กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 397

เฉินผิงอันมองดูหนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กตีกัน แล้วเอ่ยเตือนว่า “พวกเราซื้อของที่สนใจในเมืองหลวงเสร็จแล้วค่อยไปเที่ยวตามสถานที่ที่มีชื่อเสียงกัน อย่างมากสุดก็อยู่อีกสองวันแล้วค่อยไปที่ท่าเรือตระกูลเซียนทางทิศตะวันออกของแคว้นชิงหลวน เพื่อตรงไปที่สำนักศึกษาซานหยาต้าสุย”

จูเหลี่ยนหลบเลี่ยงเผยเฉียนพลางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยไม่จำเป็นต้องห่วงบ่าวเฒ่า กลัวก็แต่ว่านังหนูนี่จะไร้ขื่อไร้แป ประหนึ่งม้าป่าที่หลุดออกจากบังเหียน ถึงเวลานั้นก็จะเหมือนรถเทียมวัวคันนั้นที่พุ่งพรวดเข้ารกเข้าพง…”

เผยเฉียนกล่าวอย่างขุ่นเคือง “จูเหลี่ยน ทำไมเจ้าชอบปากอีกาแบบนี้เสมอ ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วจริงๆ นะ!”

จูเหลี่ยนกำลังจะพูดหยอกเด็กหญิงที่ผิวดำเป็นถ่านสักสองสามคำ นึกไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะเอ่ยว่า “ใช่ ไม่ควรปากอีกา”

จูเหลี่ยนรีบพยักหน้าตอบรับทันที “นายน้อยสั่งสอนได้ถูกต้อง”

เผยเฉียนนั่งลง เอามือหนึ่งกุมท้อง อีกมือหนึ่งชี้หน้าจูเหลี่ยน ในที่สุดก็คว้าโอกาสแก้แค้นได้ จึงพูดกลั้วหัวเราะเสียงดังว่า “ยังมีหน้ามาพูดว่าข้าขับเรือตามกระแสลม พ่อครัวเฒ่า เจ้ามั่วแล้วกระมัง”

จูเหลี่ยนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่างเจ้านั้นเรียกว่าหญ้าบนยอดกำแพง อย่างข้านี่เรียกว่าผู้รู้สถานการณ์คือผู้สง่างามและมีปัญญาเป็นเลิศ สง่างามมาจากคำว่าหล่อเหลาสง่างาม ปัญญามาจากคำว่าสติปัญญา”

เผยเฉียนกะพริบตาปริบๆ พูดด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ “อาจารย์บอกว่าในพื้นที่มงคลดอกบัวของพวกเรา เจ้าเคยเป็นคุณชายที่หล่อเหลาหาผู้ใดมาเปรียบมิได้?”

ไม่รอให้จูเหลี่ยนพูดจ้อถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ในอดีต เผยเฉียนก็เอาสองมือกุมท้องหัวร่องอหงายจนหัวกระแทกกับโต๊ะ “เจ้าโม้เสียมากกว่ากระมัง ขำจะตายอยู่แล้ว โอ้ย ปวดท้อง…”

จูเหลี่ยนเห็นว่าเฉินผิงอันเองก็กลั้นยิ้มเหมือนกันก็ให้รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย

……

ขณะที่งานโต้วาทีพุทธเต๋ากำลังจะปิดฉากลง ในคฤหาสน์หลบร้อนแห่งหนึ่งนอกชานเมืองหลวงแคว้นชิงหลวน ฮ่องเต้สกุลถังแอบเสด็จมาอย่างเงียบเชียบ เมื่อมีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยือน แม้ว่าถังหลีจะเป็นกษัตริย์ในโลกมนุษย์ แต่ก็ยังไม่กล้าละเลยคนผู้นี้อยู่ดี

เพราะผู้ที่มาเยือนคือผู้เฒ่าที่มีชื่อเสียงและคุณธรรมสูงส่งคนหนึ่งของสกุลเจียงอวิ๋นหลิน เขาเป็นทั้งเทพเซียนผู้เฒ่าห้าขอบเขตบนที่ปานประหนึ่งเสาค้ำยันมหาสมุทร อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ใหญ่ที่รับผิดชอบถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกหลานสกุลเจียงอวิ๋นหลินทุกคนอีกด้วย เขามีนามว่าเจียงเม่า

นอกจากนี้ยังมีบุตรสาวสกุลเจียงสายตรงที่หลังจากแต่งงานไปอยู่ที่ตระกูลฝูนครมังกรเฒ่าก็ได้หวนกลับคืนมาเยี่ยมบ้านเดิม รวมไปถึงหมัวมัวผู้อบรมมารยาทคนหนึ่งที่ติดตามนางไปจากสกุลเจียงด้วย เล่าลือกันว่านางคือผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่มีพลังสังหารน่ากลัวท่านหนึ่ง

