กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 395

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดนอกกำแพงสวนสิงโต

หลิ่วป๋อฉีก็พุ่งตัวขึ้นไปบนหลังคาศาลาแห่งหนึ่ง พยักหน้าเบาๆ เผยสีหน้าชื่นชมอย่างที่หาได้ยาก

ฝึกตนอยู่ที่เรือนซือเตาของภูเขาห้อยหัว ได้เห็นเรื่องประหลาดและคนประหลาดมากมายยิ่งกว่าอยู่ในทวีปใดๆ ของใต้หล้าไพศาล อีกทั้งหลิ่วป๋อฉียังเป็นลูกรักแห่งสวรรค์ที่เทียนจวินใหญ่ของภูเขาห้อยหัวท่านนั้นฝากความหวังไว้มาก และยังคอยติดตามผู้อาวุโสในสำนักออกทะเลไปจับพวกเจียวเฒ่าที่เหนื่อยล้าหลังกลับมาจากการโปรยพิรุณอยู่เป็นประจำ สายตาของนางย่อมสูงมากเป็นธรรมดา

จูเหลี่ยนยืนพิงราวระเบียงคนงาม เผยเฉียนก็ยืนอยู่บนราวระเบียง ถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “คืออาจารย์ข้าหรือ?”

จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “นายน้อยใช้ยันต์เป็น ศึกบนภูเขาริมชายแดนต้าเฉวียน ข้าเคยเห็นมากับตาตัวเอง ยันต์ม้าเหล็กล้อมนครสามแผ่นรวมกันเป็นค่ายกล กลายเป็นยันต์ทหารตรีปฏิภาณหนึ่งชุด พลานุภาพยิ่งใหญ่ สามารถกักปีศาจใหญ่ในลำคลองหมายเหอตนนั้นเอาไว้ได้ นึกไม่ถึงว่านายน้อยจะสามารถวาดยันต์ได้ด้วยตัวเอง พรสวรรค์ไม่ธรรมดา พลังอำนาจไม่น้อย…”

เผยเฉียนพูดเสียงขุ่น “มีอะไรบ้างที่อาจารย์ข้าทำไม่ได้? ไม่เห็นต้องแปลกใจเลย!”

จูเหลี่ยนเอ่ยหยอกล้อ “แล้วเมื่อครู่นี้เจ้าถลึงตาโตเป็นกระด้ง แอบหัวเราะปากกว้างทำไม?”

เผยเฉียนตีหน้าเคร่ง ไม่โต้เถียงไร้สาระกับตาเฒ่านี่อีก นางแหงนหน้าขึ้น ชำเลืองตามองไปบนชายคาเหนือศีรษะ แล้วค่อยมองพื้นดินนอกราวระเบียง สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ออกแรงดีดปลายเท้ากระโดดขึ้นสูง สองมือคว้าชายคา คิดจะพลิกตัวกลิ้งไปบนหลังคา ผลกลับกลายเป็นว่ากระชากกระเบื้องแผ่นหนึ่งให้ร่วงลงมาด้วย จูเหลี่ยนเตรียมจะยื่นมือไปดึงคอเสื้อด้านหลังของเจ้าคนบุ่มบ่ามผู้นี้ หมายจะดึงนางกลับเข้ามาในระเบียง แต่จู่ๆ จูเหลี่ยนกลับเปลี่ยนความคิด ปล่อยให้เผยเฉียนร่วงกระแทกลงไปในลานบ้าน ระหว่างที่ร่างร่วงหวือลงไป ในหัวสมองของเผยเฉียนว่างเปล่า เพียงแค่อาศัยสัญชาตญาณของตัวเอง ลมปราณขุมหนึ่งที่เป็นดั่งมังกรเพลิงในร่างจึงโคจรอย่างดุเดือด พริบตาเดียวก็ม้วนตัวขดเป็นรูปร่างของวานรลักษณะคล้ายตอนที่จูเหลี่ยนตั้งท่าหมัดอยู่หลายส่วน และขณะที่อยู่ห่างพื้นอีกประมาณหนึ่งจั้ง มือเท้าของนางก็พลันกางออก ครั้นจึงพลิ้วกายลงบนพื้นอย่างปราดเปรียวประดุจแมวป่าตัวน้อย

จูเหลี่ยนฟุบตัวบนราวระเบียง จุ๊ปากพูด “จอมยุทธ์หญิงท่านนี้บินบนชายคาเดินบนผนังได้แล้ว วิชาตัวเบาร้ายกาจจริงๆ”

