กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 384

ยามฟ้าสาง เฉินผิงอันเพิ่งจะฝึกท่าฟ้าดินเสร็จ เผยเฉียนที่ยังงัวเงียไม่หายก็มาเคาะประตูอยู่ข้างนอก จึงเดินไปเปิดประตู เฉินผิงอันเห็นเด็กหญิงผิวดำราวกับถ่านมีสีหน้าอ่อนเพลีย ดูท่าแล้วคำเตือนด้วยความหวังดีของชุยตงซานเมื่อคืนคงทำให้เผยเฉียนตกใจไม่น้อย เฉินผิงอันจึงบอกให้นางมานอนต่อในห้องของตัวเอง เผยเฉียนรู้สึกเหมือนได้รับอภัยโทษครั้งใหญ่ หัวถึงหมอนก็นอนหลับไปทันที เฉินผิงอันช่วยห่มผ้าให้เผยเฉียนแล้วก็มานั่งอยู่ข้างโต๊ะพลิกอ่านตำราหลอมโอสถที่เซียนดินลู่ยงแห่งตำหนักพยัคฆ์เขียวมอบให้ แม้ว่าจะอธิบายในเรื่องของการหลอมยา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นวิชาลับเฉพาะของผู้ฝึกตนก่อกำเนิด จึงได้รวบรวมประสบการณ์ที่อัศจรรย์บนมหามรรคาเอาไว้ด้วย ทุกครั้งที่เฉินผิงอันสงบใจศึกษาล้วนได้รับผลประโยชน์ คู่ควรกับสี่คำว่า ‘เปิดตำรามีประโยชน์’ อย่างแท้จริง

โรงเตี๊ยมแห่งนี้สร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย อาหารสองสามมื้อในหนึ่งวันต้องให้แขกที่เข้าพักออกจากโรงเตี๊ยมไปหากินกันเอาเอง นับตั้งแต่เถ้าแก่จนถึงลูกจ้างล้วนเจ้าอารมณ์กันทั้งสิ้น ตอนที่กลุ่มของเฉินผิงอันมาเข้าพักก็เห็นว่าคนของโรงเตี๊ยมกำลังด่าอยู่กับขบวนพ่อค้ากลุ่มหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างรังเกียจกัน แต่กลุ่มของเฉินผิงอันมีชุยตงซาน หลูป๋ายเซี่ยงและสุยโย่วเปียนสามคนช่วยสยบปัญหา ทางโรงเตี๊ยมที่รู้จักพลิกแพลงไปตามสถานการณ์จึงกระตือรือร้นกับพวกเขาค่อนข้างมาก เป็นฝ่ายแนะนำอาหารรสเลิศขึ้นชื่อของท้องถิ่นให้ด้วยตัวเอง

เฉินผิงอันพาเผยเฉียนที่นอนหลับจนเต็มอิ่มออกไปข้างนอกด้วยกัน กินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วก็ยังซื้อกลับมาอีกส่วนหนึ่ง เขาไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม นอกจากสั่งให้เผยเฉียนเอาของกินไปมอบให้พวกชุยตงซานแล้ว ยังสั่งให้นางบอกพวกเขาว่าต้องการให้พวกเขาอยู่ในอำเภอแห่งนี้สองวัน ส่วนตัวเขาจะออกไปเดินเที่ยวข้างนอกเพียงลำพัง เผยเฉียนย่อมยินดีที่จะได้หยุดพักเท้าสองวัน ในเมื่อไม่ต้องรีบเร่งเดินทางก็หมายความว่าไม่ต้องฝึกเดินนิ่งหกก้าวที่น่าเบื่อหน่าย ยอดเยี่ยมยิ่งนัก

