ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเฉินผิงอัน จูเหลี่ยนกับสือโหรวหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จูเหลี่ยนจะหัวเราะเฮอๆ พูดว่า “เจ้าลองพูดก่อนสิ”
สือโหรวข่มกลั้นความอึดอัดในใจ สายตาของตาเฒ่าบ้ากามผู้นี้ ต่อให้ผ่านไปอีกร้อยปีก็คงยังทำให้คนสะอิดสะเอียนได้แบบนี้กระมัง นางพูดเบาๆ ว่า “ข้าคือวัตถุหยิน เกิดมาก็ถูกสถานที่สำคัญอย่างเมืองหลวงข่มกำราบ จุดที่สายตาของคุณชายมองไปปรากฎสิ่งที่ทำให้จิตใจของข้ายิ่งไม่สงบสุข เจ้าล่ะ?”
จูเหลี่ยนพยักหน้ารับ “เมื่อครู่นี้จิตของนายน้อยเกิดการขานรับจึงหันหน้ามองไป ท่าทางที่แม่นางสือโหรวทอดสายตามองไกลตามไป สายตาเลื่อนลอยเช่นนั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง”
สือโหรวกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ขนาดเผยเฉียนยังรู้ว่าควรปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ ตาแก่หน้าไม่อายอย่างเจ้าไม่เข้าใจบ้างหรือ?”
เผยเฉียนน้อยใจนิดหน่อย “พี่หญิงสือโหรว อะไรที่เรียกว่า ‘ขนาด’ เขียนตัวอักษรหรืออ่านหนังสือ ข้าก็ล้วนตั้งใจอย่างมากเลยนะ”
สือโหรวได้แต่หันมามองนางด้วยสายตาขออภัย
เผยเฉียนโบกมือเป็นวงกว้าง แล้วก็เริ่มยกหลักการยิ่งใหญ่ที่อ่านเจอในตำรามาประกอบกันส่งเดชอีกครั้ง “มนุษย์มิใช่ผู้วิเศษย่อมต้องเคยผิดพลาด ใต้หล้านี้ไม่มีใครที่ให้อภัยไม่ได้…”
เผยเฉียนสังหรณ์ได้ว่าท่าไม่ดี แล้วนางก็ต้องเกร็งเท้าเขย่งขึ้นเพราะถูกเฉินผิงอันดึงหูให้เดินไปข้างหน้าจริงดังคาด
เฉินผิงอันเอ่ยสั่งสอน “หลักการอริยะปราชญ์ที่ได้มาไม่ง่ายในตำราพวกนั้น ตอนนี้เจ้ายังรู้และเข้าใจได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลยด้วยซ้ำ กล้าเอามาโอ้อวดส่งเดชแล้วอย่างนั้นรึ?”
เผยเฉียนรีบยอมรับผิดทันใด
ใบหูปวดแสบปวดร้อนไปหมดแล้ว
หลังจากผ่านคลื่นลมมรสุมด้วยกันมา ตอนนี้เผยเฉียนก็พอจะรู้คร่าวๆ แล้วว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าอาจารย์โกรธมากและโกรธน้อย เขกมะเหงก ต่อให้แรงไปสักหน่อย แต่นั่นก็ยังดี เพราะอันที่จริงแล้วถือว่าอาจารย์ไม่โกรธเท่าไหร่นัก หากดึงหูก็หมายความว่าอาจารย์โกรธจริงๆ หากดึงกระชากแรงๆ นั่นก็ยิ่งร้าย แปลว่าโกรธไม่น้อย แต่ไม่ว่าจะได้กินมะเหงกหรือถูกดึงหูก็ล้วนเทียบกับตอนที่เฉินผิงอันโกรธแล้วเงียบ ไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่ตีไม่ด่าไม่ได้ เผยเฉียนกลัวเฉินผิงอันที่เป็นแบบนั้นมากที่สุด
เฉินผิงอันเลือกโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่อยู่กลางตลาดจอแจ ตั้งอยู่ในตรอกชางเล่อที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง เป็นแถบที่มีร้านหนังสืออยู่มากมาย
เพียงแต่ว่าตอนนี้ห้องพักในโรงเตี๊ยมต่างๆ ของเมืองหลวงแคว้นชิงหลวนล้วนเป็นที่ต้องการ เหลืออยู่แค่ห้องสองแห่งที่อยู่แยกกัน ราคาก็ราวกับจะปลิดชีพคน หนุ่มลูกจ้างร้านที่อยู่ตรงโต๊ะคิดเงินมีสีหน้าประมาณว่าอยากพักก็พัก ไม่อยากพักก็ไสหัวไป แต่เฉินผิงอันก็ยังคงควักเงินจ่ายค่าเข้าพัก แน่นอนว่าต้องให้ลูกจ้างร้านดูเอกสารผ่านทางเสียก่อน เพราะจำเป็นต้องลงบันทึกเอาไว้ เตรียมไว้เวลาที่ทางการของเมืองหลวงมาตรวจสอบหลังจากนี้ เมื่อเฉินผิงอันหยิบเอกสารผ่านทางหลายฉบับที่ชุยตงซานเตรียมมาไว้ให้เรียบร้อยแล้วออกมา ลูกจ้างร้านแน่ใจว่าไม่มีปัญหา เขาก็รีบเปลี่ยนสีหน้าใหม่ คัดลอกข้อมูลเสร็จสิ้นก็ประคองส่งคืนให้ด้วยสองมืออย่างนอบน้อม ลูกจ้างร้านขมีขมันอย่างถึงที่สุด แถมยังเอ่ยขออภัยเฉินผิงอัน บอกว่าตอนนี้โรงเตี๊ยมหาห้องว่างมาเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว แต่ขอแค่มีลูกค้าย้ายออก เขาจะต้องรีบแจ้งคุณชายเฉินให้รู้ทันที