เผยเฉียนนั่งแปะลงบนพื้น นางตกใจจนหน้าขาวเผือด พอคืนสติกลับมาก็หันไปแผดเสียงด่าจูเหลี่ยนที่ไม่รู้จักความทุกข์ทรมานของผู้อื่น “พ่อครัวเฒ่า ทำไมเจ้าไม่ช่วยข้า?! หากข้าตกลงมาเจ็บหนักปางตาย แขนขาดหรือขาขาดไปแล้วอาจารย์รังเกียจข้า ข้าจะทำอย่างไร เดิมทีข้าก็เป็นตัวภาระของอาจารย์อยู่แล้ว เดินทางก็เดินได้ช้า มักจะถ่วงเวลาอาจารย์อยู่เสมอ ถึงเวลานั้นหากอาจารย์ไม่พอใจ ไม่ต้องการข้าอีกแล้ว…”

พอเผยเฉียนคิดถึงภาพเหตุการณ์อันน่าเวทนานั้นก็เริ่มร้องไห้จ้าเสียงดังลั่น

ทำเอาจูเหลี่ยนหนวกหู แม้แต่สาวใช้จ้าวหยาก็ยังรีบวิ่งออกมานอกห้อง เมื่อครู่นี้จ้าวหยาคุยเล่นอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูตลอดเวลา เวลานี้เห็นเผยเฉียนนั่งอยู่บนพื้น นางจึงมีสีหน้างงงัน ไม่รู้ว่าเด็กหญิงที่ฉลาดเฉลียวผู้นี้ไปนั่งอยู่ในลานบ้านได้อย่างไร

จูเหลี่ยนแสร้งทำท่าตกตะลึง “รีบขึ้นหอมาเร็วเข้า ปีศาจมาแล้ว”

เผยเฉียนไม่พูดจาไม่จาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หยุดเสียงร้องไห้ได้ในฉับพลัน วิ่งตึงๆ ขึ้นบันไดหอเรือนมา พุ่งตัวเข้าใส่ห้องสตรีที่ยังไม่ได้ลงกลอน หมุนตัวกลับไปปิดประตูให้แน่นสนิท หยิบไม้เท้าเดินป่าขึ้นมาแล้ววิ่งพรวดไปหยุดอยู่ข้างกายจูเหลี่ยน เหลียวซ้ายแลขวา ปาดน้ำตาพลางยื่นมือไปตบยันต์กระดาษสีเหลืองบนหน้าผาก ถามว่า “อยู่ไหนๆ?”

จูเหลี่ยนกลั้นยิ้ม พูดตอบไปอย่างส่งเดช “ถือว่าเจ้าโชคดี ดูเหมือนว่าปีศาจตนนั้นเห็นว่าหอซิ่วโหลวแข็งแกร่งมิอาจทำลายจึงหนีไปแล้ว”

เผยเฉียนเช็ดน้ำตาและเหงื่อที่ไหลนองหน้าทิ้งแรงๆ นางกลัวมากเกินไปจริงๆ จึงไม่ทันได้สังเกตสีหน้าเจ้าเล่ห์ของจูเหลี่ยน ยังคงพยายามเบิกตากว้างตามหาร่องรอยของปีศาจอย่างละเอียด ปากก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จูเหลี่ยน หากคราวหน้าปีศาจมาเยือนหอซิ่วโหลวอีก เจ้าต้องปกป้องคุณหนูหลิ่วและพี่หญิงหยาเอ๋อร์ให้ดีนะ ไม่อย่างนั้นหากอาจารย์กลับมาแล้วพบว่าพวกนางสองคนถูกปีศาจจับตัวไป ต่อให้ปากอาจารย์จะไม่ด่าข้า แต่ในใจต้องโกรธข้าแน่นอน”

จ้าวหยาหันหน้าไปปิดปากหัวเราะทางอื่น

จูเหลี่ยนยิ้มพูดว่า “ไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองบ้างรึ?”

เผยเฉียนควักยันต์ออกมาอีกแผ่น แปะลงบนหน้าผากตัวเอง กำไม้เท้าเดินป่าในมือแน่น “อาจารย์บอกให้ข้าปกป้องตัวเองให้ดี ข้าก็จะต้องทำให้ได้!”

จูเหลี่ยนเอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งวางแนบหน้าท้อง บุคลิกของปรมาจารย์เปิดเผยออกมาจนหมดสิ้น เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “วางใจเถอะ อาจารย์ของเจ้าก็บอกแล้วว่าให้ข้าปกป้องเจ้าให้ดี”

……

บนหอเก็บหนังสือ

คุณชายตู๋กูยิ้มกล่าวว่า “ปีศาจที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ตนนั้น เกรงว่าคงกลายเป็นสุนัขที่ถูกคนปิดประตูตีแล้ว”

เหมิงหลงถาม “จะกักขังทั้งสวนสิงโตไว้ได้จริงๆ หรือ?”

