กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 385

หลูป๋ายเซี่ยงลุกขึ้นยืน ยิ้มมองเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่หว่างคิ้วมีปานแดงหนึ่งเม็ดแล้วผายมือเชื้อเชิญให้ชุยตงซานนั่งหน้ากระดานหมากล้อม “ใครเรียนรู้จากใคร อันที่จริงไม่สำคัญเลย”

หนึ่งในผู้ที่มีฝีมือการเล่นหมากล้อมยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของพื้นที่มงคลดอกบัวท่านนี้มีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งว่า วันนี้ตนอาจจะได้ผลงานที่ดีเลิศที่สุดในชีวิตการเล่นหมากล้อม

ชุยตงซานนั่งลง เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนม้านั่ง ค้อมตัวลง เอาคางวางบนเข่า เมื่อเทียบกับท่านั่งตัวตรงอย่างสำรวมของหลูป๋ายเซี่ยงแล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

ชุยตงซานยื่นมือมา เอานิ้วปาดผ่านขอบโถใส่เม็ดหมากล้อมเบาๆ กล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เจ้ายังไม่ได้ถูกจัดลำดับสินะ?”

หลูป๋ายเซี่ยงหลุดหัวเราะพรืด คิดไม่ถึงว่าในวงการหมากล้อมจะมีวันที่ตนถูกคนดูแคลนเช่นนี้ เพียงแต่หลูป๋ายเซี่ยงยังไม่ถึงขั้นวุ่นวายใจเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี้ เขาจึงพยักหน้ายิ้มรับ “เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน ยังไม่ได้ถูกจัดลำดับจริงๆ นั่นแหละ”

ชุยตงซานผงกศีรษะ “เรื่องของการจัดลำดับ หากอิงตามกฎของโลก สามารถเล่นกับฉีไต้จ้าวลำดับเก้าท่านหนึ่งได้สามตา สามสองหนึ่ง ฉีไต้จ้าวจะยอมให้คนเล่นใหม่สามเม็ด สองเม็ดและหนึ่งเม็ด แน่นอนว่าแพ้ชนะจะไม่ส่งผลต่อการจัดลำดับในท้ายที่สุด แต่จะถือเป็นการสนับสนุน เป็นการสร้างเกียรติให้มากกว่า โชคของเจ้าหลูป๋ายเซี่ยงแข็งแกร่งกว่าฝีมือในการเล่นหมากล้อมของเจ้ามากนัก”

ผู้ที่ตัดสินอันดับของผู้เล่นใหม่อย่างแท้จริง แน่นอนว่าต้องเป็นพวกคนที่เล่นได้เสมอกับนักเล่นหมากล้อมลำดับสี่ลำดับห้า

ชุยตงซานพลันเงยหน้าขึ้น “เจ้าอาจจะรู้สึกว่าการประลองระหว่างเจ้ากับข้าหลังจากนี้ ทำให้เจ้ามีโอกาสได้เล่นกระดานที่สุดยอดที่สุดในชีวิต ไม่สู้ข้าบอกเจ้าก่อนดีกว่าว่า นี่เป็นความรู้สึกที่เจ้าคิดไปเอง แต่เจ้าต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเรียงลำดับกลับหลัง จะยอมให้เจ้าหนึ่งเม็ดก่อน ให้เจ้าได้รู้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง เป็นอย่างไร? ส่วนจะใช้ระบบจั้วจื่อ (ระบบที่ก่อนเริ่มเล่นให้วางหมากสี่เม็ดลงบนมุมสี่ตำแหน่ง ซึ่งหมากแต่ละสีจะตรงกันในแนวทแยง และในกฎกติกาของหมากล้อมในสมัยโบราณนี้จะกำหนดให้หมากขาวเดินก่อน) หรือเปิดกระดานด้วยการไม่วางเม็ดหมากลงไปก่อนก็ตามแต่เจ้าจะเลือก”

หลูป๋ายเซี่ยงส่ายหน้า “ไม่ต้องยอมต่อให้ ต่อให้ข้าแพ้ก็ยังรู้ระยะห่างระหว่างเจ้าและข้าได้อยู่ดี”

ชุยตงซานยื่นนิ้วชี้หน้าหลูป๋ายเซี่ยง “ข้าชอบความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างหน้ามืดตามัวไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินของพวกเจ้าแบบนี้นี่แหละ เอาล่ะ ข้าเดาว่าหากบอกว่าจะยอมต่อเม็ดหมากให้ เจ้าก็คงไม่ตอบรับ ถ้าอย่างนั้นก็มาเปิดกระดานด้วยการไม่วางเม็ดหมากแล้วกัน แต่ว่าไม่ต้องเสี่ยงทายหมากแล้ว ให้เจ้าหลูป๋ายเซี่ยงที่ถือหมากดำเดินก่อนแล้วกัน”

