อันดับแรกเทพเซียนผู้เฒ่าแห่งอารามเต๋าในเมืองหลวงที่สนิทสนมกับสกุลหลิ่วมาเยือนอย่างห้าวหาญ สามารถฝ่าค่ายกลบังตาเข้ามาในสวนสิงโตได้สำเร็จ คอยเฝ้าอยู่ด้านล่างหอซิ่วโหลวที่เด็กสาวผู้น่าสงสารอยู่อาศัย วาดยันต์ร่ายอาคมไปทั่วสี่ทิศ ผลกลับกลายเป็นว่าวันต่อมาคนของสวนสิงโตพบว่าเทพเซียนขอบเขตประตูมังกรที่มีชื่อเสียงว่าคุณธรรมสูงส่งผู้นี้ถูกมัดมือทั้งสองข้าง ร่างกายเปล่าเปลือยถูกแขวนไว้บนต้นไม้ใหญ่ พอถูกช่วยลงมาได้แล้ว เจ้าอารามผู้เฒ่าอับอายเกินกว่าจะสู้หน้าใครได้ พูดแค่ว่าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้มีตบะสูงเกินไป เขาไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่าย
หลังจากนั้นก็มีผู้ฝึกลมปราณอีกหลายกลุ่มที่ทยอยกันมาขับไล่ปีศาจจิ้งจอก มีทั้งจอมยุทธ์ที่เลื่อมใสในขนบธรรมเนียมประจำตระกูลของตระกูลหลิ่วมานาน แล้วก็มีทั้งคนที่เดินทางมาเพราะหวังอยากครอบครองสมบัติสืบทอดสามชิ้นของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่ว
ทุกคนล้วนถูกปีศาจจิ้งจอกตนนั้นปั่นหัวเล่นจนมีสภาพสะบักสะบอม
เป็นเหตุให้ปีศาจจิ้งจอกป่าวประกาศแก่รองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วอย่างโจ่งแจ้งว่า มันจะมาเยือนสวนสิงโตทุกๆ สิบวัน ‘ท่านพ่อตา’ อยากเชิญใครมาประลองเวทคาถากับลูกเขยอย่างมันก็ตามสบาย จะได้สอนให้สวนสิงโตรู้ถึงความร้ายกาจของมัน วันหน้าเมื่อกลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว หายนะในวันนี้ย่อมต้องกลายเป็นเรื่องเล่าอันงดงามในวันหน้าอย่างแน่นอน
เฉินผิงอันเพียงแค่รับฟังเงียบๆ
เด็กสาวอายุสิบสามสิบปีที่ปลายจมูกมีกระเล็กน้อยคนนั้นคือบุตรสาวของผู้ดูแลสวนสิงโต ตลอดทางที่เดินมาเด็กสาวไม่ได้เอ่ยคำใด ก่อนหน้านี้น่าจะแค่มาอยู่คุยเล่นเป็นเพื่อนบิดาที่ศาลาริมทางเท่านั้น
ก่อนจะเข้าไปในสวน เฉินผิงอันชำเลืองตามองยันต์ปราณหยางส่องไฟบนหน้าผากเผยเฉียนแวบหนึ่ง แล้วก็แอบใช้มือแตะลงไปบนยันต์เบาๆ ยันต์ที่มีสัมผัสเฉียบไวต่อปราณชั่วร้ายอย่างถึงที่สุดแผ่นนี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
เฉินผิงอันไม่มีความคิดจะปลดยันต์ลงมา อารมณ์ของเขาไม่นับว่าผ่อนคลายนัก ปีศาจจิ้งจอกที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าตนนี้ต้องมีเวทคาถาเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจเป็นปีศาจใหญ่จำพวกเซียนดินจริงๆ
ตอนนี้ในสวนสิงโตยังมีผู้ฝึกตนอีกสามกลุ่มที่รอคอยให้ปีศาจจิ้งจอกเผยตัวในอีกห้าวันให้หลัง
บวกกับเฉินผิงอันก็มีทั้งหมดสี่กลุ่ม
พวกเฉินผิงอันถูกผู้ดูแลผู้เฒ่าแซ่จ้าวพาไปยังที่พักซึ่งตั้งอยู่ในสี่มุมรอบหอเรือนของคุณหนูแห่งสวนสิงโต อันที่จริงปีศาจจิ้งจอกไปมาอย่างไร้ร่องรอย การจัดวางที่ตื้นเขินเช่นนี้ก็แค่ทำให้คนสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น