ตอนที่เฉินผิงอันเดินเตร็ดเตร่อยู่ในอำเภอ ชุยตงซานและคนทั้งสี่ในภาพวาดต่างก็รับเอาอาหารเช้าที่เผยเฉียนนำกลับมาไปกิน ชุยตงซานทำสีหน้าซาบซึ้งใจ บอกว่าอาจารย์กำลังช่วยตรวจสอบช่องโหว่เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดตกบกพร่องของศิษย์ ทำไปด้วยใจล้วนๆ อาจารย์ที่คิดเพื่อลูกศิษย์เช่นนี้จะไปหาจากที่ไหนได้อีก เผยเฉียนไม่กล้าเถียง ได้แต่นินทาอยู่ในใจว่าตรวจสอบช่องโหว่เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดตกบกพร่องอะไรกัน เห็นๆ กันอยู่ว่าไม่วางใจในการจัดการเรื่องราวของเจ้า

กินอาหารเช้าแล้ว ชุยตงซานก็อารมณ์ดีอย่างมาก เขาหันมายิ้มพูดกับเผยเฉียนว่า “เล่นหมากห้าเม็ดเรียงเป็นไข่มุกเป็นหรือไม่? พวกเรามาวางเดิมพันกันเล็กๆ แพ้ชนะหนึ่งตาก็ได้เหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญ เป็นอย่างไร?”

เผยเฉียนเคยเล่นหมากห้าเม็ดเรียงเป็นไข่มุกมาก่อน นี่คือการละเล่นเล็กๆ ที่หลูป๋ายเซี่ยงสอนนาง กฎนั้นง่ายมาก เผยเฉียนมักจะลากเว่ยเซี่ยนมายืมกระดานหมากของหลูป๋ายเซี่ยงแล้วเข่นฆ่ากันอยู่บนกระดานจนมืดฟ้ามัวดิน คนทั้งสองตอบโต้กันไปมา เมื่อเทียบกับความเงียบสงบน่าเบื่อระหว่างที่หลูป๋ายเซี่ยงประลองฝีมือกับสุยโย่วเปียนแล้ว เผยเฉียนกับเว่ยเซี่ยนจะเล่นกันอย่างครึกครื้นสนุกสนาน เวลาวางเม็ดหมากเสียงดังลั่นโป๊ะป๊ะ พลังอำนาจเปี่ยมล้นจนกระดานหมากเกือบจะทะลุเป็นรู ทำเอาหลูป๋ายเซี่ยงที่มองดูอยู่เสียใจภายหลังอย่างถึงที่สุด

เวลาประลองกับเว่ยเซี่ยนที่ฝีมือการเล่นหมากล้อมห่วยแตก เผยเฉียนจะชนะมากกว่าแพ้ หากได้เปรียบเมื่อไหร่ก็จะชอบคะนองหลงลืมตน แต่หากเสียเปรียบก็จะล้มกระดาน โชคดีที่เว่ยเซี่ยนไม่ค่อยถือสากับผลแพ้ชนะและสภาพบนกระดานหมากเท่าไหร่นัก

คราวนี้ได้ยินชุยตงซานบอกว่าจะเดิมพัน เผยเฉียนก็ส่ายหน้าอย่างแรง นางไม่ได้โง่สักหน่อย ต่อให้ชุยตงซานจะบอกว่าต้องการเรียนวิธีเล่นหมากล้อมจากหลูป๋ายเซี่ยง แต่หมากห้าเม็ดเรียงเป็นไข่มุกที่เป็นดั่งประตูข้างบานเล็กไม่มีธรณีประตูให้พูดถึงนี้ เผยเฉียนกลับไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะเงินเดิมพันมาได้ ถึงอย่างไรคนโง่ที่เป็นดั่งตอไม้อย่างเหล่าเว่ย บนโลกนี้ก็มีน้อย

ชุยตงซานหัวเราะเฮอๆ “พวกเราสองคนเล่นหมากล้อมกัน เจ้าและข้าสองคนคือลูกศิษย์ของอาจารย์ แน่นอนว่าจะทำลายความสามัคคีไม่ได้ ใครแพ้คนนั้นได้เงินไป!”

เผยเฉียนดวงตาเป็นประกาย แพ้หนึ่งกระดานยังได้เงินหนึ่งอีแปะ ใต้หล้ามีเรื่องดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?

