บนถนนทางหลวงมีรถม้าคันใหญ่ประดับประดาอย่างหรูหรา บ้างก็เป็นคนลักษณะประหลาดที่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีสันฉูดฉาด นอกจากเผยเฉียนที่ยังไม่ค่อยรู้ความซึ่งมองออกแค่ว่าคนเหล่านี้มีเงินแล้ว สายตาของพวกเฉินผิงอันสามคนมีแต่จะดียิ่งกว่าคนส่งธูปผู้นั้น ผู้ฝึกลมปราณที่เดินทางมาท่องเที่ยวในแคว้นชิงหลวนในเวลานี้ ยินดีเข้ามาเหยียบในน้ำขุ่นบ่อนี้มีอยู่มากมายจริงๆ
คิดว่าเผยเฉียนคงจะยังเสียดายเงินเกล็ดหิมะที่ใช้เชิญธูปและเขียนตัวอักษร จึงยังไม่คืนสติกลับมา ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง แน่นอนว่ายังน่าจะเป็นเพราะละอายใจที่ตัวเองเขียนตัวอักษรได้แย่ที่สุด
คราวนี้จูเหลี่ยนไม่ได้หาเรื่องแกล้งเผยเฉียน
ดังนั้นตลอดทางที่เดินทางกันมาจึงค่อนข้างจะเงียบสงบ นี่กลับทำให้สือโหรวรู้สึกไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่
จากเส้นทางเดิมที่วางแผนกันไว้ พวกเขาจะไม่เดินทางผ่านสวนสิงโตที่มีปีศาจจิ้งจอกก่อกวนแห่งนั้น ตอนที่อยู่ตรงทางแยกซึ่งสามารถผ่านไปยังสวนสิงโตได้ เฉินผิงอันเดินตรงดิ่งไปยังเมืองหลวงอย่างไม่มีความลังเลใดๆ นี่ทำให้สือโหรวเหมือนยกภูเขาออกจากอก หากไปเจอกับเจ้านายที่มีนิสัยเอาแต่ใจ ชอบทวงคืนความเป็นธรรมให้กับคนทั้งโลก นางคงร้องไห้ตายแน่
ในฐานะที่สวนสิงโตคือจวนที่พักอาศัยส่วนตัวของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่ว ที่นั่นคือสวนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในทิศตะวันตกเฉียงใต้ชานเมืองหลวง ตระกูลหลิ่วคือตระกูลผู้มีความรู้ที่เป็นขุนนางกันมาหลายรุ่นหลายสมัย สวนสิงโตถูกคนสกุลหลิ่วหลายรุ่นช่วยกันก่อสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หาใช่เพิ่งมาเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในรุ่นของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วรุ่นเดียวไม่ ดังนั้นหากกล่าวถึงคำว่าซื่อสัตย์และสุจริต จึงไม่อาจหาคำวิจารณ์ใดสำหรับสกุลหลิ่วได้เลย
เคยมีคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นตั้งใจไปรวบรวมบทความกวีนิพนธ์ที่คนแต่ละยุคสมัยบรรยายถึงทัศนียภาพของสวนสิงโตมาโดยเฉพาะ หลังจากนำมารวบรวมเป็นเล่มแล้วก็นำมาจัดพิมพ์อย่างงดงาม ว่ากันว่าร้านหนังสือแต่ละแห่งขายดิบขายดีไม่น้อย
เพียงแต่ว่าหลังจากพวกเขาเดินออกไปได้ประมาณยี่สิบกว่าลี้ คนส่งธูปของศาลพ่อปู่ลำคลองกลับตามมามอบของสองชิ้นให้ บอกว่าเป็นความต้องการของคนเฝ้าศาล หนึ่งคือกระบอกธูปที่ทำจากไม้ไผ่ซึ่งแกะสลักอย่างประณีตงดงาม ดูจากขนาดแล้ว ด้านในน่าจะบรรจุธูปน้ำเอาไว้ไม่น้อย อีกชิ้นหนึ่งก็คือหนังสือรวมผลงานของสวนสิงโตเล่มนั้น
เฉินผิงอันไม่ได้รับของตอบแทนจากศาลพ่อปู่ลำคลองทันที แต่ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งถูไปบนน้ำเต้าลี้ยงกระบี่ตรงเอว
ชายฉกรรจ์พูดอย่างตรงไปตรงมา สีหน้าจริงใจ “ข้ารู้ว่าทำเช่นนี้สร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น แต่บอกตามตรง หากสามารถเป็นไปได้ ข้าก็ยังหวังว่าคุณชายเฉินจะไปเยือนสวนสิงโตสักครั้ง หนึ่งเพราะปีศาจจิ้งจอกตนนั้นไม่ทำร้ายคน เทพเซียนแต่ละฝ่ายที่เดินทางไปปราบปีศาจที่นั่น ทุกคนล้วนไม่มีอันตรายถึงชีวิต อีกอย่างก็คือหากคุณชายเฉินไม่ยินดีจะลงมือ แต่ไปเที่ยวชมทัศนียภาพของสวนสิงโตก็ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน ถึงเวลานั้นก็ค่อยดูว่าท่านอยากจะลงมือหรือไม่”
จูเหลี่ยนแค่นเสียงหยันเย็นชา “ทำไม เจ้าคิดจะใช้คำว่าคุณธรรมมากดข่มนายน้อยของข้างั้นรึ?”
