กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 378

สรุปบท บทที่ 378.1 กินเต้าหู้เหม็นกันเถอะ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปตอน บทที่ 378.1 กินเต้าหู้เหม็นกันเถอะ – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

ตอน บทที่ 378.1 กินเต้าหู้เหม็นกันเถอะ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ไม่นึกว่าจะเจอกระท่อมไม้ไผ่ที่ถูกทิ้งร้างมาหลายปีที่ริมทะเลสาบกลางป่าเขาแห่งหนึ่ง ยังพอจะมองออกถึงลักษณะดั้งเดิมของมัน คาดว่าช่วงแรกๆ ที่สร้างขึ้นต้องงามประณีตอย่างมาก มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าผู้สร้างจะเป็นคนเก็บตัวสันโดษซึ่งมีชาติกำเนิดร่ำรวย อีกทั้งยังต้องชอบตกปลามากด้วย

คนทั้งกลุ่มจึงหยุดพักกันที่นี่ แบ่งงานกันไปทำ เฉินผิงอันไปตัดไม้ไผ่มีอายุมากเอามาเหลาเป็นซี่บางๆ สองอัน หนึ่งสั้นหนึ่งยาว ตอนที่กลับมาจูเหลี่ยนก็ก่อกองไฟเรียบร้อยแล้ว เฉินผิงอันนั่งลงข้างกองไฟ ใช้ไฟรมไม้ไผ่ช้าๆ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับคันเบ็ดตกปลา ไม่อย่างนั้นหากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในน้ำเห็นแสง เพียงแค่ออกแรงกระชากเล็กน้อย ไม้ไผ่ก็อาจจะหักท่อนได้ เฉินผิงอันมอบไม้ไผ่อันสั้นให้เผยเฉียน บอกให้นางเรียนรู้จากเขา

ในกระท่อมไม้ไผ่ จูเหลี่ยนกำลังแลกเปลี่ยนความรู้จากชายฉกรรจ์เคราดก คนทั้งสองนั่งห่างจากทุกคนไปค่อนข้างมาก ดูเหมือนจูเหลี่ยนจะกำลังโอ้อวดการต่อสู้ระหว่างชายหญิงที่ทำให้ร่างเปียกโซมไปด้วยเหงื่อจากใน ‘ตำราเทพเซียน’ ที่ผู้เฒ่าแซ่สวินมอบให้

นักพรตหนุ่มนั่งอยู่บนเสื่อกับหลูป๋ายเซี่ยง กำลังประชันฝีมือการเล่นหมากล้อม เว่ยเซี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ ยังคงรอดูผลว่าใครแพ้ใครชนะ

วัวดินสีเหลืองตัวนั้นช่วยดูต้นทางอยู่ในผืนป่าใกล้กับกระท่อมไม้ไผ่

เผชิญกับภูเขาเขียวน้ำใสของที่แห่งนี้ ฉวยโอกาสที่รอบด้านไร้ผู้คน สุยโย่วเปียนจึงเดินออกจากกระท่อมไม้ไผ่ นั่งลงบน ‘ฐานกระท่อม’ ที่ลักษณะคล้ายกับแพไม้ไผ่ ถอดรองเท้า ปล่อยเท้าสองข้างที่ขาวนวลราวกับหิมะแช่ลงไปในน้ำ กระบี่ชือซินวางพาดขวางไว้บนหัวเข่า มือสองข้างจับตรงหัวและปลายของฝักกระบี่ ทอดสายตามองไปไกล อากาศสดชื่นในป่าเขาทำให้จิตใจคนผ่อนคลาย

ทำคันเบ็ดตกปลาสั้นยาวสองอันเสร็จ เฉินผิงอันลองสะบัดอยู่หลายทีเพื่อทดลองดูระดับความโค้งว่ามากหรือน้อย ส่วนเผยเฉียนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ลองทำตามไปด้วย

อาจารย์และศิษย์หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กเดินมานอกกระท่อม เฉินผิงอันเริ่มผูกเส้นเอ็นและตะขอตกปลา เผยเฉียนยังคงพยายามเลียนแบบ เพียงแต่ว่าในด้านรายละเอียดนางกลับทำได้แย่ไปสักหน่อย เฉินผิงอันจึงต้องช่วยผูกสายเส้นเอ็นที่พันกันเป็นปมให้นางใหม่ ช่วยผูกตะขอตกปลาให้แน่น

