เฉินผิงอันหรี่ตาลงทันใด เพียงแต่ไม่นานสีหน้าก็กลับคืนมาเป็นปกติอีกครั้ง คิดว่ามีเรื่องมากขึ้นไม่สู้มีเรื่องให้น้อยลง จึงแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา
คาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นก็มองเห็นเฉินผิงอัน เขาเดินเร็วๆ มาหยุดตรงหน้าเฉินผิงอัน ยื่นนิ้วออกมาชี้ น่าจะเพราะจำหน้าเฉินผิงอันได้ แต่นึกชื่อแซ่ของเขาไม่ออก สีหน้าจึงดูร้อนใจเล็กน้อย
เป็นโชคหรือเป็นภัยล้วนหลบไม่พ้น เฉินผิงอันจึงได้แต่คลี่ยิ้มเป็นการทักทายแล้วพูดด้วยภาษาทางการของแจกันสมบัติทวีป “ที่หน้าประตูเมืองเล็ก พวกเราเคยพบกันครั้งหนึ่ง ตอนนั้นข้ากับคนเฝ้าประตูอยู่ข้างใน เจ้ายืนอยู่นอกรั้วไม้ ความทรงจำของเจ้าดีมาก ผ่านมานานขนาดนี้ก็ยังจำข้าได้”
ชายร่างกำยำพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย “ใช่ เจ้านี่เอง นอกจากคนเฝ้าประตูผู้นั้นแล้ว เจ้าก็คือคนในท้องที่ของเมืองเล็กที่ข้าได้พบเป็นคนแรก นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเจอเจ้าอยู่ที่นี่ ตอนแรกข้ายังไม่กล้ามาทักเจ้า เพราะเจ้าเปลี่ยนไปมาก เจ้าบอกว่าข้าความจำดี ข้ารู้สึกว่าความจำเจ้าเองก็ไม่แย่เหมือนกัน แถมยังน่าจะดีกว่าข้าเล็กน้อยด้วย”
เห็นในมือเฉินผิงอันหิ้วเหล้าเซียนบ่อน้ำไว้สองไห ชายฉกรรจ์ที่ตรงคางเต็มไปด้วยตอหนวดเขียวครึ้มก็ยิ้มพูดว่า “เหล้าบ่อน้ำไหนี้ของเจ้าถูกหลอกให้ซื้อแล้ว เหล้าเซียนของแท้ต้องเป็นเหล้าที่หมักด้วยน้ำสามหยดจากบ่อที่เก่าแก่ที่สุด และเหล้าสองไหนี้ของเจ้ามาจากบ่อน้ำใหม่สิบกว่าคำที่ร้านพ่อค้าหัวหมอไร้มโนธรรมสร้างขึ้นมาเป็นการส่วนตัว รสชาติไม่ถูกต้อง ไปๆๆ ข้าจะพาเจ้าไปดื่มเหล้าบ่อน้ำเก่าของแท้ ไม่อย่างนั้นการมาเยือนท่าเรือหางผึ้งครั้งนี้ของเจ้าก็เสียเที่ยวแล้ว”
เขาเพิ่งจะเดินออกมาหนึ่งก้าวก็หัวเราะฮ่าๆ “ช่างเถิด ยุทธภพอันตราย พวกเราสองคนก็อย่าใกล้ชิดสนิทสนมกันนักเลย”
ชายร่างกำยำบอกที่ตั้งร้านเหล้าสองร้านให้แก่เฉินผิงอัน “หากยินดีก็ไปเอง ข้าจะไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าทำดีหวังผล เจ้าและข้าจะได้ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนทั้งสองฝ่าย”
เขากุมหมัดบอกลาเฉินผิงอันแล้วก้าวยาวๆ จากไป
เป็นคนรวดเร็วตรงไปตรงมา
เฉินผิงอันถอนหายใจอยู่ในใจ
โซ่เหล็กที่ถูกชายร่างกำยำนำมาทำเป็นสายรัดเอว เห็นได้ชัดว่าเป็นโซ่เหล็กเส้นหนาใหญ่ของบ่อโซ่เหล็กก่อนที่ถ้ำสวรรค์หลีจูจะแตกแล้วร่วงลงมา ตอนนั้นเฉินผิงอันก็ได้ยินมาแล้วว่าคนผู้นี้ได้โชควาสนาครั้งใหญ่ไปครอง นอกจากวัตถุห้าธาตุแล้ว ในบรรดาสมบัติอาคมมากมายที่ซ่อนอยู่ตามกลุ่มชาวบ้านของถ้ำสวรรค์หลีจูเวลานั้น ก็มีของชิ้นนี้กับน้ำเต้ามรกต กาซานเซียวของซ่งจี๋ซิน รวมถึงกระจกสยบมารอีกบานหนึ่งที่ล้ำค่ามากที่สุด ซึ่งโซ่พันธนาการมังกรเส้นนี้มีมูลค่าควรเมืองมากที่สุด เคยเป็นเชือกพันธนาการหนึ่งเส้นที่สามารถพันธนาการมังกรที่แท้จริงตัวสุดท้ายได้สำเร็จ ระดับขั้นของมันจะสูงแค่ไหน เพียงคิดก็พอจะจินตนาการได้
