือนกัน เหมือนการวาดวงกลม บางครั้งอาจมีอริยะผู้ทรงคุณธรรม มีผู้เปี่ยมพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์โผล่ออกมา ถ้าอย่างนั้นก็เดินออกไปอีกหน่อย วงกลมจะใหญ่ขึ้นอีกนิด คนรุ่นหลังก็จะเดินวนตามวงกลมต่อไป”
เฉินผิงอันคิดแล้วก็พูดว่า “บางครั้งก็เลี้ยวไปเลี้ยวมา ไม่มีที่สิ้นสุด”
หลูป๋ายเซี่ยงพยักหน้ารับ “นั่นก็คือปรากฎการณ์ของกลียุค ชีวิตคนมีค่าเท่าผักหญ้า ไม่ต่างจากไก่และหมา”
คนทั้งสองเงียบงันกันไปนาน
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!