กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 388

สรุปบท บทที่ 388.2 อินทรีกระดาษโบยบิน ฝูงนกแตกฮือ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 388.2 อินทรีกระดาษโบยบิน ฝูงนกแตกฮือ จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 388.2 อินทรีกระดาษโบยบิน ฝูงนกแตกฮือ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ในห้องเงียบสงัด

ก่อนเฉินผิงอันจะเอ่ยถามว่า “ข้ายังต้องเตรียมตัวไว้อีกหรือไม่? หลังจากนี้จะเป็นจูเหลี่ยนหรือเว่ยเซี่ยน?”

ชุยตงซานชี้ไปที่ตัวเอง

เผยเฉียนทำหน้าตึง พยายามกลั้นหัวเราะอย่างยากลำบาก

ชุยตงซานคีบพุทราลูกหนึ่งขึ้นมา ดีดหนึ่งทีมันก็พุ่งมากระแทกหน้าผากเผยเฉียนอย่างแม่นยำ

เผยเฉียนก้มตัวลงเก็บลูกพุทรา คราวนี้นางไม่กล้ากิน ด้วยกลัวว่าชุยตงซานจะหาเรื่องน่ากลัวอะไรมาข่มขู่นางอีก ได้แต่เอามันไปวางไว้ในจานเล็กบนโต๊ะ แล้วนั่งลงข้างกายเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันถาม “ไม่รอชมงานโต้วาทีพุทธเต๋าของแคว้นชิงหลวนสักหน่อยหรือ?”

ชุยตงซานส่ายหน้า เปิดเผยความลับสวรรค์ว่า “คนทั่วไปเห็นแค่ว่าคนสองกลุ่มของสถานที่สำคัญอย่างเมืองหลวงทะเลาะกัน แค่พวกนักพรตจมูกโคหน้าเหม็นกับลาหัวโล้นที่ชี้หน้าด่ากันไปด่ากันมา ไม่มีความหมายมากนัก สิ่งที่พวกเขาสนใจอย่างแท้จริงอยู่ที่พุทธะที่กลับชาติมาจุติใหม่ท่านนั้นของวัดป๋ายสุ่ย กับเจ้าอารามป๋ายอวิ๋นของเมืองหลวงแคว้นชิงหลวนมากกว่า คนหนึ่งเคยเป็นภิกษุชั้นสูงที่มีคุณธรรมและชื่อเสียงสูงส่งมาอย่างยาวนาน และในชาติภพนี้ก็บรรลุพระธรรมชั้นสูงสุดเช่นกัน อีกคนหนึ่งคือนักพรตวัยกลางคนที่ไร้รากฐาน ดีแต่อ่านตำรา ไม่ว่าตำราอะไรก็ล้วนอ่านจนปรุโปร่งไปหมด เพียงแต่ว่าการสนทนาธรรมของสองคนนี้ย่อมมีคนให้ความสนใจไม่มาก ทว่าแต่ละคนล้วนเป็นตัวปัญหากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักศึกษากวานหู สกุลเจียงอวิ๋นหลิน ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีพวกว่างงานอีกหลายคนที่เยื้องกรายลงมาจากท้องฟ้า แล้วก็ยังมีพวกตะพาบเฒ่าที่คลานออกมาจากใต้น้ำเพื่อสูดอากาศบริสุทธ์ หนึ่งเพราะข้าเคยเห็นโลกที่กว้างใหญ่กว่านี้มาแล้ว แต่ก็ยังคงดูแคลนงานโต้วาทีครั้งนี้อยู่ดี อีกอย่างศัตรูคู่แค้นของข้ามีมากเกินไป ไม่เหมาะจะไปที่นั่น”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ระมัดระวังย่อมขับเรือได้นานหมื่นปี”

ชุยตงซานลุกขึ้นยืนกุมมือคารวะ “ศิษย์จากไปครั้งนี้จำเป็นต้องพาเว่ยเซี่ยนไปด้วย ขออาจารย์โปรดตอบตกลง”

เฉินผิงอันเคี้ยวพุทรา ยิ้มถามว่า “ข้าควรขอบคุณเจ้าไม่ใช่หรือ?”

