เจ้าแม่เทพแห่งผืนดินหวนกลับไปยังใต้ดินด้วยความปิติยินดีอย่างยิ่งยวด
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแคว้นไฉ่อีครั้งนั้น เดิมทีก็เป็นหนึ่งในหมากจำนวนมากมายที่เขา หรือควรจะพูดว่า ‘พวกเขา’ วางไว้ในปีนั้นอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าปีนั้นชุยตงซานไม่ได้ทุ่มเทความคิดจิตใจกับนักพรตเฒ่าบ้ากามที่ชอบสะสมผีเร่ร่อนสาวงามผู้นั้นนัก ไม่ถือว่าเป็นหมากสำคัญอะไร แต่เมื่อได้อ่านจดหมายลับจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกสายลับเมืองหลวงต้าหลีส่งมาดั่งเกล็ดหิมะปลิวปราย ชุยตงซานเคยให้ความสนใจบันทึกฉบับหนึ่ง ตัวอักษรในบันทึกมีไม่มาก แค่ยี่สิบกว่าตัวอักษรเท่านั้น ถือเป็นเนื้อหาที่เขียนลวกๆ อย่างขอไปที คาดว่าแม้แต่ตัวของสายลับต้าหลีที่รายงานเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่
หากเป็นในอดีต เรื่องน่าสนใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกราชครูต้าหลีมองเป็นการฆ่าเวลาอันยาวนานที่น่าเบื่อนี้ก็คงไม่ต่างจากจดหมายลับในคลังของต้าหลีที่กองทับถมกันเป็นภูเขาซึ่งต้องถูกปิดผนึกทิ้งไว้ปีแล้วปีเล่า
เมื่อลองสืบสาวเบาะแสในขณะที่ว่างงานไม่มีอะไรทำ เนื่องจากชุยฉานเป็นคนจัดการเรื่องลับวงในจำนวนนับไม่ถ้วนของแจกันสมบัติทวีป ดังนั้นเขาจึงกล้าพูดว่าตัวเองรู้ประวัติความเป็นมาของผีสาวตนนั้นดียิ่งกว่าอดีตเจ้านายของนางซะอีก
ค้นหาถ้อยคำจากในตำรา นำบทความมาแต่งกวี ฝึกปรือทักษะอันน้อยนิด และสืบสาวราวเรื่องจนไปเจอสำนักหยินหยาง
ราชครูชุยฉานล้วนถนัดทั้งสองอย่าง
ชุยตงซานลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากห้อง ไปเคาะประตูห้องของเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันเปิดประตูออกแล้วถามว่า “มีธุระหรือ?”
ชุยตงซานพยักหน้ารับแรงๆ “ศิษย์มีเรื่องใหญ่จะพูดกับอาจารย์!”
เฉินผิงอันชำเลืองตามองเขา ชุยตงซานยิ้มบางๆ กล่าวว่า “มีแค่สำเร็จกับไม่สำเร็จเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์โชคดีหรือไม่ดี”
เฉินผิงอันจึงปิดประตูลง เพียงแต่ว่าชุยตงซานตาไวรีบยื่นสองมือมายันประตูไม้สองบานเอาไว้แน่น พูดอ้อนวอนอย่างอยากลำบาก “อาจารย์ให้ข้าค่อยๆ เล่าให้ท่านฟังเถอะ หากเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ แต่อาจารย์กลับไม่ยินดีฟัง ถ้าอย่างนั้นก็จะต้องสิ้นเปลืองสมบัติสวรรค์แล้ว อีกทั้งยังถือว่าเป็นการย่ำยีของดีถึงสองชิ้น และยังพลาดวาสนาใหญ่ที่ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นในชีวิตไป ศิษย์ไม่โกหกท่านแม้แต่คำเดียว!”
เดิมทีชุยตงซานคิดว่าคงต้องหาโอกาสครั้งหน้า คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะยอมให้เขาเข้าไปในห้อง
ชุยตงซานปิดประตู ยิ้มตาหยีแล้วนั่งลงไป รินน้ำชาให้เฉินผิงอันและตัวเองคนละหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ร่ายตราผนึก ปล่อยกระบี่บินที่ได้มาจากการเดิมพันหมากล้อมกับผู้ฝึกกระบี่แผ่นดินกลางคนหนึ่งออกมา แสงสีทองว่องไวราวสายฟ้าพุ่งหมุนวนเป็นวงกลมแนบติดพื้นดิน แล้วบินพรวดกลับมาที่หว่างคิ้วของชุยตงซาน ทว่าแสงสีทองที่หยุดลอยนิ่งอยู่บนพื้นกลับไม่สลายหายไปไหน ราวกับว่าใช้ผงสีทองวาดปากบ่อน้ำสีทองวงหนึ่งไว้บนพื้นอย่างไรอย่างนั้น
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “เจ้าแม่เทพผืนดินของที่แห่งนี้ใจกล้า ไม่รู้จักกลัวตาย บังอาจสะกดรอยตามอาจารย์ไปที่ศาลบู๊ และนางก็ได้เห็นเรื่องบางอย่างที่ไม่สมควรเห็น ที่น่าโมโหยิ่งกว่านั้นก็คือ นางถึงกับกล้าเอามาขอความดีความชอบจากศิษย์ นางไม่รู้จักห้าสิ่งที่มีความหมายและบุญคุณต่อมนุษย์ (ได้แก่ ฟ้า ดิน กษัตริย์ บุพการีและครูบาอาจารย์) บ้างเลยหรือ…”
เฉินผิงอันถามเข้าประเด็น “ดังนั้นเจ้าเลยฆ่าเจ้าแม่แห่งผืนดินไปแล้ว?”
