เฉินผิงอันรู้ถึงน้ำหนักของยันต์ที่ตัวเองวาดดีว่าพอจะเรียกได้ว่าลมปราณโชติช่วงได้อย่างถูไถ แต่ไม่ทอดยาวมากพอ ปราณวิญญาณสลายหายไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็คือข้อด้อยที่ร้ายแรงที่สุดหากผู้ฝึกยุทธ์เป็นคนวาดยันต์
เฉินผิงอันพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่ เจ้าไปเฝ้าที่หัวกำแพงทางฝั่งขวามือ ภาพมายาของปีศาจจิ้งจอกทำลายไม่ยาก หากพบร่างจริง แค่ถ่วงเวลาไว้สักครู่หนึ่ง เชือกพันธนาการปีศาจเส้นนั้นที่ข้ามอบให้เจ้า…”
สือโหรวนึกว่าเฉินผิงอันต้องการเอาสมบัติอาคมกลับคืนไปไว้ข้างกายจึงยื่นเชือกสีทองเส้นนั้นส่งมาให้ด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ เฉินผิงอันหัวเราะอย่างถอนฉุน “ข้าแค่จะบอกเจ้าว่าจงใช้มันให้ดี รีบไปเฝ้าทางด้านนั้น!”
สือโหรวตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งตัวออกไปพร้อมถือเชือกปีศาจที่ระดับขั้นสูงอย่างถึงที่สุดเส้นนั้นไว้ในมือ
เฉินผิงอันตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่เบาๆ พูดในใจว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อนออกมา พวกเจ้าคือท่าไม้ตายของข้า เมื่อแน่ใจว่าร่างจริงของปีศาจโผล่ออกมาแล้ว พวกเจ้าค่อยออกมาก็ยังไม่สาย”
ทางฝั่งของหอเก็บหนังสือ สาวใช้เหมิงหลงทำท่าคันไม้คันมือเต็มแก่ สายตาฉายประกายร้อนแรง “ไม่สนหรอกว่าจะใช่เวทอำพรางตาหรือไม่ คุณชาย ให้บ่าวลงมือเถอะ? อยู่ในสวนสิงโตแห่งนี้อุดอู้จะตายอยู่แล้ว”
คุณชายตู๋กูเอ่ยเตือน “ตอนนี้มีคนมากมายของแคว้นชิงหลวนจับตามองสวนสิงโตอยู่ ดังนั้นห้ามเจ้าใช้กระบี่บินแห่งชะตาชีวิต เพราะมีหยกติดตัวจึงมีความผิด (เดิมเปรียบเปรยว่าทรัพย์สินนำมาซึ่งภัยร้าย ภายหลังเปรียบเปรยว่าเพราะมีความสามารถจึงถูกคนอิจฉาริษยา) ข้าไม่อยากหาปัญหาใส่ตัว อีกอย่างก็อย่าเหยียบย่ำสิ่งปลูกสร้างในสวนสิงโตให้พังย่อยยับไปมากนัก”
สาวใช้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าให้นางยืนนิ่งเป็นหุ่นไม้อยู่ที่เดิม นางเขย่งปลายเท้าพลิ้วกายขึ้นไปเหยียบบนราวระเบียง ปากพึมพำท่องคาถา มือข้างหนึ่งทำมุทรา อีกมือหนึ่งยื่นไปข้างหน้า ในดวงตางดงามมีแสงสีทองระยิบระยับ สุดท้ายตวาดเบาๆ ว่า “ออกมา!”