ดังนั้นหลูป๋ายเซี่ยงจึงเอาอุปกรณ์ในการเล่นหมากล้อมทั้งหมดมาที่ห้องเผยเฉียน จากนั้นชุยตงซานกับเผยเฉียนลูกศิษย์ร่วมสำนักที่ยังไม่แบ่งแยกลำดับศักดิ์คู่นี้จึงเริ่มเล่นหมากห้าเม็ดเรียงเป็นไข่มุกที่ย่ำยีกระดานหมากมากที่สุด

สี่คนในภาพวาดมายืนชมอยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกที่เฉียบไว

เผยเฉียนวางเม็ดหมากมั่วๆ ระหว่างหมากสองเม็ดที่วางไล่หลังกันอยู่ห่างกันไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้ ชุยตงซานเองก็วางเม็ดหมากอย่างไร้ระเบียบเช่นกัน บางครั้งยังตามติดอยู่หลังก้นเม็ดหมากของเผยเฉียน บางครั้งก็วางในมุมตะวันออก ใต้ตะวันตก และเหนือมุมละเม็ด ซึ่งเป็นรูปแบบของการเล่นหมากล้อมในระดับเริ่มต้นอย่างตื้นเขิน มองดูเหมือนว่าเผยเฉียนน่าจะแพ้มากกว่า เพียงแต่ว่าเมื่อพื้นที่บนกระดานหมากแคบลงเรื่อยๆ เผยเฉียนทั้งค้นพบด้วยความเสียดายและตกตะลึงว่า หมากห้าเม็ดเรียงเป็นไข่มุกที่ยิ่งเล่นยิ่งง่ายนี้ รอจนกระดานหมากเต็มไปด้วยเม็ดหมากสีขาวดำสลับกันดุจเขี้ยวสุนัขแล้ว เผยเฉียนกลับเป็นฝ่ายชนะ ไม่ว่านางจะวางเม็ดหมากอย่างไรก็ล้วนเป็นภาพหมากห้าเม็ดเรียงเป็นเส้นไข่มุกที่ยิ่งใหญ่ตระการตา

แล้วก็ต้องเสียเงินหนึ่งอีแปะไปอย่างน่าน้อยใจและไม่เอาไหนเช่นนี้ เผยเฉียนเสียใจจนไส้เขียว แทบอยากจะกินกระดานหมากเข้าไปในท้อง ล้มกระดานมันเสียเลย เพียงแต่พอชำเลืองตามองชุยตงซานที่นั่งไขว่ห้างแทะเมล็ดแตงอยู่ฝั่งตรงข้าม นางกลับไม่กล้าเล่นแง่

ชุยตงซานเหล่ตามองกระดานหมากตรงหน้า กล่าวอย่างเสียดายว่า “แพ้หนึ่งตา แพ้หนึ่งตา ดูท่าโชคในการเสี่ยงดวงของข้าจะดีกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นพวกเรามาเล่นกันอีกสักตาดีไหม? หากรังเกียจที่กระดานหมากอันเดียวไม่สามารถแสดงฝีมือในการเล่นหมากล้อมของเจ้าเผยเฉียนออกมาได้อย่างหมดสิ้น พวกเราสามารถเพิ่มกระดานหมากให้เป็นหนึ่งสองสามอัน แต่ทุกกระดานที่เพิ่มขึ้นมา เดิมพันก็จะต้องเพิ่มเป็นเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญด้วย ส่วนข้า ขอแค่เอาชนะได้ก็จะรีบควักถุงเงินคืนเงินให้เจ้าทันที เจ้าเผยเฉียนสามารถเพิ่มกระดานหมากได้ตามใจชอบ จนกว่าจะแพ้แล้วได้เงินไป แบบนี้ถือว่าพอจะยุติธรรมอยู่บ้างกระมัง?”

