มันเดินอาดๆ อ้อมผ่านโต๊ะที่วางของตกแต่งประณีตงดงามจนเต็มมานั่งบนเก้าอี้ แหงนเงยศีรษะไปด้านหลัง ขยับก้นไปมา แต่กลับไม่รู้สึกสบายตัวสักทีจึงเริ่มสบถด่าหยาบคาย มารดามันเถอะ พวกบัณฑิตนี่แม่งดีแต่กินอิ่มแล้วไม่ทำงานทำการอะไรจริงๆ ขนาดเก้าอี้ที่นั่งสบายสักตัวก็ยังไม่เต็มใจทำ จะต้องให้คนลำบากนั่งอกตั้งหลังตรงอยู่ได้
มันจ้องเป๋งไปยังเบื้องบน
ไพล่นึกไปถึงผู้อาวุโสใหญ่อีกคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง ผู้เฒ่าสกุลถังที่กุมอำนาจใหญ่ของแคว้นชิงหลวน
คนผู้นี้เกลียดขี้หน้าหลิ่วจิ้งถิงมานานมากแล้ว
นี่ช่างน่าแปลกนัก ขนาดมันที่เป็นคนนอกยังรู้ว่าหลิ่วจิ้งถิงเป็นขุนนางน้ำดีมากความสามารถ คือเสาคานสำคัญที่ค้ำยันราชสำนัก เจ้าเป็นอาแท้ๆ ของฮ่องเต้สกุลถังองค์ปัจจุบัน เหตุใดถึงมองหลิ่วจิ้งถิงเป็นดั่งศัตรูคู่อาฆาตเสียเล่า?
สองปีมานี้มีปัญญาชนและชนชั้นสูงมากน้อยเท่าไหร่ที่เดินทางลงใต้เพราะชื่นชมในชื่อเสียงอันดีงามของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่ว?
ต่อให้มันคิดจนหัวแตกก็ยังไม่เข้าใจ
นี่กลับทำให้มันไพล่นึกไปถึงเมื่อปลายปีที่มันไปนอนอยู่บนคานแอบฟังบทสนทนาในวงเหล้าระหว่างพ่อลูกสวนสิงโต
หลิ่วจิ้งถิงและบุตรชายของเขาสองคนดื่มเหล้าพูดคุยกัน เรื่องที่คุยก็หนีไม่พ้นความกังวลต่อบ้านเมืองความเป็นห่วงปวงประชาของหลิ่วจิ้งถิง ข่าวใหม่ล่าสุดที่บุตรชายคนโตได้ยินมา รวมไปถึงการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาสังคมในปัจจุบันของหลิ่วชิงซาน
พวกปัญญาชนและขุนนางบุ๋นที่เกลียดแค้นหลิ่วจิ้งถิงที่สุดนั้นน่าสนใจมาก ไม่ใช่พวกศัตรูในราชสำนักที่ความเห็นด้านการปกครองไม่ตรงกัน แต่กลับเป็นพวกบัณฑิตที่พยายามพึ่งพารองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วแต่ไม่ได้ผล ทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อประจบเอาใจแต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ จากนั้นก็เป็นคนกลุ่มหนึ่งที่โต้เถียงเอาชนะคะคานกับลูกศิษย์ของรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วอย่างไม่ยอมเลิกรา ถกเถียงกันในวงการวรรณกรรมจนหน้าดำหน้าแดง สุดท้ายด้วยความอับอายที่พานเป็นความโกรธจึงหันมาเคียดแค้นหลิ่วจิ้งถิงเข้ากระดูกดำตามไปด้วย