สิ่งศักดิ์สิทธิ์สวมเกราะสีทองสูงสามจั้งตนหนึ่งกระแทกตัวลงบนพื้นดังตูม ฝุ่นตลบคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
องค์เทพตนนี้นอกจากมีเรือนกายใหญ่โตมโหฬารแล้ว บนร่างที่สูงใหญ่ยังมีแถบผ้าหลากสีที่เกิดจากการรวมตัวกันของปราณวิญญาณห้าเส้นล้อมพัน บนศีรษะสวมมงกุฎ บนเกราะสีทองของแขนข้างหนึ่งมีลมปราณสกปรกแผ่อบอวล ส่วนเกราะสีทองของแขนอีกข้างหนึ่งสลักภาพใบหน้าดุร้ายของภูตผีชนิดต่างๆ
เพียงแต่ว่าองค์เทพตนนี้หลับตาอยู่ตลอดเวลา
ราวกับว่ากำลังรอคำสั่งจากเหมิงหลง
ทุกครั้งที่เทพท่องราตรีที่หาได้ยากตนนี้เดินไปเบื้องหน้า แม้ว่าสองตาจะปิดสนิท แต่ก็ยังจงใจเดินอ้อมผ่านสิ่งปลูกสร้างแต่ละแห่งของสวนสิงโต ระหว่างที่ก้าวเดินแผ่นดินก็สั่นสะเทือนไปด้วย
เท้าเดียวก็กระทืบให้ร่างของเด็กหนุ่มชุดดำคนหนึ่งที่หลบหนีไม่ทันแหลกสลาย
แถบผ้าหลากสีห้าเส้นที่หล่อหลอมขึ้นด้วยฝีมือของเซียนซือประดุจเจียวหลงห้าตัวที่ออกมาจากบ่อมังกร ความยาวก็แค่สองจั้ง แต่กลับบินโฉบอย่างว่องไว ลอดผ่านทะลุร่างกายของเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเหล่านั้นไปอย่างง่ายดาย
เทพท่องราตรีตนนี้ยกแขนขึ้นกวาด ฝ่ามือข้างหนึ่งตบลงบนภาพมายาปีศาจที่บินทะยานอยู่บนหลังคา
เหมิงหลงเปลี่ยนท่าทางใหม่ คราวนี้นางนั่งลงบนราวระเบียง พูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน “ทนการโจมตีไม่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ?”
คุณชายตู๋กูอธิบาย “ปีศาจตนนั้นแบ่งดวงจิตเสี้ยวหนึ่งจำแลงร่างเป็นคนหลายคน แต่ยังเคลื่อนไหวได้ปราดเปรียวเช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
คงเป็นเพราะเคยเห็นภาพเทพท่องราตรีบดขยี้ปีศาจจิ้งจอกกับตาตัวเองมาก่อน โอกาสแพ้ชนะต่างกันมากเกินไป ความอันตรายก็น่าจะมีไม่มาก ถึงได้เป็นเหตุให้อาจารย์และศิษย์สองคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงมองทิศไกลอยู่ในตำแหน่งอื่นของสวนสิงโต รวมไปถึงผู้ฝึกตนสามีภรรยาคู่นั้นเริ่มร่ายวิชาอภินิหารเพื่อกำจัดปีศาจปราบมารให้ช้ากว่าทางหอเก็บหนังสือคล้ายตั้งใจ แต่ก็คล้ายไม่เจตนา
จิ้งจอกตัวเล็กสีแดงเพลิงที่อยู่บนไหล่ของผู้เฒ่ากระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ร่างสั่นสะท้านแล้วพลันขยายใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัด เมื่อมันพลิ้วตัวลงบนสันหลังคาแห่งหนึ่งก็กลายมาเป็นจิ้งจอกเพลิงที่ตัวใหญ่ดุจวัว ทั่วร่างลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ
ส่วนเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็โบกแขนหนึ่งครั้ง งูสีเขียวมรกตดุจใบไผ่ที่พันอยู่รอบแขนก็กระโจนพรวดออกมา กลายร่างเป็นงูยักษ์ยาวสองจั้ง
ต่างฝ่ายต่างกระโจนเข้าหาเด็กหนุ่มชุดดำที่เผ่นหนีออกไปนอกสวนสิงโตอย่างบ้าคลั่ง