เผยเฉียนกล่าวอย่างลังเล “แต่บนโต๊ะวางกระดานหมากสองอันไม่ได้นี่นา”

ชุยตงซานชี้ไปบนพื้น “พวกเราเล่นบนพื้น จะกลัวอะไร กระดานหมากมีมากมาย จะเล่นยาวไปจนถึงระเบียงนอกห้องเลยก็ยังได้ ถูกไหม? ถึงอย่างไรยิ่งกระดานหมากมากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งได้เงินมากเท่านั้น ข้ารู้ว่าเจ้าความจำดี ของข้าก็พอถูไถ พวกเราให้หลูป๋ายเซี่ยงหรือไม่ก็สุยโย่วเปียนไปยืมถ่านไม้สองก้อนมาจากโรงเตี๊ยม ถึงเวลานั้นข้าจะใช้ถ่านวาดเป็นกระดานหมากล้อม พวกเราก็ไม่ต้องใช้เม็ดหมากแล้ว หากใครจำผิดก็ถือว่าแพ้”

เผยเฉียนหันหน้าไปมองเหล่าเว่ย เว่ยเซี่ยนคงจะรู้สึกว่าวิธีการเล่นที่หวังให้ตัวเองแพ้เช่นนี้เหมือนคนน้ำเข้าสมองเกินไปจึงเดินจากไปทันที จูเหลี่ยนก็ยิ่งกลอกตามองบนเดินออกไปนอกห้อง

กลับเป็นอดีตยอดฝีมือในการเล่นหมากล้อมระดับแคว้นของพื้นที่มงคลดอกบัวที่ยังอยู่ต่อ แล้วหลูป๋ายเซี่ยงก็ไปยืมถ่านไม้กลับมาจริงๆ สุยโย่วเปียนยืนสีหน้าเฉยเมยอยู่ด้านข้าง ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็อยู่ต่อในห้องอย่างคนมีความอดทนอยู่แล้ว จึงคอยดูหนึ่งคนโตหนึ่งเด็กที่มีอาจารย์คนเดียวกันนั่งเล่นเหลวไหลกันอยู่บนพื้น

เฉินผิงอันและสี่คนในภาพวาดต่างก็รู้มานานแล้วว่าความทรงจำของเผยเฉียนนั้นดีเยี่ยมจนเรียกได้ว่าโดดเด่น พรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่กำเนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเฉินผิงอันหรือหลูป๋ายเซี่ยงที่ฝีมือการเล่นหมากล้อมยอดเยี่ยม ทบทวนกระดานหมากแต่ละครั้งที่เล่นจนเกิดความเคยชินก็ยังละอายใจที่สู้ไม่ได้

หลังจากใช้กระดานหมากสองกระดานจนหมด เผยเฉียนและชุยตงซานนอกจากจะแข่งกันเรื่องความน่าไม่อายแล้ว ยังแข่งกันเรื่องความทรงจำด้วย

บนพื้นวาดกระดานหมากอีกสองกระดานด้วยถ่านไม้แล้ว หากเผยเฉียนไม่เพิ่มอีกกระดานก็ยังจะชนะอยู่ดี ดังนั้นจึงจำต้องบอกให้ชุยตงซานวาดเพิ่มไปอีกกระดาน

หลูป๋ายเซี่ยงเดินออกมานอกห้องเงียบๆ สุยโย่วเปียนเดินตามติดมาด้านหลัง

กลางระเบียง สุยโย่วเปียนเอ่ยถาม “มองความตื้นลึกหนาบางออกหรือไม่?”

หลูป๋ายเซี่ยงส่ายหน้า “หมากห้าเม็ดเรียงเป็นไข่มุกง่ายเกินไป ต่อให้วาดอีกสิบกระดาน เผยเฉียนก็ยังคงไม่สามารถหยั่งเชิงจนรู้ว่าคนผู้นี้มีฝีมือการเล่นหมากล้อมแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยได้อยู่ดี”

สุยโย่วเปียนถาม “หากเจ้าไม่เก็บงำอำพราง แต่เลือกจะแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ พวกเราห่างชั้นกันมากแค่ไหน?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!