คุณชายตู๋กูอธิบาย “ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้านทานการบุกฝ่าหลายครั้งของปีศาจตนนั้นได้ แต่ขอแค่มันเปิดเผยร่างจริงก็คือช่วงเวลาที่นักพรตหญิงจะชักมีดสังหาร”

เหมิงหลงถามอีก “แต่ถ้าปีศาจตนนั้นตัดสินใจว่าจะหลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมาล่ะ?”

คุณชายตู๋กูชี้ไปยังภาพปรากฎการณ์ปราณวิญญาณที่เกิดขึ้นในแถบพื้นที่โดยรอบสวนสิงโต คนธรรมดาที่อยู่ในสวนสิงโตอาจจะมองอะไรไม่ออก แต่เมื่อปรากฏอยู่ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญแล้วจะเห็นเป็นแสงสีทองที่เหมือนลำธารไหลรินโอบล้อมเป็นวง “การใช้ยันต์ไม่ทราบชื่อนี้สร้างเป็นค่ายกล ปราณวิญญาณจำแลงมาเป็นของเหลว ความมหัศจรรย์นั้นไม่ได้อยู่ที่แค่สองคำว่ากักขัง หากไม่ผิดไปจากที่คาด นี่น่าจะเกี่ยวพันไปถึงสายน้ำและรากภูเขาของที่แห่งนี้ด้วย บวกกับที่ตอนนี้เทพแห่งผืนดินหลุดพ้นจากพันธนาการแล้ว การตามหาที่ซ่อนตัวของปีศาจก็ยิ่งง่ายขึ้น อีกอย่างในเมื่อเซียนซือหนุ่มผู้นี้สามารถวาดค่ายกลยันต์ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ อันดับต่อไปก็คงจะวาดยันต์ลงบนแกนกลางสำคัญอันเป็นสถานที่ซ่อนลมกักน้ำของสวนสิงโตด้วย ต่อให้ปีศาจนั่นไม่อุดอู้จนตายก็ต้องถูกทำให้สะอิดสะเอียนจนตาย ประหนึ่งคนอยู่กลางน้ำเดือดที่ไม่อาจรู้สึกดีได้เลย”

เหมิงหลงกล่าวอย่างไม่เห็นเป็นสำคัญ “วาดยันต์ไปตั้งมากมายกว่าจะสร้างความเคลื่อนไหวพวกนี้ขึ้นมาได้ ไม่ถือว่าร้ายกาจอะไร อาจารย์ของคุณชายแค่วาดยันต์แผ่นหนึ่งก็สามารถใช้ลมปราณสยบควันม่วงให้โอบล้อมรอบนครที่มีชาวบ้านอาศัยหลายแสนคน หรือไม่ก็เอื้อมมือคว้าเมฆดำมาจำแลงเป็นงู สังหารให้ปีศาจใหญ่โอสถทองตายไปโดยตรง…”

คุณชายตู๋กูกล่าวอย่างระอาใจ “ข้ากำลังพูดถึงความดีของคนหนุ่มผู้นี้ ส่วนเจ้ากำลังพูดถึงความร้ายกาจของอาจารย์ข้า สองอย่างนี้ไม่เกี่ยวข้องกันสักหน่อย เจ้าน่ะ อย่าเอาแต่ดูแคลนผู้ฝึกลมปราณและผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวนอกเหนือจากคุณชายอย่างข้าเลย”

เหมิงหลงพูดอย่างตรงไปตรงมา “บ่าวก็แค่เห็นคนอื่นดีกว่าคุณชายไม่ได้ หากคนหนุ่มแซ่เฉินเป็นผู้หญิง ต่อให้เป็นเซียนกระบี่คนหนึ่ง คุณชายว่าบ่าวจะริษยาไหม?”

คุณชายตู๋กูยิ้มถาม “งั้นถ้าเป็นเซียนกระบี่หญิงที่อายุน้อย แล้วยังหน้าตาดีกว่าเจ้าอีกเล่า?”

เหมิงหลงฟุบตัวอยู่บนราวระเบียง “ถ้าอย่างนั้นบ่าวก็คงริษยาจนคิดฆ่าคนเลยล่ะ”

คุณชายตู๋กูยิ้มบางๆ “ท้องหนูไส้ไก่ ความปรารถนามากแต่จิตใจคับแคบ ต้องเรียนรู้ไว้เป็นบทเรียนห้ามเอาเยี่ยงอย่างนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!