เฉินผิงอันยิ้มพูดว่าตกลง ไม่นานลูกจ้างร้านก็เรียกเด็กสาวอายุน้อยคนหนึ่งออกมา ให้นางพาพวกเฉินผิงอันไปยังที่พัก
ส่วนลูกจ้างร้านนั้นรีบไปหาเถ้าแก่ทันที บอกว่ามีกลุ่มคนจากเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าหลีเดินทางลงใต้มาท่องเที่ยวมาเข้าพักที่โรงเตี๊ยม
เถ้าแก่คือบุรุษอ้วนฉุที่แทบจะมองไม่เห็นดวงตา สวมอาภรณ์ผ้าแพรที่พวกเศรษฐีชอบสวมใส่กันเป็นประจำ เขากำลังลิ้มรสชาอย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องปีกข้างที่เงียบสงบประดับตกแต่งอย่างหรูหราห้องหนึ่ง พอฟังคำของลูกจ้างร้านจบก็เห็นท่าทางเงี่ยหูรอฟังอย่างโง่งมของฝ่ายหลัง อยู่ดีๆ ก็ไม่รู้ว่าโทสะพุ่งมาจากไหน ยกเท้าถีบออกไปพร้อมสบถด่า “มัวยืนบื้ออยู่ทำไม หรือยังต้องให้ข้าผู้อาวุโสยกน้ำชามาให้เจ้าดื่มดับกระหาย? ในเมื่อเป็นนายท่านใหญ่ที่มาจากเมืองหลวงต้าหลีแล้วยังไม่รีบไปปรนนิบัติรับใช้อีก! มารดามันเถอะ กองทัพม้าเหล็กของต้าหลีพวกเขาใกล้จะมาถึงราชวงศ์จูอิ๋งแล้ว หากพวกเขาเป็นคุณชายสูงศักดิ์ในตระกูลขุนนางคนใดของต้าหลีขึ้นมาจริงๆ …ช่างเถอะ ข้าผู้อาวุโสไปเองดีกว่า ให้เจ้าไปทำแล้วข้าไม่วางใจ…”
ลูกจ้างหนุ่มที่มาขอความดีความชอบไม่สำเร็จ กลับยังถูกถีบไปหนึ่งทีก็อดนินทาในใจไม่ได้ ผลกลับกลายเป็นว่าดันโดนเถ้าแก่ร้านตบแรงๆ อีกที “ข้าผู้อาวุโสใช้ก้นคิดยังนึกสีหน้าที่ใช้สายตาสุนัขมองคนต่ำของเจ้าก่อนหน้านี้ออกเลย หากไม่เป็นเพราะเห็นแก่ที่เจ้าเรียกข้าว่าพี่เขย ป่านนี้คงให้เจ้าออกไปเก็บขี้หมาบนถนนแล้ว”
คนหนุ่มที่อาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวถึงได้มาเป็นลูกจ้างโรงเตี๊ยมกลับไปที่โต๊ะคิดเงินแล้วถึงได้กล้าสบถด่า พี่สาวที่งดงามประหนึ่งบุปผาประหนึ่งหยกของตนต้องมาเป็นอนุภรรยาของเจ้าหมูตัวนี้ มันช่าง…เป็นเรื่องที่โชคดีซะจริง กินอยู่ไร้ทุกข์ไร้กังวล สวมใส่เครื่องประดับเงินทอง ทุกครั้งที่กลับไปเยือนตรอกโทรมๆ อันเป็นบ้านเดิมก็ราวกับเหนียงเนียงในวัง มีหน้ามีตาอย่างยิ่ง ขนาดน้องชายอย่างเขาก็ยังได้อาศัยใบบุญไปด้วย
เมื่อเถ้าแก่ออกโรงด้วยตัวเองจึงสามารถหาห้องมาเพิ่มให้เฉินผิงอันได้อีกห้องหนึ่ง ดังนั้นเผยเฉียนกับสือโหรวจึงพักอยู่ห้องเดียวกัน เดิมทีฝ่ายหลังก็เหมาะสำหรับการฝึกตนยามค่ำคืน ไม่จำเป็นต้องนอนหลับอยู่แล้ว จึงให้เผยเฉียนยึดเตียงไปนอนเพียงลำพัง เฉินผิงอันกังวลว่าเผยเฉียนจะหวาดกลัวตัวตนวัตถุหยินและร่างของตู้เม่าจึงถามเผยเฉียนก่อน เผยเฉียนกลับไม่ถือสา แน่นอนว่าสือโหรวยิ่งไม่ถือสา ให้อยู่ร่วมห้องกับจูเหลี่ยนต่างหากที่จะทำให้นางขนลุกขนพองเหมือนอยู่ในบ่อมังกรถ้ำพยัคฆ์
เรื่องราวในโลกมนุษย์มากมายดุจขนวัว เฉินผิงอันเคยชินกับการทำอะไรอย่างใส่ใจมานานมากแล้ว หากเขาใส่ใจ คนข้างกายก็สามารถลดเรื่องหยุมหยิมไปได้ ทำให้หันมาทำเรื่องที่ถูกต้องจริงจังได้มากขึ้น และเขาก็ใช้วิธีการเช่นนี้นับตั้งแต่ที่ปกป้องพวกหลี่เป่าผิงไปขอศึกษาต่อที่ต้าสุย
ห้องทั้งสองห่างกันค่อนข้างไกล เผยเฉียนจึงมาคัดตัวอักษรอยู่กับเฉินผิงอันก่อน
เฉินผิงอันฝึกท่าฟ้าดิน จูเหลี่ยนไม่มีอะไรทำจึงตั้งท่าวานรยืนอยู่ในมุมห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!