ชุยตงซานไม่ได้ใส่ใจคำพูดที่ไม่ว่าใครก็ไม่คิดเป็นจริงเป็นจังเหล่านั้น เขาวางสองแขนไว้บนโต๊ะ สิบนิ้วประสานกัน พูดช้าๆ ว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของภาคกลางแจกันสมบัติทวีปค่อนข้างซับซ้อน บนภูเขาล่างภูเขาล้วนขมวดรวมกันยุ่งเหยิง ผู้ฝึกตนอิสระฉวยโอกาสปล้นสะดมตอนไฟไหม้ กระทำการใดๆ ก็ล้วนอำมหิตโหดเหี้ยม มีเซียนดินที่คิดจะจับปลาในน้ำขุ่นโผล่มามากมาย ในบรรดานั้นก็มีตระกูลเซียนที่มีชาติกำเนิดถูกต้องอีกไม่น้อยที่ทำอะไรไม่พิถีพิถัน เดิมทีทะเลสาบเจี่ยนหูแห่งนั้นก็เป็นอ่างน้ำเน่าที่มีทั้งปลาและมังกรปะปนกันอยู่แล้ว เป็นอ่างน้ำใบใหญ่ที่มีทั้งปลาและกุ้งเน่าเหม็น ดังนั้นข้าแนะนำอาจารย์ว่าเมื่อออกไปจากเมืองหลวงแคว้นชิงหลวนแล้ว อาจารย์ควรไปที่สำนักศึกษาซานหยาต้าสุย จะได้หลอมหัวใจบุ๋นสีทองอยู่ที่นั่นให้เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตชิ้นที่สองได้พอดี”

“ข้าจะส่งจดหมายไปหนึ่งฉบับ นอกจากต้าหลีจะสามารถส่งเงินเหรียญทองแดงแก่นทองส่วนที่เหลือไปยังสำนักศึกษาโดยตรงได้แล้ว เวลานั้นเหมาเสี่ยวตงจะช่วยอาจารย์ปกป้องค่ายกล สำหรับอาจารย์แล้วนี่คือการเพิ่มบุปผาลงบนผ้าแพร แต่สำหรับสกุลเกาต้าสุยแล้วกลับถือเป็นการส่งถ่านท่ามกลางหิมะอย่างที่มองไม่เห็น อาจารย์ไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบคนอื่น เดิมทีต้าสุยก็เป็นแคว้นที่มีวัฒนธรรมและประเพณีเจริญรุ่งเรืองอยู่แล้ว เหมาะให้หลอมหัวใจบุ๋นสีทองที่ระดับขั้นยอดเยี่ยมดวงนั้นมากที่สุด”

“หลังจากนั้นจะเดินทางย้อนกลับไปท่องเที่ยวแถบแคว้นไฉ่อีหรือแคว้นซูสุ่ย หรือว่าย้อนกลับเขตการปกครองหลงเฉวียนไปดูบ้านบรรพบุรุษก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว”

“และหลังจากนั้นไปอีก อาจารย์ค่อยไปเยือนทะเลสาบเจี่ยนหูถึงจะมั่นคงที่สุด เวลานั้นสถานการณ์วุ่นวายของภาคกลางแจกันสมบัติทวีปคงสงบลงแล้ว ไม่แน่ว่าป้ายสงบสุขปลอดภัยแผ่นนั้นที่ต้าหลีมอบให้อาจจะสามารถทำให้เซียนดินท่านหนึ่งก้มหัวให้ได้”

เฉินผิงอันใคร่ครวญอยู่นานมาก เขาปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ดื่มยาดองเหล้าคำเล็กหนึ่งคำ และในที่สุดก็พยักหน้าตอบรับ “ได้ หลังออกไปจากแคว้นชิงหลวนแล้ว ข้าจะเดินทางไปตามเส้นทางที่เจ้ากำหนดไว้”