หลูป๋ายเซี่ยงยิ้มถาม “ถ้าอย่างนั้นจะได้แต้มต่อเท่าไหร่?” (ภาษาญี่ปุ่นคือ komi หรือแต้มต่อ คือคะแนนที่ฝ่ายขาวจะได้เพื่อชดเชยความเสียเปรียบที่ฝ่ายดำได้เดินก่อน)

ชุยตงซานหุบยิ้ม เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว “เดินก่อนค่อยว่ากัน”

หลูป๋ายเซี่ยงประหนึ่งแขกที่ตามใจเจ้าบ้าน โถเก็บเม็ดหมากที่อยู่ข้างฝ่ามือเป็นโถเก็บเม็ดหมากสีดำพอดี จึงหยิบขึ้นมาแล้ววางหมากลงก่อน

ชุยตงซานปล่อยให้หลูป๋ายเซี่ยงวางหมากตามรูปแบบปลายแหลมเล็กหนึ่งในใต้หล้าของ ‘ตำราเมฆหลากสี’ หมากดำหนึ่งสามห้ายึดมุม หมากดำเจ็ดพิทักษ์มุม หมากดำเก้าปลายแหลมเล็ก ทั้งแข็งแกร่งมิอาจทำลาย ทั้งแฝงไว้ด้วยปราณสังหารประหนึ่งลมฟ้าลมฝนกำลังจะมาเยือน

ชุยตงซานไม่เห็นเป็นสำคัญ เขาวางหมากตามกฎตามเกณฑ์ ถึงขั้นไม่ได้ใช้วิธีรับมือที่ ‘ไม่เสียเปรียบ’ ใดๆ ของคนรุ่นหลัง

หลูป๋ายเซี่ยงเหมือนภิกษุเฒ่าเข้าฌาน จมจ่อมอยู่กับสถานการณ์บนกระดานหมากจนเรียกได้ว่าลืมตนไปอย่างสิ้นเชิง

ทว่าชุยตงซานกลับเป็นพวกช่างจ้อ ไม่เพียงแต่วางหมากอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ยังเริ่มยกเรื่องโน้นเรื่องนี้มาพูด ราวกับกำลังสอนหลูป๋ายเซี่ยงว่าควรจะเล่นหมากล้อมอย่างไรจริงๆ “อันที่จริงระบบจั้วจื่อสนุกกว่า แน่นอนว่าวิธีเปิดกระดานด้วยการไม่วางเม็ดหมากที่นิยมในทุกวันนี้ก็ต้องมีข้อดีของตัวเอง เพราะจะทำให้กระดานหมากเปลี่ยนมาเป็น ‘ใหญ่ยิ่งกว่าเดิม’ แต่หากฝีมือการเล่นหมากล้อมไม่ดีพอ ช่วงเปิดฉากก็ใช้รูปแบบอันมหัศจรรย์ที่ปรัชญาเมธีผู้ล่วงลับสร้างไว้จนหมดสิ้น มองดูเหมือนกลุ่มบุปผาเป็นพุ่มเป็นช่อ แต่พอมาถึงช่วงกลางกระดานกลับกลายเป็นว่าเข้าผิดออกผิดจนแทบทนมองไม่ได้ ชาวนาขุดหลุมขี้ หมาบ้ากัดคนไม่เลือกหน้า จับปลาหนีชิวในน้ำคลำ น่าเบื่ออย่างยิ่ง ทำให้ผู้ชมที่ดูอยู่ด้านข้างหลับได้เลย”

“คนยุคปัจจุบันวิจารณ์ระบบจั้วจื่อของคนโบราณว่าชอบลดค่าของการเล่นโหมโรง ยอมรับแค่ความตระการตาของการไล่ตามกวางในทุ่งกว้างช่วงกลางกระดาน อันที่จริงพูดแบบนี้ก็ไม่ค่อยถูกนัก”

“หลูป๋ายเซี่ยง ลางสังหรณ์ที่เจ้ามีต่อสถานการณ์ของหมากถือว่าไม่เลว แต่ก็แค่ไม่เลวเท่านั้น ส่วนสัจธรรมแห่งหมาก กลับเหมือน…เอี๊ยมตัวในของสุยโย่วเปียน อย่าว่าแต่เจ้าจะลูบคลำเลย แม้แต่เห็นคงก็ไม่เคยเห็นมาก่อนกระมัง”

สถานการณ์บนกระดานเพิ่งเข้าสู่ช่วงกลางกระดาน ชุยตงซานที่พูดพร่ำไม่หยุดก็ใช้ฝ่ามือปิดโถใส่เม็ดหมากแล้ว

หลูป๋ายเซี่ยงเงยหน้าขึ้น “ท่านชุยทำแบบนี้เพื่ออะไร?”

