กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 370

เช้าตรู่วันที่สามสิบของสิ้นปี การเฉลิมฉลองของชาวบ้านทั่วไปในนครมังกรเฒ่าไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศกดดันจากตระกูลใหญ่บางแห่ง

ตระกูลฝูยกเลิกคำสั่งห้ามในเมืองไปนานแล้ว ถนนใหญ่ตรอกเล็กต่างก็เต็มไปด้วยความครึกครื้นรื่นเริง

ทางฝั่งของร้านยาฮุยเฉิน วินาทีที่เท้าทั้งสองข้างของเฉินผิงอันสัมผัสกับพื้น สะพานเมฆก็หายไปแล้ว

เทพหยินแซ่จ้าวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ถามว่า “หลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตสำเร็จแล้วหรือ?”

เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มกล่าว “แค่หลอมวัตถุแก่นน้ำชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่คราวหน้าที่หลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิต โอกาสที่จะสำเร็จก็มีสูงมาก”

เทพหยินพยักหน้ารับ “ไม่เลวเลยทีเดียว”

เฉินผิงอันกลับไปที่โต๊ะคิดเงินของร้านยา แผ่นหยกสีทองถูกเขาเก็บลงไปตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว ไม่อย่างนั้นหากห้อยไว้ตรงเอวก็หมายความว่าโชคชะตาน้ำของทะเลเมฆจะถูกกลืนกิน ฟ่านจวิ้นเม่าต้องแลกชีวิตกับเขาแน่นอน

ตอนนี้เจิ้งต้าเฟิงสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติแล้ว วันนี้เขาบอกให้เผยเฉียนช่วยยกม้านั่งตัวเล็กมาให้ตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะจะไปหาคนบนเส้นทางเดียวกันซึ่งอยู่ใต้ต้นไหว แล้วก็จริงดังคาด เขาได้พบกับเศรษฐีผู้เฒ่าตั้งแต่เช้า อีกฝ่ายกำลังนั่งอ่านหนังสือ จูเหลี่ยนก็ยิ่งตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อาวุโสที่ ‘มุมานะอย่างยากลำบากกับการอ่านตำรา’ เจิ้งต้าเฟิงนั่งลงแล้วก็รื้อสะพานหลังข้ามแม่น้ำทันที เขาบอกให้เผยเฉียนกลับไปเล่นที่ร้านยา เผยเฉียนย่อมไม่ยินยอม ยื่นมือออกมาทวงค่าตอบแทนที่ตกลงกันไว้แล้ว ซึ่งก็คือเงินเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญ เสียเหงื่อไปส่วนหนึ่งก็ต้องได้รับเงินหนึ่งอีแปะ เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักฟ้าดิน ต่อให้เฉินผิงอันมารู้ทีหลังก็ไม่มีทางด่านาง ดังนั้นเผยเฉียนจึงรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลมากเป็นพิเศษ

เจิ้งต้าเฟิงรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย บอกว่าเดี๋ยวจะเพิ่มเงินอีกหนึ่งอีแปะไปในเงินยาสุ้ยของนางก็แล้วกัน เผยเฉียนบอกว่านี่เป็นคนละเรื่องกัน นางไม่ชอบให้คนอื่นติดเงินนาง ไม่อย่างนั้นก็จะต้องคิดบัญชีตามหลักกำไรสามส่วนอย่างที่เว่ยเซี่ยนบอก อีกอย่างติดเงินในวันที่สามสิบของสิ้นปี เจ้าเจิ้งต้าเฟิงยังอยากจะให้ปีหน้ามีชีวิตที่ราบรื่นมั่นคงอีกหรือไม่ ผู้เฒ่าที่ยกเก้าอี้หวายมานั่งเอนหลังอยู่ด้านข้างเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกว่าน้องต้าเฟิง เด็กคนนี้พูดจามีเหตุผล ติดเงินเวลานี้ไม่เป็นมงคลจริงๆ อย่าได้ดูแคลนโชคชะตาของเงินเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญเชียว

เจิ้งต้าเฟิงควักล้วงอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่สามารถเอาเงินเหรียญทองแดงออกมาได้แม้แต่ครึ่งเหรียญ ขณะที่กำลังกลัดกลุ้ม ผู้เฒ่าก็ยิ้มพูดเสนอทางออก บอกให้ขายม้านั่งตัวเล็กให้เขา จากนั้นเขาจะให้เงินเจิ้งต้าเฟิง แล้วเจิ้งต้าเฟิงค่อยเอาเงินให้เผยเฉียนอีกที เจิ้งต้าเฟิงรู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้ แค่ม้านั่งเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น วันหน้าค่อยให้เฉินผิงอันทำตัวใหม่ให้ก็แล้วกัน หีบไม้ไผ่ เก้าอี้ไม้ไผ่ ม้านั่งอะไรพวกนั้น เฉินผิงอันมีฝีมือดีมาก แล้วก็ชอบจะเสียเวลาทำเรื่องพวกนี้ด้วย

เผยเฉียนเหลือกตามองบน ชี้ไปที่เจิ้งต้าเฟิงและผู้เฒ่าคนนั้น “พวกเจ้าน่ะ แค่เหรียญทองแดงเหรียญเดียวยังคิดเล็กคิดน้อยกันขนาดนี้ ช่างเถอะ คราวนี้ถือว่าข้ามีน้ำใจช่วยเหลือ ไม่เก็บเงินก็แล้วกัน”

เผยเฉียนเลียนแบบท่าทางของเจิ้งต้าเฟิงในตอนแรก ยื่นฝ่ามือออกมากดลงเบื้องล่างสองที “จำไว้ให้ขึ้นใจ บุญคุณอย่าเอาแต่วางไว้บนปาก”

มองเผยเฉียนที่เดินอาดๆ กลับเข้าไปในตรอก จากนั้นก็เห็นว่านางฝึกวิชาหมัดเดินนิ่งที่ร่างโยกเยกไปมา จู่ๆ ก็นึกสนุกเลยทำท่าตวัดเท้าเตะเลียนแบบหลูป๋ายเซี่ยง นางกระโดดผลุงขึ้น แล้วก็เตะเท้าหมุนเป็นวงได้จริงๆ แต่ผลกลับกลายเป็นว่าทำให้ตัวเองเวียนหัว ล้มหน้าทิ่มลงไปบนพื้น นางรีบลุกขึ้นยืนทันใด ข่มกลั้นความเจ็บปวดแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินแยกเขี้ยวเข้าตรอกไป

ผู้เฒ่าถามด้วยรอยยิ้ม “ใครเป็นผู้อบรมสั่งสอนแม่นางน้อยคนนี้ เฉลียวฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก”

จูเหลี่ยนตอบ “คือลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อของนายน้อยข้า ซุกซนนักล่ะ”

เจิ้งต้าเฟิงกุมหมัดยิ้มพูด “ผู้อาวุโส เลื่อมใสมานานๆ”

ผู้เฒ่ากุมหมัดคารวะกลับคืน “มิได้ๆ ฉายาในยุทธภพคือทวนหนึ่งฉื่อ อีกฉายาหนึ่งคือเสี่ยวเฟยเซิง ไม่ทราบว่าน้องต้าเฟิงชื่นชมเลื่อมใสเทพธิดาบนภูเขาคนใดมากที่สุด?”

เจิ้งต้าเฟิงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “คือจอมยุทธ์หญิงเฮ้อเหลียนเป่าจูของพรรคหมัดเทพไร้เทียมทาน!”