ชุยตงซานทำท่าโล่งอกอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย “อาจารย์โปรดวางใจ ในนี้ไม่มีแผนการที่จะทำร้ายอาจารย์อย่างแน่นอน อีกอย่างตอนนี้ศิษย์อย่างข้ากับอาจารย์อย่างท่านก็เหมือนตั๊กแตนที่ถูกผูกไว้บนเชือกเส้นเดียวกัน เดินไปบนทางเส้นหนึ่ง ยิ่งอาจารย์ประสบความสำเร็จสูงเท่าไหร่ ข้าชุยตงซานที่ต่อให้วันๆ เกียจคร้านไม่ทำอะไรก็ยิ่งสามารถอาศัยใบบุญของอาจารย์นำพาให้เดินไปสูงขึ้นเท่านั้น”

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย “ตอนนี้เจ้ากับคนที่อยู่ในเมืองหลวงคบหากันอย่างไร?”

ชุยตงซานเอาศีรษะกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง ท่าทางห่อเหี่ยวอยากตาย หลังจากโขกหัวตัวเองเสียงดังโป้กๆๆ สามทีก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “พอพูดถึงเรื่องนี้ ศิษย์ก็เจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง จะไปโทษคนอื่นไม่ได้”

ชุยตงซานพูดน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ “แต่อาศัยอะไรตาแก่นั่นถึงได้เสวยสุข ได้เป็นราชครูต้าหลีผู้มากบารมีต่อไป แต่ศิษย์กลับไม่เหลือแม้แต่ฉายาซิ่วหู่ ทุกครั้งได้แต่วิ่งออกไปข้างนอก นอนกลางดินกินกลางทราย เก็บตัวหลบๆ ซ่อนๆ?”

เฉินผิงอันพูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “เจ้าก็รู้จักพอเสียเถอะ นอกจากสมบัติอาคมมากมายในวัตถุจื่อชื่อแล้ว ยังมีคราบร่างเซียนเหรินที่ดีกว่าจิตหยางกายนอกกายของตู้เม่าร่างนี้อีก”

ชุยตงซานถอนหายใจ เอามือเท้าคางข้างเดียว ทำท่าเงยหน้ามองท้องฟ้า “ก็จริงนะ ดีที่ข้าในเวลานี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องการรบราฆ่าฟันมากนัก ก็เด็กหนุ่มนี่นะ แค่ค่อนข้างจะเบื่อง่ายไปสักหน่อย พอได้ออกมาจากสำนักศึกษาต้าสุยก็ยังดี ได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับอาจารย์ข้าก็มีความสุขดี ตอนอยู่บนภูเขาตงซาน เป่าผิงน้อยไม่ใคร่จะสนใจข้า พวกอวี๋ลู่กับเซี่ยเซี่ย ข้าเห็นแล้วก็รำคาญใจ หลี่ไหวหลินโส่วอีก็ยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง อยู่คนเดียวช่างเงียบเหงาวังเวงยิ่งนัก”

เฉินผิงอันคร้านจะเอ่ยปลอบใจ แล้วนับประสาอะไรกับที่ซิ่วหู่แห่งต้าหลีผู้นี้ต้องการให้คนอื่นช่วยขจัดความขุ่นข้องหมองใจด้วยหรือ? นั่นมันเรื่องตลกที่ใหญ่เทียมฟ้าแล้ว

ชุยตงซานยืดเอวตั้งตรง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ คนสี่คนในม้วนภาพวาดของพื้นที่มงคลดอกบัว น่าจะถือว่าถึงเวลายุติบทบาทลงชั่วคราวแล้ว ศิษย์จะช่วยทบทวนกระดานเล็กๆ ให้อาจารย์ ถือซะว่าเป็นการสอนกระดานนอกกระดานให้อาจารย์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลากันก็แล้วกัน”

เฉินผิงอันขยับตัวนั่งตรงตามจิตใต้สำนึก ทุกครั้งที่เรียนหมากล้อมกับชุยตงซาน เขามักจริงจังเช่นนี้เสมอ “โปรดพูด”