ส่วนข้างกายถังหลีก็มีผู้ติดตามสองคน คนหนึ่งคือผู้เฒ่าเชื้อพระวงศ์ที่สามารถทำให้เขาวางใจที่จะปล่อยอำนาจให้ได้ นามว่าถังจ้ง หากนับกันตามลำดับศักดิ์แล้ว อันที่จริงก็ถือว่าเป็นอาของฮ่องเต้ถังหลี เคยมีการเขียนจดหมายไปมาหาสู่กับหลิ่วจิ้งถิงรองเจ้ากรมผู้เฒ่าหลิ่วเป็นการส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นจดหมายทะเลาะกันซะมากกว่า และอันที่จริงแล้วถังหลีก็เคยอ่านจดหมายเหล่านั้น

อีกคนหนึ่งก็คือผู้เฒ่าจมูกเหยี่ยว คืออันดับหนึ่งในบรรดาเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลทุกคนของแคว้นชิงหลวน นามว่าโจวหลิงจือ หลายคนล้วนลืมไปแล้วว่าเซียนซือผู้เฒ่าคนนี้มีชาติกำเนิดมาจากผู้ฝึกตนอิสระ แต่การที่เขาช่วยประคับประคองสนับสนุนฮ่องเต้สกุลถังมานานถึงสามรุ่น แม้ชื่อเสียงจะไม่ค่อยดี เพียงแต่ว่าถังหลีเติบโตขึ้นมาในครอบครัวเชื้อพระวงศ์ สายตาของเขามองเห็นเพียงการรวมบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น เห็นเพียงโชคชะตาหมื่นปีของแคว้น ไหนเลยจะถือสาคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เจ็บไม่คันพวกนี้

มาพบเทพเซียนผู้เฒ่าจากสกุลเจียงอวิ๋นหลินผู้นั้น ต่อให้กษัตริย์แห่งแคว้นชิงหลวนอย่างถังหลีจะไม่มีสีหน้าดีๆ ให้กับเซียนซือบนภูเขาในถิ่นของตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ยังคงรักษามารยาทที่ผู้น้อยพึงมีเอาไว้

ทั้งสองฝ่ายนั่งลงตรงข้ามกัน

ราวกับจงใจไม่แบ่งแยกเจ้าบ้านและแขก ยิ่งไม่มีการแบ่งแยกกษัตริย์กับขุนนางอะไร

ผู้เฒ่าไม่ได้วางท่าอย่างที่คิดเอาไว้ คำพูดคำจาก็สุภาพนุ่มนวล

ถังหลีบอกให้ขุนนางกรมพิธีการมอบเอกสารคดีปึกใหญ่และภาพวาดที่บันทึกวิธีคัดลอกลายของตระกูลเซียนจำนวนหนึ่งให้แก่เจียงเม่า ขุนนางผู้นี้คือขุนนางหนุ่มจากกรมพิธีการที่หน้าตาได้สัดส่วนงดงามและมีฝีปากคมกริบ ขณะที่เจียงเม่าพลิกเปิดเอกสารคดีและมองภาพวาด เลขาธิการของกรมพิธีการท่านนี้ก็รายงานเหตุการณ์คร่าวๆ ที่เกิดขึ้นในงานโต้วาทีพุทธเต๋าให้เทพเซียนผู้เฒ่าสกุลเจียงฟัง เพียงแต่ว่าเมื่อถึงจุดที่น่าตื่นตาตื่นใจ น่าตะลึงพรึงเพริด เขากลับเล่าอย่างละเอียด อีกทั้งยังพูดอย่างคล่องแคล่วว่องไว เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนในตำนาน เขากลับไม่วางตัวต่ำต้อยและไม่เย่อหยิ่ง บางครั้งก็ตอบคำถามได้อย่างเหมาะสม เป็นหน้าเป็นตาให้กับฮ่องเต้อย่างยิ่ง

ดังนั้นถังหลีจึงถูกใจมาก เขาเบี่ยงตัวหันไปมองทางถังจ้งผู้เป็นอา

ฝ่ายหลังอธิบายเบาๆ ว่า “ซ่งซานซีแห่งกองงานระเบียบพิธีสังกัดกรมพิธีการ ลูกหลานสกุลซ่งเขตการปกครองชิงซง คือปั้งเหยี่ยน (คือบัณฑิตจิ้นชื่อที่สอบได้อันดับที่สอง หรือเป็นรองแค่บัณฑิตจอหงวนเท่านั้น) ปีที่สองของชิวขุย”

ถังหลีกล่าว “คราวหน้ามาสอบที่เมืองหลวง สามารถเลื่อนระดับได้”

ถังจ้งยิ้มพลางพยักหน้ารับ

ถังหลีพลันถามขึ้นว่า “เหตุใดวันนี้ผู้บัญชาการณ์เหวยถึงไม่อยู่ด้วย?”

ถังจ้งอธิบาย “ผู้บัญชาการณ์เหวยสนิทกับลูกหลานสกุลเจียงผู้หนึ่งที่ชื่อว่าเจียงอวิ้น เจียงอวิ้นมาพบกับพี่สาวของเขาที่นี่ จึงพาผู้บัญชาการณ์เหวยไปด้วย”

ผู้เฒ่าโจวหลิงจือเซียนซืออันดับหนึ่งในนามของแคว้นชิงหลวนนั่งฟังอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินฮ่องเต้เอ่ยเรียกเหวยเลี่ยงว่า ‘ผู้บัญชาการณ์เหวย’ หนังตาก็สั่นกระตุกเบาๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!