ระหว่างที่เดินทางไปยังที่พักก็ได้ชมทัศนียภาพอันสบายตาของสวนสิงโต หอเรือน หอเก๋ง ศาลารมย์ สะพาน ผนัง ต้นไม้ดอกไม้ กรอบป้ายกลอนคู่ ล้วนมอบความรู้สึกสบายและผ่อนคลายให้แก่ผู้คน
ตระกูลปัญญาชนผู้มีความรู้ หากทั้งร่ำรวยและทั้งสูงศักดิ์ เมื่อเดินเล่นอยู่ในสวนส่วนตัว ต่อให้ไม่พูดคุยสื่อสารกับใคร ไม่มีเสียงพิณ ภาพวาด ไม่ได้ร่ำสุราหรือดื่มชา แต่ก็ยังให้ความรู้สึกรื่นรมย์สบายใจแก่ผู้คนเช่นนี้เสมอ
ไม่มีแสงทองประกายหยกอร่ามเรืองรองตามจินตนาการของชาวบ้านร้านตลาด ยิ่งไม่มีหาบทองหรือม้านั่งเงินวางไว้ในบ้าน
คนเฝ้าประตูบ้านอัครเสนาบดีเท่ากับขุนนางขั้นเจ็ด หน้าเรือนของตระกูลไร้เสียงสุนัขเห่า
หากไม่พูดถึงอำนาจ พูดถึงแค่ธรรมเนียมที่สืบทอดกันในตระกูล ถึงอย่างไรพวกตระกูลเศรษฐีที่เจริญก้าวหน้าอย่างพรวดพราดก็เทียบกับตระกูลขุนนางชนชั้นสูงที่สืบทอดกันมาหลายรุ่นอย่างแท้จริงไม่ได้
เฉินผิงอันสี่คนพักอาศัยอยู่ในเรือนเล็กที่งามวิจิตรแห่งหนึ่ง อันที่จริงตำแหน่งที่ตั้งเลยสวนดอกไม้มา ห่างจากหอเรือนของคุณหนูผู้นั้นแค่ร้อยกว่าก้าว นี่ไม่สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมทั่วไป สถานที่บางแห่งของแจกันสมบัติทวีปที่เคารพนับถือหลักการบางอย่างโดยเฉพาะจะพิถีพิถันกับกฎที่ว่าสตรีไม่ออกจากประตูใหญ่ไม่ก้าวข้ามประตูรอง (เปรียบเปรยว่าสตรีจะไม่ออกจากบ้านง่ายๆ) เป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าตอนนี้เด็กสาวคนนั้นมีอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วซึ่งเป็นบิดาก็ไม่ใช่คนคร่ำครึ แน่นอนว่าไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
รองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วมีบุตรชายสามคนบุตรสาวสองคน บุตรสาวคนโตแต่งงานกับบุรุษมากความสามารถของชนชั้นสูงที่ฐานะเท่าเทียมกัน เมื่อเดือนหนึ่งได้กลับมาบ้านเดิมพร้อมกับสามี คิดไม่ถึงว่าจะกลับออกไปอีกไม่ได้ จึงรั้งอยู่ในสวนสิงโตตลอดเวลา บุตรชายคนอื่นๆ ก็มีสภาพที่อเนจอนาถเช่นเดียวกัน มีเพียงบุตรชายคนโตที่เนื่องจากเป็นขุนนางในอำเภอที่อยู่ใกล้กับศาลพ่อปู่ลำคลอง จึงไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้าน ถึงผ่านหายนะครั้งนี้ไปได้ หลังเกิดเรื่องรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วก็ส่งจดหมายไปให้ จดหมายหนึ่งฉบับในนั้นใช้ถ้อยคำที่รุนแรงมาก บอกว่าไม่อนุญาตให้บุตรชายคนโตกลับมาที่สวนสิงโต ห้ามละทิ้งงานส่วนรวมด้วยเรื่องส่วนตัวเด็ดขาด
บุตรชายคนรองของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วน่าสงสารที่สุด ออกจากบ้านไปครั้งเดียว ตอนกลับมาก็กลายเป็นคนพิการไปแล้ว
พูดถึงรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่ว อันที่จริงอายุของหลิ่วจิ้งถิงไม่ถือว่ามาก เพียงแต่ว่าเกิดมาเป็นเด็กอัจฉริยะ การสอบเคอจวี่เป็นไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค อายุสิบแปดก็ได้เป็นจ้วงหยวน ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้โดยไม่เปลืองแรง เป็นขุนนางมาสามสิบปี สิบสองปีในนั้นได้นั่งตำแหน่งรองเจ้ากรมพิธีการ ดังนั้นยังไม่ถึงอายุห้าสิบก็เกษียณตัวเองลาออกจากการเป็นขุนนาง คนทั้งราชสำนักต่างก็ชอบเรียกเขาด้วยความเคารพว่ารองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่ว
เฉินผิงอันเพิ่งจะวางสัมภาระลง รองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วก็มาเยือนถึงที่พักด้วยตัวเอง เขาคือผู้เฒ่าที่มีบุคลิกสุภาพสง่างามคนหนึ่ง ทั่วกายมีกลิ่นอายของปัญญาชนเข้มข้น แม้ว่าตระกูลจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่ แต่สีหน้าของหลิ่วจิ้งถิงก็ยังคงไว้ซึ่งความสุขุม เวลาที่พูดคุยกับเฉินผิงอันก็มีรอยยิ้มแต้มใบหน้าอยู่เป็นนิจ ไม่ใช่สีหน้าเบิกบานอย่างฝืนใจ เพียงแต่ว่าหว่างคิ้วของผู้เฒ่ามีความกังวลและความเหนื่อยล้าอย่างปิดไม่มิด เป็นเหตุให้เฉินผิงอันรู้สึกดีกับเขามากขึ้นที่เขามีทั้งความหนักแน่นสมกับเป็นผู้นำของตระกูล ขณะเดียวกันก็มีความจริงใจสมกับเป็นบิดาของผู้อื่น
ตอนที่มาส่งหลิ่วจิ้งถิงนอกประตูเรือน รองเจ้ากรมผู้เฒ่ายิ้มพูดกับเฉินผิงอันว่าสามารถไปเดินเล่นอยู่ในสวนสิงโตได้ตามใจต้องการ
กลับมาถึงเรือนพัก เผยเฉียนคัดตัวอักษรอยู่ในห้อง หน้าผากแปะแผ่นยันต์ ต่อให้นอนหลับก็ไม่มีทางปลดมันลง
สือโหรวรู้สึกจนใจเล็กน้อย เดิมทีเรือนแห่งนี้ก็ไม่ใหญ่ มีห้องพักแค่สำหรับสามคนเท่านั้น ผู้ดูแลของสวนสิงโตคิดว่าให้ข้ารับใช้วัยชราสองคนเบียดกันพักอยู่ในห้องเดียวกันก็ไม่ถือว่าเสียมารยาทในการรับรองแขก
ไหนเลยจะรู้ว่าด้านในร่าง ‘ตู้เม่า’ นี้จะมีผีสาวโครงกระดูกอาศัยอยู่ ทำให้สือโหรวต้องพักอยู่ในห้องเดียวกับตาเฒ่าบ้ากามจูเหลี่ยน สือโหรวยอมอยู่ในลานบ้านตั้งแต่ค่ำจรดเช้าเสียยังดีกว่า ถึงอย่างไรนางก็เป็นวัตถุหยิน จะนอนหรือไม่นอนก็ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อพลังต้นกำเนิดจิตวิญญาณของนาง
เพียงแต่เฉินผิงอันบอกว่าให้นางพักในห้องหลัก เขาจะนอนเบียดกับจูเหลี่ยนเอง
สือโหรวลังเลอยู่ชั่วขณะก็พยักหน้าตอบรับ เอ่ยขอบคุณหนึ่งคำ
จูเหลี่ยนทำหน้าเสียดาย ทำเอาสือโหรวที่ได้เห็นรู้สึกเหมือนมีคลื่นยักษ์ถาโถมในหัวใจ
จูเหลี่ยนหันหน้าไปมองนอกเรือน เฉินผิงอันผงกศีรษะให้เขา จูเหลี่ยนจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู ห่างไปไกลมีคนเดินมาหกคน น่าจะเป็นผู้ฝึกลมปราณสองกลุ่มที่มากำจัดปีศาจปราบมารในสวนสิงโต
ผู้ฝึกตนคู่หนึ่งที่เป็นสามีภรรยากัน บุรุษมองดูแล้วอายุค่อนข้างมาก น่าจะประมาณสี่สิบปี ส่วนสตรีดูอ่อนเยาว์กว่า ประมาณสามสิบปี น่าจะเป็นขอบเขตถ้ำสถิตทั้งคู่ บุรุษแบกกระบี่ยาวที่ฝักทำด้วยหนังปลาฉลาม นี่ก็คือวิธีการที่ผู้ฝึกตนใช้กันเป็นประจำ หากผู้ฝึกลมปราณสะพายกระบี่ออกเดินทางจะมีพลังสยบที่มองไม่เห็นชนิดหนึ่ง หากอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกกระบี่ขึ้นมาเล่า?