ชายฉกรรจ์ยิ้มเจื่อน “ข้าหรือจะกล้าได้คืบแล้วเอาศอก และยิ่งไม่ยินดีทำเช่นนี้ แต่เป็นเพราะได้พบกับคุณชายเฉินแล้วไพล่นึกไปถึงบัณฑิตแซ่หลิ่วคนนั้น ก็ให้รู้สึกว่าพวกท่านสองคนมีนิสัยคล้ายคลึงกัน ต่อให้เป็นคนแปลกหน้าที่ได้มาพบกันอย่างผิวเผินก็น่าจะพูดคุยกันถูกคอ ได้ยินว่าบุตรอนุภรรยาสกุลหลิ่วผู้นี้ เพื่อประโยคว่า ‘ที่ใดมีปีศาจและมารออกอาละวาด ย่อมต้องมีกระบี่ไม้ท้อของเทียนซือ’ ในตำราแล้ว ถึงขนาดออกเดินทางไกลไปตามหาเซียนซือของภูเขามังกรพยัคฆ์ที่ออกท่องเที่ยวหาประสบการณ์โดยเฉพาะ ผลกลับกลายเป็นว่าแค่ไปถึงแคว้นชิ่งซานก็เจอกับหายนะแล้ว ตอนที่กลับมากลายเป็นคนขาพิการ เส้นทางอนาคตที่ยิ่งใหญ่ยาวไกลจึงขาดสะบั้นลงตั้งแต่นั้น”
เฉินผิงอันพลันยื่นมือไปรับกระบอกธูปและตำรามาจากมือชายฉกรรจ์ พยักหน้ากล่าวว่า “ข้าบอกได้แค่ว่าจะลองไปดู แต่ไม่รับปากว่าจะต้องลงมือ”
ชายฉกรรจ์กุมหมัดคลี่ยิ้ม “เป็นแบบนี้ย่อมดีที่สุด!”
แล้วคนส่งธูปผู้นี้ก็ย้อนกลับไปยังศาลพ่อปู่ลำคลองอีกครั้ง ไม่ได้พูดว่าจะนำทางพาเฉินผิงอันไปเยือนสวนสิงโตอะไร
จูเหลี่ยนพูดเยาะหยัน “แค่คนทำการค้าที่ได้ผลประโยชน์เท่าหัวแมลงวันคนหนึ่ง ไม่รู้จักขยันหาเงินให้ดี เอาแต่แสร้งทำตัวมีน้ำใสใจจริงเลียนแบบพวกจอมยุทธ์ ไร้สาระจริงๆ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “น้ำใสใจจริงไม่แบ่งแยกว่าเป็นคนแบบใด”
สือโหรวสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ในใจกลับเคียดแค้นศาลพ่อปู่ลำคลองแห่งนั้นแทบตายอยู่แล้ว
คนทั้งกลุ่มจำเป็นต้องย้อนกลับไปทางเก่าเป็นระยะทางหนึ่งลี้กว่า จากนั้นก็เดินแยกออกจากทางหลวง ตรงไปยังสวนสิงโต
เผยเฉียนถามขึ้นเบาๆ “อาจารย์ พอไปถึงสวนสิงโตแห่งนั้น ข้าแปะยันต์บนหน้าผากได้ไหม?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ เอ่ยเตือนว่า “ได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่จำไว้ว่าต้องแปะยันต์ปราณหยางส่องไฟ อย่าแปะยันต์เจดีย์วิเศษสยบปีศาจ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าอาจารย์ไม่อยากลงมือก็ต้องลงมือแล้ว”
เผยเฉียนตอบรับเสียงดัง
เฉินผิงอันพลันถามขึ้นว่า “ในเมื่อกลัวขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ห้ามอาจารย์ไม่ให้ไปสวนสิงโตเสียเลยล่ะ?”