ชุยตงซานหัวเราะร่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ศิษย์ก็แค่ใช้เหตุผลพูดจากับนางอย่างปรองดอง บอกนางว่าวันหน้าอย่าทำผิดแบบนี้อีก เจ้าแม่แห่งผืนดินผู้นี้รู้เหตุผลและมารยาทดี แค่มองก็รู้แล้วว่าฟังเข้าหู ดังนั้นข้าจึงมอบโชควาสนาครั้งหนึ่งให้กับนาง ถือว่าเป็นการผูกบุญสัมพันธ์เล็กๆ”
เฉินผิงอันพูดแทงใจดำชุยตงซานด้วยประโยคเดียว “หากไม่เป็นเพราะเจ้ายังต้องมาหาข้าครั้งนี้ ข้าเกรงว่าเจ้าแม่แห่งผืนดินที่ขอความดีความชอบไม่สำเร็จคงถูกตัดรายชื่อทิ้งจากทำเนียบวงศ์ตระกูลแห่งแม่น้ำภูเขาแคว้นชิงหลวนไปแล้วกระมัง”
ชุยตงซานยิ้มประจบ “อาจารย์เข้าใจข้าผิดไปไกลแล้ว เดี๋ยวนี้ศิษย์ทำดีกับคนอื่นทุกเรื่องทุกเวลาเชียวนะ”
เฉินผิงอันดื่มน้ำชาหนึ่งอึก “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาพูดเรื่องเป็นการเป็นงานกันเถอะ”
ชุยตงซานดื่มน้ำชาให้ลำคอชุ่มชื้น ตรึกตรองหาถ้อยคำที่เหมาะสมแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “เกี่ยวกับคราบร่างเซียนที่เป็นดั่งซี่โครงไก่นั้น หากอาจารย์โชคดี ไม่แน่ว่าอาจมีวิธีที่ทำให้ได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
เฉินผิงอันเบิกตากว้าง “ชุยตงซาน เจ้าไม่ได้เป็นบ้ากระมัง?! ผีสาวในแผ่นยันต์ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าในสายตาของสำนักหยินหยาง กระดูกของมันแข็งพอหรือไม่ ต่อให้เจ้าใช้วิธีชั่งน้ำหนักหน่วยจินให้เป็นตำลึง ยกโครงกระดูกแข็งๆ นั่นไม่ไหว แต่ไม่ว่าจะพูดอีกสักกี่พันกี่หมื่นอย่าง นางก็ยังเป็นผี! เป็นผี! คราบร่างเซียนเหรินนี้คือจิตหยางกายนอกกายของตู้เม่า!”
ชุยตงซานใช้นิ้วลูบไปบนถ้วยชาเบาๆ สีหน้าเฉยเมย จ้องตาเฉินผิงอันนิ่ง “จะมาสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไม? ต่อให้สนใจก็ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของผีสาวในแผ่นยันต์หรอกหรือ อาจารย์จะต้องเปลืองแรงกายแรงใจไปกับมันทำไม?”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึงไปก่อน แต่จากนั้นก็พยักหน้ารับ “มีเหตุผล”
ชุยตงซานหัวเราะฮ่าๆ “คงไม่มีคำว่า ‘แต่ว่า’ ตามมาหรอกกระมัง?”
เมื่อความคิดของเขาฉุกขึ้น แผ่นยันต์กระดาษสีเหลืองที่ทำมาจากวัสดุพิเศษแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ ล่องลอยส่ายไหวเบาๆ เฉินผิงอันใช้เวท ‘เปิดประตู’ ของพรรคมหายันต์ที่ไม่ถือว่าลึกล้ำเท่าใดนักปล่อยสือโหรวผีงามโครงกระดูกออกมาจากยันต์ที่เป็นทั้งบ้านและกรงขัง
สือโหรวลอยนิ่งอยู่เหนือโต๊ะ อาภรณ์สีสันสดใสลากระอยู่บนผิวโต๊ะ ชุยตงซานต้องเงยหน้ามองนาง
สือโหรวก้มหน้ามองไปเห็นเด็กหนุ่มหน้าตางดงามที่มีใฝแดงตรงหว่างคิ้ว แม้ฝ่ายหลังจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาของเขาบอกนางด้วยสี่คำอย่างชัดเจนว่า เจ้าอยากตายไหม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!