กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 386

สุยโย่วเปียนไม่ได้เปิดประตูให้ชุยตงซาน แม้ชุยตงซานจะบอกกับนางว่าตนสามารถช่วยทำให้เวทกระบี่ ปณิธานกระบี่ หรือแม้แต่วิถีกระบี่ของนางสูงขึ้นจากเดิมได้ถึงสามฉื่อ เท่ากับว่าสุยโย่วเปียนจะได้ตัวอ่อนกระบี่ตระกูลเซียนมาเพิ่มอีกเล่มหนึ่งอย่างเปล่าๆ แต่สุยโย่วเปียนก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจ

ชุยตงซานยืนลูบปลายคางอยู่นอกประตู ลองเปลี่ยนวิธีใหม่โดยการถามสุยโย่วเปียนว่า อยากรู้หรือไม่ว่าเซียนกระบี่ที่แท้จริงของใต้หล้าไพศาลมีท่วงท่าองอาจสง่างามถึงเพียงไหน

สุยโย่วเปียนยังคงไม่สะทกสะท้าน ใช้แท่นสังการมังกรก้อนหนึ่งขัดกลึงกระบี่ชือซิน แท่นสังหารมังกรก้อนนี้นางซื้อต่อมาจากเฉินผิงอัน ตอนที่มาอยู่ในมือนางเหลือขนาดหนาเท่าแค่ฝ่ามือ ถือว่าเป็นของที่กระบี่บินชูอีสืออู่ ‘กิน’ เหลือ

แม้ว่าเดิมทีชือซินก็เป็นสมบัติอาคมตระกูลเซียนที่นักพรตคนหนึ่งสร้างขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะเลื่อนระดับขั้นให้สูงขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่ถูกฟูมฟักมาจากร่างของผู้ฝึกกระบี่ จึงยังถือว่ายังอยู่ในขอบเขตของวัตถุไร้ชีวิต ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับกระบี่บินสองเล่มนั้นของเฉินผิงอันที่แค่วางแท่นสังหารมังกรไว้ให้ก็ไม่ต้องสนใจอีก สุยโย่วเปียนที่ต้องการหล่อหลอมชือซินจึงจำเป็นต้องเผาผลาญพลังใจในการจับตามองดูมัน

ตอนที่กระบี่ถูกขัดกลึง ลูกไฟสาดกระเซ็นไปทั่วจนเกิดเป็นสะเก็ดแสงห้าสีที่ลี้ลับเกินจะหยั่ง สุยโย่วเปียนรู้แค่ว่าแท่นสังหารมังกรถูกขนานนามให้เป็นหินลับกระบี่ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก ส่วนต้นสายปลายเหตุนั้น นางยังไม่รู้ แต่ระหว่างที่ใช้แท่นสังหารมังกรลับกระบี่ก็ทำให้สุยโย่วเปียนได้ผลประโยชน์มหาศาลเช่นกัน ปราณกระบี่ที่เล็กละเอียดไหลเวียนวนดุจก้อนเมฆที่มารวมตัว ก่อนจะแยกออกจากกัน ล่องลอยไปตามเส้นทางปราณวิญญาณบางอย่างที่ไม่หยุดนิ่ง ประกายแสงพุ่งวาบผ่านไปบนคมกระบี่ เกิดเป็นแสงวาววับคมกริบ

ราวกับว่าวัตถุที่ถูกลับ นอกจากกระบี่อาคมชือซินแล้ว ยังมีจิตแห่งกระบี่ของนางที่เดิมทีก็ใสกระจ่างอยู่แล้วด้วย