เผยเฉียนงันไป ก่อนจะยิ้มกว้างสดใส “เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่ควรสอดปาก”
เฉินผิงอันหัวเราะเสียงดัง ตบศีรษะเล็กๆ ของนางเบาๆ
จูเหลี่ยนจุ๊ปากพูด “จอมยุทธ์หญิงเผยใช้ได้เลยนี่นา ความสามารถในการประจบสอพลอไร้เทียมทานแล้วจริงๆ”
เผยเฉียนแค่นเสียงเย็น “ใกล้หมึกเปื้อนดำ ก็ไม่ใช่เพราะเรียนรู้มาจากเจ้าหรือไร อาจารย์ไม่เคยสอนข้าเรื่องพวกนี้!”
จูเหลี่ยนหัวเราะหึหึ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นสีครามที่เกิดจากต้นคราม แต่เข้มกว่าครามแล้ว”
เผยเฉียนกุมหมัดพูดยอกย้อนตอบกลับด้วยท่าทางเหมือนคนแก่ “มิกล้าๆ เทียบกับความสามารถในการประจบประแจงของผู้อาวุโสจูแล้ว ข้าผู้น้อยยังห่างชั้นไกลนัก”
จูเหลี่ยนกุมหมัดคารวะกลับคืน “ใช่เสียเมื่อไหร่ เด็กรุ่นหลังมักเก่งกาจกว่าคนรุ่นเก่า”
มีหนึ่งแก่หนึ่งเด็กคู่นี้ปะทะคารมโต้เถียงกันไปมา การเดินทางไปสวนสิงโตจึงผ่อนคลาย ไร้ทุกข์ไร้กังวล
ขยับเข้าใกล้สวนสิงโตที่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา หากไม่นับลำธารเส้นเล็กและถนนดินเหลืองแคบๆ เส้นนั้น อันที่จริงก็เรียกได้ว่ารอบด้านรายล้อมไปด้วยภูเขา
เฉินผิงอันพูดอย่างปลงอนิจจัง “หากรู้ตั้งแต่แรกก็น่าจะยืมป้ายสงบสุขปลอดภัยมาจากชุยตงซานสักแผ่น”
จูเหลี่ยนกล่าวอย่างสงสัย “ตอนนี้กองทัพม้าเหล็กต้าหลีไม่ใช่เพิ่งปักหลักอยู่ภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปหรอกหรือ? แถมยังมีสำนักศึกษากวานหูคอยคุมเชิงอยู่ จะเคลื่อนทัพลงใต้ได้อย่างราบรื่นหรือไม่ก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ ไม่อย่างนั้นสกุลซ่งต้าหลีก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงกับเรื่องที่นครมังกรเฒ่ามากถึงเพียงนั้น แถมยังต้องเชื้อเชิญตู้เม่ามาจากสำนักใบถง นี่เป็นการกระทำที่ผิดพลาดไม่ต่างจากชักศึกเข้าบ้าน ง่ายที่จะทำให้ผู้คนในแจกันสมบัติทวีปเกิดความแค้นร่วมกัน ในประวัติศาสตร์ของพื้นที่มงคลดอกบัว การที่กองกำลังซึ่งปกครองดินแดนของตัวเองเลือกตักตวงผลประโยชน์ตรงหน้า แล้วสุดท้ายสูญเสียรากฐานในการหยัดยืนของแคว้นไป มีมากมายจนนับไม่ถ้วน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!