สตรีแต่งงานแล้วสวมชุดชาววัง รูปโฉมอยู่ในระดับปานกลาง เพียงแต่ว่าผิวพรรณขาวนวลดุจหิมะ จึงให้ความงดงามตามธรรมชาติแก่คนมอง
คนอีกสี่คนที่เหลือมีทั้งคนแก่และเด็ก ดูจากตำแหน่งการเดิน คนหนุ่มที่หล่อเหลาน่าจะเป็นหัวหน้า เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวคนหนึ่ง อีกสามคนที่เหลือจึงจะเป็นผู้ฝึกลมปราณที่แท้จริง ตรงไหล่ของผู้เฒ่าชุดดำมีจิ้งจอกขนสีแดงเพลิงตัวเล็กท่าทางเฉลียวฉลาดตัวหนึ่งนั่งอยู่ ส่วนบนแขนของเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็มีงูตัวยาวสีมรกตเหมือนใบไผ่ตัวหนึ่งรัดพันอยู่ ด้านหลังคนหนุ่มคือเด็กสาวหน้าตางดงาม ท่าทางคล้ายสาวใช้ประจำตัว
จูเหลี่ยนเดินนำพวกเขาเข้ามาในลานบ้าน ทุกคนทักทายปราศรัยกันด้วยภาษากลางของแจกันสมบัติทวีป
สามีภรรยาสองคนคือคนของแคว้นอวิ๋นเซียว มาจากสำนักแห่งหนึ่งบนภูเขา
ชายหนุ่มมีแซ่สองพยางค์ว่าตู๋กู มาจากราชวงศ์ใหญ่แห่งหนึ่งในภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป พวกเขาสี่คนแบ่งออกเป็นคู่นายบ่าวและคู่อาจารย์กับศิษย์ ทั้งสองฝ่ายเป็นสหายที่ถูกชะตากันซึ่งเพิ่งมารู้จักกันระหว่างเดินทาง เคยช่วยกันกำจัดปีศาจปราบมารที่ยึดครองภูเขาแถบหนึ่งแล้วสร้างความเดือดร้อนไปทั่วสี่ทิศ เนื่องจากมีการจัดงานโต้วาทีพุทธเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ทั้งสองฝ่ายจึงรวมกลุ่มเดินทางมาเยือนแคว้นชิงหลวนด้วยกัน
คุณชายหนุ่มผู้นั้นบอกว่ายังมีอีกคนหนึ่งพักอยู่ในมุมตะวันออกเฉียงเหนือเพียงลำพัง คือนักพรตหญิงวัยกลางคนที่พกมีดคนหนึ่ง พูดภาษากลางของแจกันสมบัติทวีปได้ไม่คล่องนัก นิสัยรักสันโดษไปสักนิด จึงไม่อาจชวนนางมาเยี่ยมเยียนคนบนเส้นทางเดียวกันได้
เฉินผิงอันเดินมาส่งแขกที่หน้าประตูเรือนอีกครั้ง
พอกลับเข้าไปในลานบ้านก็นึกถึงนักพรตหญิงพกมีดคนนั้นขึ้นมาจึงพึมพำว่า “คงไม่บังเอิญขนาดนั้นกระมัง”
จูเหลี่ยนถามอย่างใคร่รู้ “มีความเห็นอะไรงั้นหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ตอนที่ข้าไปเยือนภูเขาห้อยหัวซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของทักษินาตยทวีป เคยไปเยือนสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าเรือนซือเตา”
เต๋าเหล่าเอ้อร์มีนักพรตสายหนึ่งที่ใช้มีดอาคม ซึ่งจะถูกเรียกขานว่านักพรตเรือนซือเตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!