ขนาดหลิ่วจิ้งถิงเองยังรู้สึกประหลาดใจ อันที่จริงการปฏิบัติตัวที่เขามีต่อคนอื่นล้วนไม่เคยแบ่งแยกว่าตำแหน่งขุนนางสูงหรือต่ำ ชาติกำเนิดดีหรือเลว อย่างมากสุดก็แค่ไม่เอ่ยวิจารณ์ผลงานที่ใช้ถ้อยคำเลิศลอยสวยหรูเกินไป ไม่สนใจถ้อยคำที่จงใจประจบเอาใจเขา แต่ท่าทีเช่นนี้ของหลิ่วจิ้งถิงกลับทิ่มแทงใจคนบางคนมากที่สุด สำหรับเรื่องนี้ หลังจากที่หลิ่วจิ้งถิงลาออกจากราชการแล้วมีครั้งหนึ่งได้พูดคุยเรื่องวงการขุนนางกับบุตรชายคนโต นายอำเภอเล็กๆ ที่ภาพลักษณ์ภายนอกไม่โดดเด่นเท่าน้องชายหลิ่วชิงซานได้พูดหลักการเหล่านี้ให้บิดาฟังอย่างกระจ่างแจ้ง ตอนนั้นหลิ่วจิ้งถิงทำเพียงกระดกจอกเหล้าดื่มจนหมดจอกเท่านั้น
ส่วนหลิ่วชิงซานกลับไม่เห็นด้วย เขาพูดจาโผงผางตรงไปตรงมา กลับกลายเป็นตำหนิพี่ชายคนโตที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กไปคำรบหนึ่ง
ยังดีที่พี่ชายรู้นิสัยของหลิ่วชิงซานดีจึงไม่โกรธเคือง เอ่ยแค่ว่าตนเข้าไปอยู่ในอ่างโรคติดต่ออย่างวงการขุนนางแล้ว หวังว่าวันหน้าหลิ่วชิงซานอย่าได้เลียนแบบเขาก็พอ
ช่างเป็นบรรยากาศกลมเกลียวปรองดองที่บิดาเมตตาบุตรกตัญญู พี่ชายมีน้ำใจน้องชายให้ความเคารพนับถือซะจริง
อันที่จริงตอนนั้นในใจมันก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ปีศาจจิ้งจอกที่ถูกตนกินไปตนนั้นคิดจะทำตัวกลมกลืนเข้ามาในตระกูลหลิ่วของสวนสิงโตจริงๆ ใช่หรือไม่? การที่มันอยากจะสอบเคอจวี่เพราะคิดว่าวันหนึ่งจะใช้สถานะลูกเขยของหลิ่วจิ้งถิงมาสร้างคุณงามความดีในราชสำนักและด้านงานวรรณกรรม สุดท้ายหันกลับมาหล่อเลี้ยงชะตาบุ๋นของสกุลหลิ่วซะเอง?
เพียงแต่ว่าตอนนั้นมันน้ำลายสอมากจริงๆ จึงกินปีศาจจิ้งจอกที่ยังไม่ทันสร้างโอสถทองตนนั้นหมดในคำเดียว จำได้ว่าตัวเองยังเรออยู่อีกหลายทีด้วยนี่นะ?
มันหันหน้ากลับไป รับสัมผัสได้ถึงการออกมีดของสตรีหน้าเหม็นเรือนซือเตาที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะกลับไปมือเปล่า พูดอย่างเคียดแค้น “หน้าตาอัปลักษณ์ถึงเพียงนั้น คู่กับเจ้าคนขาเป๋ก็เหมาะสมกันพอดี!”
น่าเสียดายที่มันไม่ใช่อริยะลัทธิขงจื๊อที่แค่เอื้อนเอ่ยก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นได้
ทอดถอนใจหนึ่งที ก่อนจะดึงสายตากลับมา กวาดตามองไล่ไปบนสี่สมบัติแห่งห้องหนังสือจำนวนมากมายที่ไร้ราคาเหล่านั้นอย่างไม่มีอะไรทำ
มันพลันเบิกตากว้าง ยื่นมือไปคลำกล่องใบเล็กที่อยู่ด้านข้างที่ทับกระดาษไม้ทรงยาว
ร้อนลวกมือ!