ชุยตงซานแปลกใจยิ่งนัก บุคคลที่ลุ่มหลงในกระบี่อย่างถึงที่สุดเฉกเช่นสุยโย่วเปียน เขาอาจเคยเจอมาไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ก็ต้องมีหลายสิบคนแล้ว อันที่จริงจิตใจของพวกเขานั้นเรียบง่ายที่สุด พูดให้น่าฟังก็เรียกว่าจิตใจมั่นคงยึดมั่น แต่พูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อยก็เรียกว่าหัวแข็งดึงดัน ไม่รู้จักเดินอ้อม สร้างถ้อยคำที่น่าฟังให้แก่ตัวเองว่าวิถีแห่งกระบี่ต้องเดินด้วยตัวเอง อีกทั้งดูจากการที่นางหล่อเลี้ยงปราณกระบี่ด้วยความอบอุ่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สิ่งที่นางต้องการอย่างแท้จริงกลับเป็นจิตแห่งกระบี่ ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกอาจารย์กระบี่แสวงหา เห็นได้ชัดว่าสุยโย่วเปียนตั้งใจจะเปลี่ยนจากผู้ฝึกยุทธ์มาเป็นผู้ฝึกลมปราณ มีปณิธานว่าจะได้เป็นหนึ่งในเซียนกระบี่อันดับต้นๆ ของใต้หล้าไพศาล อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงโง่เง่าที่คิดว่าโลกหมุนวนรอบตัวเอง ตามหลักแล้วนางก็ไม่ควรกระบิดกระบวนขนาดนี้ถึงจะถูก

ชุยตงซานที่กินน้ำแกงประตูปิดจนปัญญากับนาง หากเป็นเซี่ยเซี่ย ป่านนี้เขาคงถีบประตูบุกเข้าไปตบนางให้คว่ำแล้ว ทว่าสุยโย่วเปียนมีเฉินผิงอันเป็นยันต์คุ้มกันกาย ชุยตงซานจึงอดรู้สึกเหมือนถูกมัดมือมัดเท้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อไม่อาจร่ายใช้วิธีการอันอัศจรรย์ที่สั่งสอนและปรับเปลี่ยนใจคนได้ ก็ได้แต่จากไป

อันที่จริงเขายังมีอีกเรื่องหนึ่ง ขอแค่พูดออกไป ไม่มีทางที่สุยโย่วเปียนจะไม่หวั่นไหว เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากแบไต๋ของตัวเองเท่านั้น

กลับไปที่ห้องของตัวเอง พอปิดประตูลง ชุยตงซานก็กระทืบเท้าหนักๆ หนึ่งที เรียกเทพแห่งผืนดินของที่แห่งนี้ออกมารับคำสั่ง คือสตรีแต่งงานแล้วรูปร่างอวบอิ่มที่แต่งตัวได้งดงามฉูดฉาด นับว่าค่อนข้างหาได้ยาก ชุยตงซานยืนอยู่ริมเตียง ทิ้งตัวนอนหงายไปด้านหลัง สลัดรองเท้าหุ้มแข้งออก บอกให้เจ้าแม่เทพแห่งผืนดินที่ระดับขั้นต่ำที่สุดช่วยทุบขาให้เขา สตรีแต่งงานแล้วหลุบตาต่ำนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเท้าของเซียนซือท่านนี้ ลงมือนวดด้วยท่วงท่านุ่มนวล ว่าง่ายอย่างถึงที่สุด

อากาศหนาวเย็น สี่ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน เกิดแก่เจ็บตาย ลมปราณทำให้เป็นเช่นนี้

ผู้ที่กินลมปราณอายุขัยยืนยาว นี่ก็คือหนึ่งในที่มาของผู้ฝึกลมปราณ เกี่ยวพันไปถึงรากฐานมหามรรคาที่แท้จริง

อริยะเคยกล่าวไว้ว่า คนกินเนื้อกล้าหาญแกร่งกร้าว คนกินธัญพืชทั้งห้าเฉลียวฉลาดมีปฏิภาณ คนกินลมปราณอายุขัยยืนยาว คนที่ไม่กินอะไรเลยคือเทพเซียนที่ไม่ตาย

สามอย่างแรกค่อนข้างจะเข้าใจได้ง่าย แต่ประโยคสุดท้ายกลับพูดอย่างคลุมเครือไม่ครบถ้วนกระบวนความ มีทั้งความนัยที่ว่า ‘มรรคามิอาจกล่าว’ เพราะในเรื่องนี้มีข้อห้ามที่ใหญ่มากเกินไป มีทั้งความนัยถึงทางสายขาดของผู้ฝึกยุทธ์ และมีทั้งความนัยที่ว่าอริยะของฝ่ายต่างๆ ล้วนไม่คาดหวังให้คนรุ่นหลังสืบเสาะตามหาต้นกำเนิดควันธูปของเทพเซียน