ผู้เฒ่าหลุดหัวเราะพรืด “ดูท่าสายตาของน้องต้าเฟิงจะธรรมดาอย่างยิ่ง”

มรรคาต่างมิอาจร่วมทาง พูดมากหนึ่งประโยคหรือมองนานอีกหน่อยก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ

เจิ้งต้าเฟิงแค่นเสียงเย็น ขยับม้านั่งตัวเล็กของตัวเองออกห่างไปหลายก้าว

ผู้เฒ่าเองก็ตาต่อตาฟันต่อฟัน ลุกขึ้นขยับเก้าอี้หวายของตัวเองออกไป แล้วถึงได้เอนตัวลงนอนอาบแดดอีกครั้ง

จูเหลี่ยนนั่งอยู่ระหว่างม้านั่งกับเก้าอี้หวาย แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ได้ยิน ตั้งใจอ่านตำราเทพเซียนอย่างเดียว ตำราในมือเล่มนี้มีที่มาไม่ธรรมดา ราคาก็สูง เป็นฉบับจัดพิมพ์ที่ตระกูลเซียนบนภูเขาทำขึ้นมา คนที่อยู่ในภาพวาดสามารถขยับได้

เจิ้งต้าเฟิงทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าเทพธิดาซูเจี้ยแห่งภูเขาตะวันเที่ยงจะตกต่ำเช่นนั้น น่าเสียดายนัก”

ดวงตาผู้เฒ่าเป็นประกาย เพียงแต่นึกรังเกียจสายตาที่ธรรมดาสามัญของเจิ้งต้าเฟิงจึงยังไม่เต็มใจจะพูดด้วย แต่ทว่าในใจก็รู้สึกคันคะเยอ ถึงอย่างไรเทพธิดาซูเจี้ยก็คือหนึ่งในสองคนที่เขาและหนุ่มน้อยชื่นชอบ

เจิ้งต้าเฟิงลูบคลำปลายคาง เอ่ยเนิบช้า “ปีนั้นโชคดีได้พบหน้าเทพธิดาเฮ้อของสำนักโองการเทพหนึ่งครั้ง เทพธิดาสวมกวานเต๋าไว้บนศีรษะ ในมือจูงกวางขาว เดินนวยนาดตรงมา มาย้อนคิดดูแล้ว ตอนนั้นอยู่ห่างจากเทพธิดาแค่เจ็ดแปดก้าวเท่านั้น…”

ผู้เฒ่าอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เบี่ยงตัวหันหน้าไปมองบุรุษมอซอผู้นั้น เอ่ยอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจนักว่า “น้องต้าเฟิง อันที่จริงจอมยุทธ์เฮ้อเหลียนก็ดีมากเหมือนกัน”

เจิ้งต้าเฟิงหยิบม้านั่งตัวเล็กขึ้นมา เดินหลังค่อมกลับเข้าไปในตรอกเล็ก

ผู้เฒ่าอึ้งตะลึงอยู่เป็นนาน ก่อนจะกล่าวอย่างเจ็บใจ “น้องต้าเฟิงผู้นี้ ไม่เสียแรงที่เคยพบเห็นโลกกว้างมาก่อน ข้าละอายใจที่สู้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่ควรทำตัวเป็นดั่งกบใต้บ่อ รีบร้อนตัดสินเขา ตอนนี้ดีแล้ว ทำให้น้องต้าเฟิงโกรธ ข้ากับเทพธิดาใหญ่เฮ้อก็ยิ่งอยู่ห่างไกลกันไปอีก ไม่อย่างนั้นวันหน้าเมื่อไปถึงพรรคหมัดเทพไร้เทียมทานข้าก็สามารถเอาเรื่องนี้มาเล่าให้คนอื่นฟังได้ ต้องทำให้หนุ่มน้อยผู้นั้นดึงหน้าไว้ไม่อยู่ ต้องยอมรับความพ่ายแพ้แน่นอน!”

จูเหลี่ยนที่นั่งอยู่ด้านข้างพยักหน้าและตอบรับอย่างขอไปที

ผู้เฒ่าเอนตัวนอนบนม้านั่งหวาย ถอนหายใจ “ดอกท้อบานสะพรั่ง ไม่รู้ว่าบุรุษผู้มีรักคนใดจะสามารถเด็ดหนึ่งดอกมาวางลงบนหัวใจได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!