ตอนนี้ได้ถูกคนผู้นี้หล่อหลอมให้กลายมาเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตได้สำเร็จแล้ว การที่เขากล้าเอามาใส่โอ้อวดคนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ คาดว่าหากไม่มีฝีมือและความกล้าหาญก็คงต้องมีที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่มากพอ หรือไม่ก็มีครบทั้งสองอย่าง
ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เฉินผิงอันได้สัมผัสกับฟ้าดินข้างนอกอย่างแท้จริง
วานรย้ายขุนเขาของภูเขาตะวันเที่ยง ไช่จินเจี่ยนแห่งภูเขาเมฆาเรือง ซวี่ซื่อแห่งนครลมเย็น ฝูหนันหัวแห่งนครมังกรเฒ่า
นั่นคือสถานการณ์แห่งความเป็นความตายที่เกิดขึ้นติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า คือช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของเฉินผิงอัน ความรู้สึกไร้ที่พึ่งเช่นนั้นมากมหาศาลยิ่งกว่าในอนาคตตอนที่เฉินผิงอันเผชิญหน้ากับเจียวเฒ่าก่อกำเนิดในร่องเจียวหลง มากกว่าตอนที่เผชิญหน้ากับตู้เม่าบินทะยานในนครมังกรเฒ่าเสียอีก
เพียงแต่ว่าก็เหมือนครั้งนั้นที่พูดความในใจกับหลูป๋ายเซี่ยง บนเส้นทางของชีวิตคน ขอแค่ได้เห็นดอกไม้สักดอกท่ามกลางความรกร้างว่างเปล่า ทุกอย่างก็ต่างออกไปจากเดิมแล้ว
เฉินผิงอันได้เจอกับแม่นางที่ดีคนหนึ่ง ยามนางคลี่ยิ้ม เฉินผิงอันจะต้องรู้สึกว่าตัวเองคือคนที่มีเงินมากที่สุดในใต้หล้า
จะไม่ชอบได้อย่างไร จะตัดใจไม่วางนางไว้บนหัวใจได้อย่างไร
ดื่มเหล้าบนหลังคาร้านยาครั้งสุดท้ายกับฟ่านเอ้อร์ในนครมังกรเฒ่า เฉินผิงอันบอกว่า “แม่นางที่ข้าชอบ นางงดงามที่สุดแล้ว แต่ว่าเวลาที่นางซึ่งงดงามที่สุดงดงามยิ่งกว่าเดิมก็คือ เวลาที่ข้ากำลังมองนาง แล้วนางแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทว่าขนตาของนางที่ข้าเห็นจากใบหน้าด้านข้างกลับสั่นไหวเบาๆ”
ตอนนั้นฟ่านเอ้อร์อึ้งตะลึงไปเล็กน้อย ถามเขาว่า มารดามันเถอะ นี่เจ้าเฉินผิงอันชอบแม่นางคนนั้นมากขนาดไหนกันแน่!
ตอนนั้นเฉินผิงอันดื่มจนเริ่มเมากรึ่มๆ แล้ว จึงจับประคองน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไว้ด้วยสองมือแล้วหัวเราะอย่างโง่งม
……
ในขณะที่เฉินผิงอันเดินไปตามหาสุราบ่อน้ำเก่าแก่ที่แท้จริง ชายฉกรรจ์ร่างกำยำไม่อยากจะไปเจอกับคนหนุ่มที่มาจากถ้ำสวรรค์หลีจูผู้นี้อีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นำมาซึ่งการคาดเดา เขาจึงจงใจเลือกร้านเหล้าแห่งอื่น ระหว่างทางผู้เฒ่าคนหนึ่งที่เก็บอำพรางลมปราณไว้อย่างมิดชิดพลันปรากฎตัวกะทันหัน มาหยุดอยู่ข้างกายชายหนุ่ม เล่าเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งให้ฟัง
ชายหนุ่มโมโหจัดจนกลายเป็นขำ “คนกลุ่มนี้น้ำเข้าสมองแล้วหรือไง คิดแต่จะเอาเงินไม่เอาชีวิตกันจริงๆ เจ้านำความไปบอกผู้ดูแล ให้พวกเขาหยุดมือ อย่าได้ไปเซ่นฟันให้คนอื่นอีกเลย” (เซ่นฟันในอดีตหมายถึงการได้กินเนื้อมื้อหนึ่งของทุกๆ ต้นเดือนหรือกลางเดือน แต่ภายหลังหมายถึงการได้กินอย่างอิ่มหมีพีมันในบางมื้ออาหาร)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!