จากนั้นก็พาเผยเฉียนไปยังหินก้อนหนึ่งที่อยู่ริมทะเลสาบห่างออกไป หาสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ในน้ำลักษณะคล้ายแมงกะชอนมา

สุดท้ายเฉินผิงอันกลับไม่ได้ตกปลา แค่บอกให้เผยเฉียนนั่งตกปลาเพียงลำพัง เขาเอาคันเบ็ดอันยาวเก็บเข้าไปในหยกพกวัตถุจื่อชื่อที่เจิ้งต้าเฟิงมอบให้ ด้านในนั้นมีทั้งรองเท้าสานคู่เก่าที่เปื่อยผุแล้วแต่กลับไม่ได้โยนทิ้ง มีสิ่งของเครื่องใช้ในหมู่ชาวบ้านที่ไม่สะดุดตาอย่างตะขอ เส้นเอ็นตกปลา แล้วก็มีสุราที่ค่อนข้างมีราคาอย่างเหล้าเซียนบ่อน้ำ รวมถึงใบอู๋ถงที่ออกเป็นสีเหลืองใบนั้น ว่ากันว่าด้านในบรรจุค่ายกลใหญ่ปกป้องภูเขาที่มีต้นกำเนิดมาจากภูเขาไท่ผิง สำนักฝูจี และยังมีเงินฝนธัญพืชที่สำนักฝูจีชดใช้มาให้อีกกองใหญ่

เผยเฉียนเป็นคนที่ไม่มีความอดทนมาตั้งแต่เกิด เพียงแต่ว่ามีเฉินผิงอันอยู่ข้างกาย บวกกับที่ได้ฝึกคัดอักษรมาเป็นเวลานาน จึงมีความอดทนเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย นางจึงจ้องมองความเคลื่อนไหวบนผิวน้ำอย่างสงบ ใจนึกอยากจะให้นาทีถัดมามีปลาดำตัวใหญ่หนักร้อยกว่าจินมากินเบ็ด นางจะกระชากมันขึ้นฝั่งเสียเลย

เฉินผิงอันกำลังใคร่ครวญกระบวนท่าที่สี่ในตำราหมัดเขย่าขุนเขาที่ถูกตั้งชื่อว่าท่าฟ้าดิน เป็นท่าหมัดที่ใช้คำเอ่ยอ้างอย่างใหญ่โต นอกจากจะอธิบายวิธีโคจรลมปราณแท้จริงอย่างละเอียดแล้ว ยังมีท่าหมัดที่ผนวกรวมทั้งการเคลื่อนไหวและหยุดนิ่ง ท่าทางออกจะประหลาดไปนิด มีอยู่สามขอบเขตคือเรียกร้องให้คนรุ่นหลังที่ศึกษาหมัดเขย่าขุนเขายืนกลับหัวฝึกหมัด โดยแบ่งออกเป็นใช้ฝ่ามือ ใช้หมัดและใช้นิ้วข้างหนึ่งค้ำยันพื้น จากนั้นก็ ‘ออกเดิน’

เกี่ยวกับท่าหมัดนี้ ในตำรากล่าวด้วยถ้อยคำอันฮึกเหิมว่า ชายชาตรีสามารถค้ำฟ้ายันดิน ผู้ที่ฝึกวิชาหมัดของข้าต้องสั่งสอนให้ฟ้าดินพลิกกลับตามหมัดของข้า

มิน่าเล่าหลังจากผู้เฒ่าเปลือยเท้าอ่านตำราหมัดเขย่าขุนเขาแล้วถึงได้บอกว่าตำราลับวิชาหมัดที่ธรรมดาสามัญนี้ นอกจากจะพูดจาใหญ่โต โอ้อวดอย่างโอหังแล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย

เฉินผิงอันตบพื้นเบาๆ หนึ่งที เรือนกายพลิกกลับอย่างพลิ้วไหว ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งค้ำยันบนพื้นไม้ไผ่ที่ถักทอเป็นแพ

เผยเฉียนหันหน้ามามอง พอเห็นภาพนี้ก็นึกอยากจะหัวเราะ

เรียนหนังสือรู้มารยาท เรียนวรยุทธ์เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง

