ในขณะที่กระบี่บินชูอีและสืออู่ใกล้จะกินแท่นสังหารมังกรรูปทรงยาวชิ้นนั้นจนหมด กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างต่อเนื่อง กระบี่บินส่งเสียงดังสวบๆ ก็มาถึงวันที่ยี่สิบเก้าเดือนสองแล้ว
เผยเฉียน เว่ยเซี่ยนสุยโย่วเปียนสามคนซื้อของที่ใช้ในวันตรุษจีนที่ร้านยาฮุยเฉินกลับมาเต็มไม้เต็มมือ วิ่งไปกลับอยู่ห้าหกรอบ การที่เผยเฉียนร้องขอร้องสุยโย่วเปียนอย่างยากลำบากให้เดินทางไปเป็นเพื่อนนั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เพราะขอแค่สุยโย่วเปียนยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับร้านต่างๆ ไม่จำเป็นต้องให้เว่ยเซี่ยนและเผยเฉียนต่อรองราคากับเถ้าแก่ร้าน ราคาก็จะลดดิ่งฮวบลงได้เอง
ทุกครั้งจะออกไปแต่เช้า กลับมาเย็นย่ำ ผู้เฒ่าคนนั้นก็จะนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไหวโบราณของหัวเลี้ยวตรอก ตอนแรกยังมีท่าทางระมัดระวังอยู่บ้าง ภายหลังคุ้นเคยกันแล้วจึงพูดทักทายพวกเขา สองครั้งสุดท้าย เว่ยเซี่ยนที่มีหน้าที่แบกของหนักไม่ได้ตามไปด้วย วันนี้ตอนที่สุยโย่วเปียนซึ่งสะพายหีบไม้ไผ่สีเขียวของเฉินผิงอันพาเผยเฉียนเดินกลับเข้ามาในตรอกเล็ก ผู้เฒ่าก็เอ่ยทักทายขึ้นอีกครั้ง เผยเฉียนตอบรับอย่างอ่อนหวาน สุยโย่วเปียนไม่ได้เอ่ยอะไร พอเดินเข้ามาในตรอกเล็ก เผยเฉียนก็หัวเราะร่าพูดว่าผู้เฒ่าที่ลักษณะท่าทางเหมือนซิ่วไฉเหมือนจวี่เหรินท่านนี้ช่างทำตัวสมกับคำว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ก็แค่อายุมากไปสักหน่อย สุยโย่วเปียนดึงหูเผยเฉียน ยิ้มตาหยีถามว่าผู้เฒ่าได้ตกปากรับคำว่าจะมอบเงินยาสุ้ยถุงสีแดงหนาหนักให้เจ้าใบหนึ่งใช่หรือไม่? เผยเฉียนได้แต่แสร้งโง่ร้องโอดโอยว่าเจ็บ
เดินข้ามธรณีประตูร้านยาเข้ามา เฉินผิงอันยังคงนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะคิดเงิน รอจนสุยโย่วเปียนปล่อยมือที่ดึงหูเผยเฉียนแล้ว เผยเฉียนก็เริ่มร่ายเสียงดังว่าพวกนางสองคนไปที่ไหนเวลาไหน ซื้อของอะไรที่ราคาเดิมเท่าไหร่ แต่ซื้อมาด้วยราคาเท่าไหร่ที่ร้านใด เฉินผิงอันดีดลูกคิด เมื่อเสียงของเผยเฉียนเงียบลง เสียงดีดลูกคิดใสกังวานดังเสนาะหูก็หยุดลงทันควันเช่นกัน เฉินผิงอันชูนิ้วโป้งให้สุยโย่วเปียน “ลำพังแค่พวกอุปกรณ์ตกแต่งบนโต๊ะหนังสือก็ได้ลดไปประมาณร้อยตำลึงเงินแล้ว”
เผยเฉียนช่วยสุยโย่วเปียนเลิกผ้าม่านไม้ไผ่ สุยโย่วเปียนเดินไปด้านหลังของร้านยาแล้วปลดข้าวของที่ซื้อมาสำหรับใช้ในวันตรุษจีนลงจากบ่า
เผยเฉียนเดินย้อนกลับไปที่โต๊ะคิดเงิน เขย่งปลายเท้า เอาคางวางบนโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มทวงรางวัล
เฉินผิงอันชำเลืองตามองไปทางม่านไม้ไผ่ แอบหยิบเงินเหรียญทองแดงออกมาเจ็ดแปดเหรียญ “นี่คือส่วนแบ่งของเจ้า รีบเก็บไปเร็วเข้า หากนางเห็นเข้า พวกเราสองคนต้องแย่แน่”
เผยเฉียนเก็บทรัพย์สินก้อนเล็กนี้มาอย่างระมัดระวังแล้ววิ่งปรู๊ดไปที่เรือนด้านหลัง รีบเอาไปเก็บไว้ในกล่องเก็บสมบัติของนาง
เฉินผิงอันเอ่ยเตือน “ไปช่วยนางเก็บของด้วย ต้องทำดีให้เสมอต้นเสมอปลาย แล้วจำไว้ว่าสุดท้ายต้องพูดกับนางหนึ่งคำว่าลำบากนางแล้ว”
“ได้เลย!” เผยเฉียนตอบรับเสียงดัง
มองม่านไม้ไผ่สีเขียวที่ยังแกว่งส่าย เฉินผิงอันก็คลี่ยิ้มอย่างเข้าใจ