ชุยตงซานอึ้งตะลึง “เจ้ามองไม่ออกหรือว่าเจ้าแพ้แล้ว? อย่างมากสุดก็แค่เดินอีกสามสิบครั้งเท่านั้น”

ชุยตงซานยกมือขึ้น “งั้นก็เล่นต่อเถอะ”

หลูป๋ายเซี่ยงขมวดคิ้ว วางเม็ดหมากต่อ

จำต้องยอมรับว่าเวลาที่หลูป๋ายเซี่ยงวางเม็ดหมากเปี่ยมไปด้วยบุคลิกอันเลิศล้ำ ไม่ว่าจะเป็นตอนยื่นมือมาคีบเม็ดหมากหรือตอนที่โน้มตัวลงมาวางเม็ดหมาก หรือแม้แต่ตอนที่ไล่สายตาตรวจสอบสถานการณ์บนกระดานก็ล้วนพลิ้วไหวสง่างาม

น่าเสียดายก็แต่ชุยตงซานไม่คิดจะมองเรื่องพวกนี้ หรือแม้แต่หมากบนกระดาน ชุยตงซานก็ยังไม่ค่อยใส่ใจนัก เขาวางเม็ดหมากรวดเร็วราวกับบิน หลังจากที่หมากสีขาวแต่ละเม็ดวางลงบนกระดานหมากอย่างเป็นรากเป็นฐานแล้วก็รอคอยหลูป๋ายเซี่ยงอย่างเบื่อหน่าย และนี่น่าจะเป็นสาเหตุที่เขาบ่นอยู่ตลอดเวลา เพราะรู้สึกว่าการรอคอยน่าเบื่อเกินไป

ชุยตงซานพูดชวนคุย “กระดานแบบวางหมากไว้ก่อนกับกระดานแบบว่างเปล่า อันที่จริงก็ไม่ถือว่ามีข้อดีหรือข้อเสียอะไร ตอนนี้นักเล่นหมากล้อมเถียงกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ จะว่าไปแล้วก็เพียงแค่เพราะมุมมองที่มีต่อสถานการณ์หมากบนกระดานไม่ลึกซึ้งมากพอ ไม่กว้างขวางมากพอ โดยเฉพาะนอกเหนือจากสิบตาของการแข่งเมฆหลากสี เดิมทีควรยังต้องมีตาที่สิบเอ็ด ส่วนกระดานมากก็คงไม่ได้มีแค่ตั้งนอนสิบเก้าช่องเท่านั้น เล็กเกินไป”

หลูป๋ายเซี่ยงหัวใจหดรัดตัว หยุดนิ่งไปนาน จับจ้องมองหมากบนกระดานที่สถานการณ์ไม่ซับซ้อนเงียบๆ

ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีกระบวนท่าพิฆาตที่พลังสังหารไร้เทียมทานมากนัก ไม่มีการสลับสับเปลี่ยนที่อัศจรรย์ ไม่มีมีดปีศาจเอียงทแยงอะไร

ราวกับว่าแค่เล่นอีกครึ่งกระดานที่เหลือเป็นเพื่อนหลูป๋ายเซี่ยงอย่างสบายๆ แค่อดใจรอให้เขายอมแพ้เท่านั้น

อารมณ์ของหลูป๋ายเซี่ยงหนักอึ้ง วางหมากสองเม็ดไว้ที่มุมขวาล่างของกระดาน

โยนเม็ดหมากยอมแพ้

ชุยตงซานหาวหวอด “ใช่ไหม ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องคิดเรื่องแต้มต่อไม่แต้มต่ออะไรนั่น จากนี้จะยอมให้เจ้าหนึ่งเม็ดดีไหม?”

หลูป๋ายเซี่ยงพูดเสียงหนัก “ท่านชุยยอมให้ข้าสองเม็ด ตกลงไหม?”

ชุยตงซานหัวเราะฮ่าๆ “ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ไม่เลวๆ ไม่เสียแรงที่ข้าสอนหมากเจ้าหนึ่งตา”

หลูป๋ายเซี่ยงยิ้มขื่นอย่างอับจนคำพูด หลังจากปรับจิตใจให้มั่นคงก็เริ่มเก็บกระดานหมาก สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง เริ่มตาที่สอง

ชุยตงซานยังคงไม่มีท่าทีว่าจะทุ่มสุดกำลังที่มี เพียงแค่เอ่ยคำทำนายทายทักไว้แต่เนิ่นๆ ว่า “ข้าไม่ผิดพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ย่อมต้องชนะอย่างสมบูรณ์แบบ”

พอหมากเดินไปถึงกลางกระดาน หลูป๋ายเซี่ยงมักจะต้องใช้เวลาครุ่นคิดค่อนข้างนาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!