ผู้ฝึกตนคู่รักจับคู่อยู่ด้วยกัน เลือกบริเวณใกล้เคียงกับสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง คนหนึ่งบังคับให้กระบี่เล่มยาวออกจากฝักที่สะพายอยู่ด้านหลังเหมือนอาจารย์กระบี่บังคับกระบี่สังหารศัตรู อีกคนหนึ่งใช้สองมือทำมุทรา ก้าวเท้าว่องไวเหมือนเหยียบอยู่บนพายุลมกรด อ้าปากพ่นปราณวิญญาณเข้มข้นออกมาหนึ่งคำ ปราณวิญญาณคำนั้นกระจายหายไปในสวนดอกไม้ประหนึ่งมีไอหมอกปกคลุมไปทั่วต้นไม้ดอกไม้ เพียงแค่ชั่วพริบตาในสวนดอกไม้ก็พลันมีเงาร่างของภูตหลากสีสูงเท่าหนึ่งช่วงแขนหลายตน หลังตามไปทันเด็กหนุ่มชุดดำแล้ว ร่างของภูตเหล่านั้นก็จะระเบิดกระจัดกระจาย
เฉินผิงอัน สือโหรว ฝ่ายที่อยู่ในหอเก็บตำรา บวกกับอาจารย์ศิษย์และสามีภรรยารวมเป็นสี่คนที่เฝ้าพิทักษ์อยู่ทางทิศตะวันตกของสวนดอกไม้
เฉินผิงอันยืนออกหมัดอยู่บนหัวกำแพง สือโหรวใช้เชือกพันธนาการปีศาจที่ทำมาจากหนวดมังกรสีทองต้านทานเด็กหนุ่มชุดดำ
เพียงแต่ว่าภาพมายาของปีศาจมีมากเกินไป สี่ทิศนอกสวนสิงโตยังคงมีเด็กหนุ่มชุดดำเกือบสี่สิบคนคอยพุ่งชนกำแพงด้านนอกที่มีเจียวหลงซึ่งเกิดจากยันต์สีทองว่ายวนโอบล้อมอยู่
คุณชายตู๋กูที่อยู่ในหอเก็บตำราไม่อนุญาตให้เหมิงหลงใช้กระบี่บินแห่งชะตาชีวิต ส่วนตัวเขาเลือกจะนิ่งดูดาย
ดังนั้นจึงมีปลาที่หลุดรอดแหไปไม่น้อย ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้อานุภาพของเทพท่องราตรีตนนั้นก็ยังน่ากลัวมากเกินไปอยู่ดี ภาพมายาของปีศาจจำนวนมากที่ห้อตะบึงไปทางกำแพงสูงของหอเก็บตำราจึงจำต้องเปลี่ยนเส้นทางการหลบหนีกะทันหัน
จึงกลายเป็นว่าทางฝั่งของหอเก็บตำรานี้มีเด็กหนุ่มชุดดำหนีมาน้อยที่สุด
ส่วนทางทิศตะวันตกที่แม้ว่าจะ ‘มากคนมากอำนาจ’ มีผู้ฝึกตนสี่ท่านเฝ้าพิทักษ์ แต่กลับเป็นแถบพื้นที่ที่อันตรายที่สุดเพราะเด็กหนุ่มพุ่งชนกำแพงเยอะที่สุด
ส่วนทางฝ่ายของสือโหรวก็เรียกได้ว่ายุ่งวุ่นวายอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่ภูตผีที่เชี่ยวชาญการเข่นฆ่า และสมบัติก้นกรุที่ชุยตงซานมอบให้ นางก็ไม่กล้าเอาออกมาใช้ในเวลานี้ ดังนั้นจึงมีเด็กหนุ่มเกือบสิบคนพุ่งชนกำแพง จากนั้นก็ถูกแม่น้ำสีทองยาวเหยียดที่อยู่รอบนอกของกำแพงหลอมละลาย ภาพมายาบางส่วนที่โชคดีหลุดพ้นไปได้ก็พุ่งชนกำแพงต่ออีกครั้ง มองความตายเป็นดั่งมาตุภูมิ
โชคดีที่สือโหรวไม่ได้ทำให้เกิดช่องโหว่ที่ใหญ่มากนัก
ส่วนเฉินผิงอันที่มองดูเหมือนออกหมัดไม่เร็ว แต่กลับสามารถต้านทานได้สบายแรงที่สุด
เขาใช้ท่าเดินนิ่งหกก้าวเดินกลับไปกลับมาอยู่บนหัวกำแพง ชายแขนเสื้อสองข้างพลิกสะบัด พายุหมัดซัดตลบอบอวล
เพียงแต่ว่าสีทองของเจียวหลงที่เห็นกำแพงสีขาวหิมะเป็นดั่งลำคลองได้หม่นหมองลงไปหลายส่วน เป็นเหตุให้ผนังรอบด้านถูกชนจนเกิด ‘ประตูเล็ก’ ซึ่งเป็นช่องโหว่นับไม่ถ้วน