มันรีบหดมือกลับมา อารมณ์ผ่อนคลายอย่างยิ่งยวด ด่ายิ้มๆ ว่า “เจ้าหลิ่วชิงซานผู้นี้ ร้ายนักนะ!”
……
ทางฝั่งของศาลบรรพชนสกุลหลิ่ว
อาจารย์สอนหนังสือสองคน อาจารย์วัยชราคอยอยู่ข้างกายหลิ่วจิ้งถิง
หลิ่วจิ้งถิงยิ้มเจื่อนกล่าวว่า “ลำบากอาจารย์ฝูแล้ว”
ผู้เฒ่าแค่ส่ายหน้า
นอกจากสอนหนังสือแล้ว อาจารย์ผู้เฒ่าท่านนี้แทบไม่เคยพูดจา แล้วสีหน้าก็แทบไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง
อันที่จริงคนตลอดทั้งสวนสิงโตต่างก็หวาดกลัวอาจารย์ผู้เฒ่าท่านนี้
ส่วนอาจารย์หลิวที่เป็นศิษย์ลัทธิขงจื๊อวัยกลางคนผู้นั้น แม้จะไม่ถือว่าน่าใกล้ชิดสนิทสนมเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นคนที่เข้มงวดกับกฎระเบียบอย่างมาก ลูกหลานสกุลหลิ่วและลูกหลานบ่าวรับใช้ที่เคยเรียนหนังสือกับเขาล้วนถูกเขาตีและสั่งสอนอบรมมาแทบทุกคน แต่กระนั้นก็ยังน่าเข้าใกล้ยิ่งกว่าผู้เฒ่าแซ่ฝู
เวลานี้ชายวัยกลางคนลัทธิขงจื๊อเดินมาที่หน้าประตูศาลบรรพชน รอคอยให้หลิ่วชิงซานกลับมา
พอเห็นว่าหลิ่วชิงซานกลับมาจากหอซิ่วโหลวอย่างปลอดภัย อาจารย์หลิวท่านนี้ก็ยังมีสีหน้าไร้อารมณ์ จนกระทั่งหลิ่วชิงซานที่เดินกะเผลกคารวะเขาด้วยพิธีการที่ศิษย์คารวะอาจารย์ เขาถึงได้ผงกศีรษะตอบรับ
หลิ่วชิงซานข้ามธรณีประตูเข้ามา เดินไปหาหลิ่วจิ้งถิงผู้เป็นบิดา
ชายวัยกลางคนลัทธิขงจื๊อยังคงยืนอยู่หน้าประตู จากนั้นสายตาของเขาก็ไล่มองขึ้นไปเบื้องบน มองเห็นเงาร่างสองเงาที่หอเก็บตำรา นั่นคือคู่นายบ่าวที่มาจากภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตาของชายวัยกลางคนลัทธิขงจื๊อไม่ดีหรือเห็นแล้วแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น เพราะเพียงไม่นานเขาก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในศาลบรรพชน
ตรงราวระเบียงใต้ชายคาหอเก็บตำรา สาวใช้เหมิงหลงยิ้มถามว่า “คุณชาย ท่านว่าฝูเซิงกับคนแซ่หลิวผู้นี้จะเป็นยอดฝีมือนอกโลกเหมือนพวกเราหรือเปล่า?”
คุณชายตู๋กูหัวเราะขำคำพูดอีกฝ่าย “เจ้าอธิบายให้คุณชายอย่างข้าฟังก่อนเถอะว่า พวกเราเป็นยอดฝีมือนอกโลกตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เหมิงหลงคลี่ยิ้มรู้ใจ ก่อนจะฟุบตัวบนราวระเบียงทอดสายตามองไปไกล
ในแจกันสมบัติทวีป พวกเขาไม่นับเป็นยอดฝีมือนอกโลกหรอกหรือ?