ชุยตงซานรู้สึกตลกเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกเสียใจนิดๆ เพียงแต่ว่าอารมณ์เหล่านี้ถูกเขาเก็บไปอย่างว่องไว ไม่ได้เปิดเผยออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว

เขาใช้กระบี่วาดบ่อสายฟ้าก่อน

“สุยโย่วเปียนผู้นั้นคือผู้หญิงโง่ ดั่งเครื่องกระเบื้องในเตาเผามังกรที่งดงาม ทุ่มทีเดียวก็แตก แต่โง่ก็ส่วนโง่ นางคือตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิดที่แท้จริง ขอแค่สำนักกุยหยกยินดีอบรมปลูกฝัง ย่อมไปได้ไม่ต่ำกว่าเซียนกระบี่ก่อกำเนิดแน่นอน ส่วนข้อที่ว่าจะกลายไปเป็นเซียนกระบี่หญิงห้าขอบเขตบนได้หรือไม่นั้น กลับไม่ใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจคนเดียวได้ ต้องถามฟ้าดินแห่งนี้ก่อนว่าจะยอมตอบรับนางหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไร สุยโย่วเปียนก็ถือว่าเป็นคนที่โชคดีที่สุดในบรรดาคนทั้งสี่ในม้วนภาพวาด ตลอดทางมานี้อาจารย์ปกป้องนางได้ดีจริงๆ ตายไปสามครั้ง สภาพจิตใจของสุยโย่วเปียนไม่เพียงแต่ไม่แตกละเอียด กลับยิ่งสว่างจ้าแจ่มชัด”

สายตาของเฉินผิงอันฉายแววประหลาด

ชุยตงซานยื่นนิ้วออกมาประกบกัน พูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ขอสาบานต่อสวรรค์ คำพูดประโยคนี้ของศิษย์ไม่มีความนัย ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝงนอกเหนือจากนี้แน่นอน!”

เฉินผิงอันยื่นสาลี่สีขาวหิมะลูกหนึ่งให้เผยเฉียน เผยเฉียนใช้สองมือกุมสาลี่ไว้แล้วหมุนสองสามที ถือว่าเช็ดสะอาดแล้ว ถึงได้กัดมันเบาๆ

ชุยตงซานคลี่ยิ้ม “นักพรตเฒ่าจมูกวัวผู้นั้น ข้าต้องระวังอย่างถึงที่สุด บอกตามตรง ต่อให้เป็นช่วงที่ข้ามีขอบเขตสิบสองเซียนเหรินขั้นสูงสุดก็ยังไม่กล้าเป็นฝ่ายไปหาเรื่องเขาก่อน กลับเป็นซิ่วไฉเฒ่าที่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับเขา”

ชุยตงซานเงียบไปครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นยืน เดินวนกลับไปกลับมา สองฝ่ามือถูเข้าหากันคล้ายกำลังสอนเฉินผิงอัน ‘เล่นหมากล้อม’ แต่ก็คล้ายกำลังทบทวนกระดานหมากของสายบุ๋นในปีนั้นให้กับตัวเอง พูดเบาๆ ว่า “อาจารย์จำไว้ว่า ศิษย์ก็ดี ลูกศิษย์ในสำนักก็ช่าง ภูเขาลูกหนึ่งต้องซับซ้อน จะให้มีคนประเภทเดียวไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อาจให้ทุกคนเป็นเหมือนอาจารย์ทั้งหมด”

“ทุกคนไม่อาจดีต่อคนอื่น รักษาวิถีแห่งวิญญูชนอย่างเคร่งครัดได้เฉกเช่นอาจารย์ ทุกคนไม่อาจทำแต่บทความคุณธรรม สร้างความรู้ที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนไม่อาจใช้แต่กำลัง ไม่ใช้สมอง”