แต่ชุยตงซานกลับรู้ถึงสามชั้นของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบ ปราณโชติช่วง คืนความจริง เทพมาเยือน ตอนนี้ซ่งจ่างจิ้งอ๋องผู้ครองเมืองน่าจะอยู่แค่ช่วงปราณโชติช่วง กลับเป็นหลี่เอ้อร์ที่มีขอบเขตปลายทางของวิถีวรยุทธ์เสียอีกที่เลื่อนสู่คืนความจริงแล้ว ครั้งแรกที่ชุยตงซานได้ข่าวนี้ เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เป็นเหตุให้วิ่งไปสั่งสอนอวี๋ลู่ที่วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นส่งเดชเป็นเพื่อนเกาเซวียนองค์ชายต้าสุยมาคำรบหนึ่ง อวี๋ลู่ที่หน้าบวมจมูกเขียวก็ไม่กล้าเอาคืน คาดว่าจนถึงตอนนี้ก็คงยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดอยู่ดีๆ ถึงได้โดนซ้อม และอวี๋ลู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจประโยคว่า ‘ระวังว่าวันหน้าในมือจะมีกระดาษชำระ แต่กลับไม่มีห้องส้วมให้เจ้าเข้าไปขี้’ ของชุยตงซาน

ชุยตงซานร้อนใจแทนลูกสมุนจริงๆ ขนาดหนึ่งแคว้นยังมีการแบ่งชะตาบู๊ว่าหนาบางหรือตื้นลึก หนึ่งทวีปจะไม่มีได้อย่างไร? เดิมทีแจกันสมบัติทวีปก็เป็นทวีปที่เล็กที่สุดในใต้หล้าไพศาลอยู่แล้ว ผลกลับกลายเป็นว่าซ่งจ่างจิ้งที่อายุยังน้อยก็ได้เลื่อนขั้นสู่ขอบเขตปลายทาง ตามมาติดๆ ด้วยหลี่เอ้อร์ที่พอเดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีป เพียงไม่นานก็แซงหน้าอีกฝ่ายไป ตอนนี้จึงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบขั้นคืนความจริงแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังมีตาแก่ผู้นั้นอยู่อีกคน ว่ากันว่าตอนนี้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปมาก เก็บตัวเงียบเป็นฤษีอยู่ในเรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่วใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีไปแล้ว

ดังนั้นหากไม่เป็นเพราะเจิ้งต้าเฟิงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเก้าล้มหัวทิ่มอยู่ในนครมังกรเฒ่า เปลี่ยนจากคนที่มีหวังว่าจะเลื่อนสู่ขอบเขตปลายทางมาเป็นคนไร้ค่า คาดว่าร้อยปีในอนาคต เส้นทางสายขาดใต้ฝ่าเท้าของผู้ฝึกยุทธ์แจกันสมบัติทวีปก็คงไม่ใช่ขอบเขตสิบอะไรอีกแล้ว แต่ถดถอยลงไปที่ขอบเขตเก้าโดยตรง บวกกับเฉินผิงอัน รวมไปถึงผู้ติดตามสี่คนที่จู่ๆ ก็โผล่มาในแจกันสมบัติทวีป เจ้าอวี๋ลู่และเซี่ยเซี่ย ในฐานะคู่บ่าวใต้การปกครองของข้าชุยตงซานกลับไม่ใช้สมอง ไม่รีบไปนั่งยองตำแหน่งห้องส้วมของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสิบซะ ไม่อย่างนั้นวันหน้าคิดจะขี้ก็ไม่มีที่ให้ขี้แล้ว

อวี๋ลู่-อวี๋หลู เศษเดนสกุลหลูที่เหลืออยู่ ในฐานะรัชทายาทของราชวงศ์สกุลหลูที่แคว้นล่มสลาย หากไม่ใช่เศษเดนสกุลหลูยังจะเป็นอะไรได้อีก

ขอบเขตวิถีวรยุทธ์ของอวี๋ลู่ไต่ทะยานไปตลอดทาง ประเด็นสำคัญคือทุกก้าวที่เดินขึ้นบันไดไปยังนับได้ว่ามั่นคง นอกจากพรสวรรค์ในการเรียนวรยุทธ์ของตัวเขาเองที่ดีเยี่ยมที่สุดแล้ว ที่มากกว่านั้นยังเป็นเพราะฮ่องเต้สกุลหลูสติวิปลาส ถ่ายโอนโชคชะตาบู๊ครึ่งหนึ่งของแคว้นมาไว้บนร่างของรัชทายาทอวี๋ลู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!