คุณชายก็แค่ถ่อมตัวเท่านั้น
ราชวงศ์จูอิ๋งที่นางอยู่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจต้นไม้ในผืนป่า จำนวนผู้ฝึกกระบี่มากเป็นอันดับหนึ่งของทวีป กองกำลังของแคว้นก็แข็งแกร่ง ลำพังเพียงแค่แคว้นใต้อาณัติก็มีมากหลายสิบแคว้น
ในบรรดาลูกหลานมังกรที่ตัดสินใจสละตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์มาตั้งแต่เนิ่นๆ คนหนึ่งคือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบ เคยประมือกับหลี่ถวนจิ่งแห่งสวนลมฟ้าที่เคยเป็นก่อกำเนิดอันดับหนึ่งในแจกันสมบัติทวีปมาสามครั้ง แม้ว่าจะแพ้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยในพลังการต่อสู้ของผู้ฝึกกระบี่ท่านนี้ ในแจกันสมบัติทวีปมีเซียนดินสักกี่คนที่กล้าต้านรับหนึ่งกระบี่จากหลี่ถวนจิ่ง? หลี่ถวนจิ่งใช้หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ข่มกำราบภูเขาตะวันเที่ยงมาหลายร้อยปี ถ้าเช่นนั้นหลังจากที่ผู้ฝึกกระบี่ของราชวงศ์จูอิ๋งผู้นี้พ่ายแพ้ไปแล้ว แต่กลับยังสามารถทำให้หลี่ถวนจิ่งรับปากจะต่อสู้กับเขาอีกสองครั้งก็แสดงให้เห็นแล้วว่าวิชากระบี่ของเขาสูงส่งเพียงใด
ยังมีผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเก้าอีกสองคน คือคู่รักเทพเซียนที่มองข้ามความสัมพันธ์ทางสายเลือด ด้วยเหตุนี้จึงแตกหักกับราชวงศ์จูอิ๋ง อย่างน้อยภายนอกก็เป็นเช่นนี้ สามีภรรยาคู่นี้ปรากฏตัวน้อยครั้ง พวกเขาเอาแต่มุ่งมั่นฝึกฝนวิถีกระบี่ เล่าลือกันว่าอันที่จริงแล้วฮ่องเต้ราชวงศ์จูอิ๋งได้มอบท้องพระคลังให้คนทั้งสองช่วยดูแล มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแซ่ใหญ่หลายแซ่ในนครมังกรเฒ่าที่อยู่ทางทิศใต้สุด เงินทองจึงไหลมาเทมาไม่ขาดสาย
เหมิงหลงกล่าวอย่างขุ่นเคือง “คุณชาย ผู้ฝึกตนของอุตรกุรุทวีปเผด็จการเกินไปแล้วจริงๆ โดยเฉพาะเทียนจวินลัทธิเต๋าที่สมควรโดนแทงพันครั้งนั่น”
คุณชายตู๋กูยิ้มบางๆ “พวกเราก็เป็นอย่างนี้ในสายตาของภูตผีปีศาจบนภูเขาที่พวกเราไปถอนรากถอนโคน เหมือนกันไม่ใช่หรือ? หรือว่าพวกนักการพวกสาวใช้ที่ตายใต้ฝ่าเท้าเทพท่องราตรีของเจ้าตนนั้นล้วนสมควรตาย? แน่นอนว่าไม่ใช่ เพียงแต่ว่าพวกเราคร้านจะสนใจก็เท่านั้น”
เหมิงหลงสะอึกอึ้งพูดไม่ออก
ได้แต่ใช้ปลายเท้าเตะราวระเบียงของหอสูงอย่างขุ่นเคือง
……
เฉินผิงอันไม่ได้วาดยันต์บริเวณใกล้เคียงของหอซิ่วโหลวต่อ แต่พาสือโหรวตรงดิ่งไปที่ประตูใหญ่ของสวนสิงโต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!