นี่ก็คือความตั้งใจเดิมที่เฉินผิงอันมีต่อเผยเฉียน

ในสถานการณ์ทั่วไป นี่ก็เหมือนการใช้สองขาเดินไปบนเส้นทาง หากทุกด้านสมดุลก็ไม่มีปัญหา แต่ประเด็นสำคัญคือพรสวรรค์ในการฝึกวรยุทธ์ของเผยเฉียนสูงเกินไป โชคชะตาฝ่ายบู๊สูงเกินไป สักวันหนึ่งขอแค่นางรู้สึกว่าหลักการเหตุผลในตำราเป็นเพียงแค่งานเหนื่อยยากที่ไว้ใช้รับมือกับเฉินผิงอันเท่านั้น หากวันหนึ่งนางรู้สึกว่าการพูดคุยกับคนอื่นด้วยเหตุผลเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและน่าเบื่อเกินไป นางก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีวิชาหมัด ตรงเอวมีเตาเจี้ยนชั่ว (กระบี่และดาบสลับกัน) ไม่ว่าเรื่องใดก็เป็นไปตามใจปรารถนา ไม่ต้องรักษากฎ ไม่รู้จักคำว่าสำรวมตน ก่อนหน้านี้เพื่อให้บนโลกมีปีศาจใหญ่โอสถทองที่ช่วยเหลือผู้อื่นเพิ่มขึ้นมาอีกตน จ่ายเงินร้อนน้อยไปห้าสิบเหรียญเฉินผิงอันก็ยังไม่ขมวดคิ้ว ถ้าเช่นนั้นในอนาคตการที่เขาจะสร้างผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเก้าหรืออาจถึงขั้นขอบเขตสิบที่สนแค่จุดยืนและผลประโยชน์ของตัวเอง อย่าได้คิดจะมาพูดเรื่องถูกผิดกับข้า ก็อย่าว่าแต่เงินร้อนน้อยห้าสิบเหรียญเลย ต่อให้เป็นเงินฝนธัญพืชห้าสิบห้าร้อยเหรียญก็ไม่ช่วยอะไร

เฉินผิงอันยืนอยู่ในท่ากลับหัว หลับตาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง คิดไปคิดมา แต่ก็ยังหาคำตอบที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายไม่ได้

หรือว่าเพียงแค่เพราะคำว่า ‘ถ้าหาก’ ในอนาคตนั้น จะต้องสะบั้นเส้นทางวิถีวรยุทธ์ของเผยเฉียนในเวลานี้จริงๆ?

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในหุบเขา เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนอิสระที่มีเจตนาชั่วร้าย แต่กลับยังไม่ได้สร้างโศกนาฎกรรมที่แท้จริง เฉินผิงอันบอกว่า ‘โชคดีที่ไม่ปรากฏผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ดังนั้นจึงสามารถพูดคุยกันด้วยเหตุผลได้’ ไม่อย่างนั้นเหตุใดเฉินผิงอันยังจะต้องใช้วิธีอ้อมไปอ้อมมาเช่นนั้น ก็แค่อาศัยความสามารถของใครของมันเข่นฆ่ากันก็พอ

หลังจากที่เฉินผิงอันเอ่ยคำว่า ‘ถามใจตัวเอง’ ในโรงเตี๊ยมริมชายแดน เมื่อผ่านศึกที่นครมังกรเฒ่า เข้าใจเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงของสำนักใบถงจากคำบอกเล่าของนักพรตหญิงหวงถิง เฉินผิงอันก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองอีกเล็กน้อย เพราะเฉินผิงอันรู้สึกว่าควรจะถอยก้าวเล็กๆ เนื่องจากสถานการณ์แตกต่างย่อมต้องปรับใช้วิธีที่เหมาะสม เนื่องจากแต่ละคนไม่เหมือนกันจึงย่อมมีความแตกต่าง ศึกษาทบทวนใน ‘ก้าวเล็กๆ’ นี้ให้มากขึ้น ใคร่ครวญให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นหากทุกคนบนโลกใช้คำว่า ‘ถามใจตัวเองไม่ละอาย’ มาเป็นข้ออ้างกับทุกเรื่อง ถูกและผิดย่อมยังปะปนกันอย่างยุ่งเหยิงอยู่เหมือนเดิม

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!