ดูเหมือนว่าหลังจากวาดยันต์แล้ว การที่เฉินผิงอันต้องมารับมือกับเด็กหนุ่มชุดดำที่จำนวนมากมายชวนตาลายนี้ ปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์เฮือกนั้นจะไม่เพียงพอให้ใช้ จำเป็นต้องหยุดนิ่งเพื่อเปลี่ยนลมปราณ
และเวลานี้เอง
ทางฝั่งของศาลบรรพชนสกุลหลิ่วก็เหมือนมีปลาฉลามพลิกตัว จากนั้นแผ่นดินสี่ด้านแปดทิศก็พากันสั่นสะเทือนส่งเสียงดังครืนครั่น
ความเคลื่อนไหวนี้รุนแรงที่สุดทางทิศตะวันตก
เหมิงหลงถลันลุกขึ้นยืน มือสองข้างทำมุทรา หลับตาลง ใช้เวทลับปล่อยจิตวิญญาณออกจากร่างให้เข้าไปสิงร่างของเทพท่องราตรี องค์เทพเกราะทองลืมตาขึ้น งอเข่าเล็กน้อยแล้วกระโดดผลุงขึ้นกลางอากาศ ใต้ฝ่าเท้าปรากฏหลุมใหญ่หนึ่งหลุม เทพท่องราตรีที่ร่างสูงสามจั้งพุ่งตัวไปทางทิศตะวันตก
สองเท้าของเทพท่องราตรีเหยียบกลางสวนดอกไม้ทางทิศตะวันตกที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง พื้นดินยุบยวบลงลึก จากนั้นก็ย่อตัวลงนั่งยอง ควงแขวนเหวี่ยงหมัดกระแทกลงบนพื้นหนักๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าจนเศษดินปลิวกระเด็นว่อน
ต่อยทำลายจนรากภูเขาเล็กๆ เส้นหนึ่งใต้ดินของสวนสิงโตขาดสะบั้น
คุณชายตู๋กูลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ลงมือ
เห็นเพียงว่าบริเวณใกล้เคียงกับหอเก็บตำรามีเด็กหนุ่มหล่อเหลาร่างสูงห้าหกจั้งคนหนึ่งโผล่ออกมาจากใต้ดิน ปีศาจที่ตัวสูงแทบจะทัดเทียมกับหอเก็บตำราพุ่งกระโจนไปทางกำแพงแถบนั้น
เจียวหลงสีทองที่ล้อมรอบกำแพงประหนึ่งเชือกที่ขัดขาเด็กหนุ่มชุดดำผู้นั้น มันที่เผยร่างจริงร้องคำรามพลางก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ เป็นเหตุให้แสงสีทองของยันต์ในตำแหน่งอื่นล้วนถูกกระชากให้ไปรวมอยู่ในทิศทางเดียวกับมัน
มันเริ่มพุ่งชนกำแพง เพียงแต่ว่าตรงหัวเข่ายังคงมีเชือกยันต์สีทองเส้นหนึ่งรัดพันไว้อย่างแน่นหนา
มันยกขาขึ้นสูงก็แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของเชือกเส้นนั้นได้จึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตะบึงไปเบื้องหน้าต่ออีกครั้ง
เจียวหลงสีทองที่เดิมทีหัวและหางเชื่อมติดกันพลันถูกขึงตึงจนขาดออกจากกัน ถูกปีศาจใหญ่ชุดดำที่เผยกายธรรมร่างทองกระชากดึงไปข้างหน้าจนส่ายสะบัดไม่หยุด
ประหนึ่งปลาตัวใหญ่ที่แม้ปากจะยังไม่หลุดจากเบ็ด แต่เพราะเรี่ยวแรงมีเหลือล้น เป็นเหตุให้แม้แต่เส้นเอ็นและคันเบ็ดก็ถูกมันกระชากไปพร้อมกันด้วย
เฉินผิงอันยื่นมือไปกดปากน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ พูดในใจว่า “ผิดปกติ รอก่อน”
เรือนกายสูงเพรียวที่ยืนนิ่งอยู่บนหลังคาศาลาตลอดเวลาพลันกลายเป็นรุ้งสีขาวที่พาดผ่านท้องฟ้า ศาลาใต้ฝ่าเท้าล้มครืนกระแทกพื้น มีดเล่มหนึ่งถูกชักออกมาแล้วฟันลงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!