“จำเป็นต้องมีคนอย่างข้าที่ทำเรื่องซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของตัวเอง คนที่ศึกษาช่องโหว่ของกฎเกณฑ์ มองสถานการณ์ใหญ่อย่างชัดเจน เข้าใจการคล้อยไปตามสถานการณ์ เป็นคนชั่วร้ายที่ทำให้ผู้คนรังเกียจ ขับดุนความดีของอาจารย์ให้โดดเด่น ก็จะสามารถทำให้ภาพลักษณ์ของอาจารย์เป็นดั่งภูเขาสูงสายน้ำไหลยาว เป็นดั่งฟ้าใสหลังฝนตกได้ตลอดไป”

“จำเป็นต้องมีคนที่ยินดียอมรับอาจารย์แค่คนเดียว ความเป็นความตายของอาจารย์ก็คือความเป็นความตายของนาง ถึงขั้นที่ว่าฝ่ายแรกมีน้ำหนักมากยิ่งกว่าด้วยซ้ำ”

“มีคนที่สืบทอดความรู้ของอาจารย์ คือคนที่เดินบนมหามรรคาสายบุ๋น เดินบนเส้นทางเดียวกันอย่างแท้จริง ต้องมีต้นกล้าที่ดีที่สามารถประคับประคองสถานการณ์ อวดหน้าอวดตาได้”

“แล้วก็จำเป็นต้องมีคนที่สามารถกำราบพวกคนต่ำช้า พวกมารนอกรีต โดยเฉพาะคนบ้าคลั่ง วิญญูชนจอมปลอม ยกตัวอย่างเช่นจูเหลี่ยน”

“แล้วก็ต้องมีรากฐานของครอบครัว ยกตัวอย่างเช่นท่านผู้นั้นที่อยู่ในเรือนไม้ไผ่บนภูเขาลั่วพั่ว…เอาเถอะ อาจารย์น่าจะรู้แล้ว เขาก็คือท่านปู่ของข้า”

“มีสมบัติมีชีวิตที่สร้างความเพลิดเพลินใจ ไร้เดียงสามีชีวิตชีวา ไม่อย่างนั้นภูเขาลูกหนึ่งจะน่าเบื่อเกินไป ยกตัวอย่างเช่นงูเหลือมไฟและน้ำสองตัวที่ข้าช่วยกำราบมาจากแคว้นหวงถิงให้อาจารย์ในปีนั้น”

“สรุปก็คือเวลาใช้เหตุผลกับคนอื่น ต้องมีคนที่สามารถหยัดยืนขึ้นมาช่วยอาจารย์ใช้เหตุผลสยบผู้คน”

“เวลาที่ประมือประชันว่ามหามรรคาสูงหรือต่ำ ก็ต้องมีคนที่ออกหน้าช่วยอาจารย์ใช้คุณธรรมสยบผู้คน”

“หากเวลาที่พวกเราใช้เหตุผล แล้วมีคนชอบออกหมัดประลองตบะ พวกเราถูกบีบให้ต้องลงมือ เวลาที่เจอหมัดใหญ่กว่ากลับแสร้งทำเป็นน่าสงสาร ก็ต้องมีคนที่ช่วยอาจารย์อัดพวกเขาให้ยอมศิโรราบ ถึงท้ายที่สุดอาจารย์ก็ด่าแค่ไม่กี่คำ หรืออย่างมากที่สุดก็แค่ชดเชยให้กับคู่ต่อสู้ที่หน้าเขียวจมูกบวม ให้พวกเขากินพุทราสักลูก (มาจากสำนวนตบแล้วค่อยให้กินพุทราหวาน คล้ายสำนวนไทยตบหัวแล้วลูบหลัง) คนอื่นก็ไม่อาจตำหนิได้ว่าขนบธรรมเนียมประเพณีและกฎบ้านกฎสำนักของภูเขาพวกเรามีปัญหา”

ชุยตงซานลุกขึ้นยืน ยิ้มพูดว่า “แค่พูดให้ฟังเท่านั้น หากอาจารย์เต็มใจเลือกทำตามสักข้อสองข้อ ศิษย์ก็พึงพอใจแล้ว”

เฉินผิงอันที่นั่งตัวตรงอย่างสำรวมกล่าวว่า “รับคำชี้แนะแล้ว”

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!