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่สามสิบของสิ้นปีแล้ว วันสุดท้ายของปี บอกลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (ปีใหม่ของจีนคือวันตรุษจีน จะอยู่ในช่วงเดือนสอง ไม่ใช่วันที่สามสิบเอ็ดเดือนสิบสองอย่างปีสากล)
ไม่ว่าอย่างไรเฉินผิงอันก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ร่วมฉลองวันปีใหม่พร้อมกับคนมากมายในร้านยาฮุยเฉินของนครมังกรเฒ่าเช่นนี้
เมื่อไม่กี่วันก่อนไปซื้อของสำหรับตรุษจีนมาหลายรอบ สุยโย่วเปียนไม่ใคร่จะเต็มใจนัก ภายหลังเว่ยเซี่ยนก็คร้านจะไป กลับกลายเป็นสุยโย่วเปียนที่ติดใจขึ้นมา ลากเอาเผยเฉียนบุกตะลุยไปทั่วสี่ทิศ สนุกสนานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ช่วงแรกเริ่มสุดจูเหลี่ยนมาปรึกษากับเผยเฉียนเป็นการส่วนตัว บอกว่าขอแค่พาสุยโย่วเปียนออกไปข้างนอกด้วยกันได้ก็จะมอบสี่สมบัติให้ห้องหนังสือหนึ่งชุดและเงินยาสุ้ยหนึ่งก้อนให้นาง เผยเฉียนบอกว่านางจะรับไว้พิจารณา หลังจากนั้นนางก็ไปหาเฉินผิงอัน เฉินผิงอันรู้สึกว่าสุยโย่วเปียนควรจะออกไปข้างนอกให้มาก สัมผัสกลับกลิ่นอายของโลกมนุษย์เยอะหน่อยก็เป็นเรื่องดี จึงบอกให้เผยเฉียนรับปากไป ดังนั้นสุยโย่วเปียนที่ทนรำคาญเสียงพึมงึมงำราวเสียงแมลงวันของเผยเฉียนซึ่งรบกวนการฝึกยืนนิ่งเจี้ยนหลูของนางไม่ไหว จึงได้แต่ออกไปผ่อนคลายอารมณ์พร้อมกับนางและเว่ยเซี่ยน
ภายหลังสุยโย่วเปียนไปหยิบเอาหีบหนังสือไม้ไผ่สีเขียวใบที่วางอยู่ในมุมห้องของนางกับเผยเฉียนมาด้วยตัวเอง แล้วลากเผยเฉียนออกไปซื้อของด้วยกัน เฉินผิงอันจึงแอบตกลงกับเผยเฉียนอย่างลับๆ ว่า ขอแค่สุยโย่วเปียนต่อรองราคากับเถ้าแก่ร้านได้หนึ่งครั้ง เผยเฉียนก็จะได้รับเงินส่วนแบ่งเป็นเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญ
เฉินผิงอันหันหน้าไปมองนอกประตูร้านยา
แสงสว่างในตรอกเล็กพลันมืดสลัวลง บรรยากาศอึมครึมแผ่ปกคลุมไปทั่ว อีกทั้งดูเหมือนว่าเส้นแสงนั่นจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทำให้ดูหนักอึ้งอย่างเห็นได้ชัด
คนผู้หนึ่งที่สวมชุดกระโปรงสีเขียวพลิ้วกายลงมาจากฟากฟ้า นางก็คือฟ่านจวิ้นเม่า
เฉินผิงอันเดินอ้อมโต๊ะคิดเงิน ข้ามธรณีประตูออกไป
ฟ่านจวิ้นเม่าถาม “คิดดีแล้วหรือยัง?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “หวังว่าจะส่งท้ายปีนี้ไปได้ด้วยดี”
ฟ่านจวิ้นเม่าหันไปเอ่ยเตือนเทพหยินแซ่จ้าวที่แผ่ควันดำตลบอบอวล ปราณดุร้ายล่องลอยไปทั่ว “อย่าวาดงูเติมหาง แอบตรวจสอบความเคลื่อนไหวบนทะเลเมฆ ถึงเวลานั้นคนที่ลำบากก็คือเฉินผิงอัน”
เทพหยินพยักหน้ารับ หากมันอาศัยค่ายกลของร้านยาก็จะมีตบะเท่ากับขอบเขตหยกดิบ ซึ่งสามารถตรวจสอบทะเลเมฆเบื้องบนของนครมังกรเฒ่าได้เล็กน้อยจริงๆ เพียงแต่ว่าปราณวิญญาณของทะเลเมฆทั้งสะอาดและบริสุทธิ์ ทว่าเทพหยินและค่ายกลต่างก็เป็นปราณที่สกปรกและดุร้าย ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกัน ประหนึ่งทหารที่ประมือกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ง่ายที่จะชักนำให้ทะเลเมฆเกิดความวุ่นวาย ทำให้การหล่อหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตชิ้นนั้นของเฉินผิงอันล้มเหลว และจะทำร้ายไปถึงรากฐานของมหามรรคา
ฟ่านจวิ้นเม่ายื่นมือมาคว้าเฉินผิงอันและทะยานลมขึ้นไปยังทะเลเมฆเหนือศีรษะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!